ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - บทที่ 15 บทที่ 464 แม้แต่น้ำในซาลาเปาก็จะดูดให้หมด
บทที่ 464 แม้แต่น้ำในซาลาเปาก็จะดูดให้หมด
ซ่งฉางชิงไม่กล้าเดินเข้าไปหา ได้แต่จ้องมองร่างบางอรชรนั่นจากในเงามืดอย่างไม่หวั่นเกรง
ดูนางบิดเอวเป็นบางครั้ง กระโดดโลดเต้นเป็นบางครา ทั้งยังได้ยินเสียงหัวเราะของนางเป็นระยะ ประหนึ่งว่านางกำลังขับขานบทเพลง ซ่งฉางชิงได้ยินเสียงอย่างเบาหวิวอยู่หลายประโยค
“เพียงหวังให้เจ้าปลอดภัยอยู่ยืนยาว แม้นห่างไกลยังชมจันทร์ดวงเดียวกัน…”
นั่นเป็นบทกลอนในตำราที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้ ซ่งฉางชิงเคยได้ยินคนขับขานทั้งบนถนนสายใหญ่และตรอกซอกซอย
น้ำเสียงนุ่มละมุน ขับขานได้ไพเราะถึงเพียงนี้ ไพเราะจับใจยิ่งนัก
ซ่งฉางชิงพิงอยู่ที่หัวมุม จ้องมองอย่างไม่คิดหวั่นเกรง
ปกติยามมีผู้อื่นอยู่ สายตาของเขาจะไม่มองไปที่นาง ด้วยเกรงว่าจะถูกผู้อื่นจับพิรุธได้ แต่คราวนี้ มีเขาเพียงคนเดียวแล้ว…
เซี่ยยวี่หลัวร้องจบไปหนึ่งเพลง เดินก็เดินแล้ว ยืดเส้นยืดสายก็ทำแล้ว ยังคงไม่เห็นคนกลับมา จึงได้แต่รอคอยต่อ
เพียงแต่ นางสัมผัสได้ว่าคล้ายกับมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องนางอยู่ตลอด
หากสัมผัสรับรู้ของนางไม่ผิดพลาด สายตาคู่นั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายหรือแฝงเร้นด้วยอันตรายใดๆ เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะหันมองไป ก็ได้ยินเสียงเรียกของเด็กสองคนดังขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่…”
กลับมาแล้ว!
เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ลืมเรื่องสายตาคู่นั้นที่อยู่ด้านหลังไปเสียสนิท ก่อนเดินเข้าไปหา “พวกเจ้าไปที่ไหนกัน? ข้ารอพวกเจ้านานแล้ว! ”
เซียวยวี่เหงื่อโชกศีรษะ ปล่อยมือจากเด็กสองคน โผเข้ากอดเซี่ยยวี่หลัวไว้ “เด็กโง่ เจ้าไปที่ไหนกัน? ”
“เดิมทีข้าตามพวกเจ้าอยู่ แต่พอข้าเงยหน้า พวกเจ้าก็หายไปแล้ว ข้าหาพวกเจ้า แต่หาไม่พบ กลัวว่าพวกเจ้าจะตามหาข้า ข้าจึงกลับมารอพวกเจ้าก่อน! ”
“ดี ดี ต่อไปหากเกิดเรื่องเช่นนี้อีก ก็กลับบ้าน กลับบ้านรอข้า! ” เซียวยวี่ตกใจจนขวัญกระเจิงแล้ว
ตอนที่พบว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้อยู่ข้างกายเขา เซียวยวี่ก็พาเด็กสองคนตามหาบนท้องถนนทันที แต่หาอยู่นานก็ยังหาไม่พบ ยังดีที่เขาลองกลับมาดู มิเช่นนั้น เกรงว่าอาหลัวคงต้องรอเขาอยู่ข้างนอกทั้งคืน
“ข้ารู้ ข้าไม่เดินไปทั่วแน่นอน! ” เซี่ยยวี่หลัวปลอบโยน “ข้ายังสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง อย่ากอดแน่นเช่นนี้ เด็กสองคนเห็นแล้วจะไม่ดี”
เซียวยวี่ปล่อยมือออก หันมองเด็กสองคนพร้อมกล่าวตำหนิ “ต่อไปหากมีคนเยอะเช่นนี้ พวกเจ้าไม่ต้องออกมาแล้ว อยู่บ้านไม่ต้องออกไปไหน! ”
เขาโมโหแล้ว โมโหเป็นอย่างมาก
เซี่ยยวี่หลัวกำลังคิดจะบอกว่าจูงมือให้ดีก็พอแล้ว ที่ไหนได้เด็กสองคนกลับกล่าวว่า “ได้” อย่างพร้อมเพรียง
มีเพียงสวรรค์ที่รู้ ตอนพบว่าพี่สะใภ้ใหญ่หายไป พวกเขาตกใจแทบตาย
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาวิ่งไปทั่ว พี่สะใภ้ใหญ่คงไม่หายตัวไป ต่อไปไม่กล้าวิ่งไปทั่วอีกแล้ว!
ทุกคนเข้าไปในบ้าน เงาร่างที่เร้นกายอยู่ในมุมมืดก็เดินหายเขาไปในเงามืด
แสงจันทร์สาดส่องไปบนกายเขาราวกับเป็นสายน้ำที่ไหลผ่าน ดูไปแล้วทั้งโดดเดี่ยวและเดียวดาย
ค่ำคืนที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้ว
เมื่อผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์ ทุกคนก็นั่งรถม้ากลับไปแต่เช้า
ถึงอย่างไรเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้เซียวยวี่ตกใจแทบแย่ ระยะนี้ไม่มีทางพาเด็กสองคนเข้าไปในตัวเมืองอีก เด็กสองคนรู้ว่าตัวเองกระทำผิด ท่าทางไม่มีชีวิตชีวา จวบจนเซี่ยยวี่หลัวซื้อขนมและซาลาเปาไส้หมูมา เด็กสองคนจึงรู้สึกดีอกดีใจ
มีส่วนของเก๋อเหลียงหยวนด้วย เซี่ยยวี่หลัวยื่นส่งซาลาเปาไส้หมูไปให้สองลูก
“ไม่ต้อง ไม่ต้องขอรับอาจารย์หญิง ข้ากินมาแล้วขอรับ! ” เก๋อเหลียงหยวนรีบโบกมือพร้อมกล่าวว่าไม่กิน
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “กินมาแล้วกินอีกจะเป็นอะไรไป มา ข้าให้เจ้า กินเสียตอนร้อนๆ! ”
ผู้ใหญ่ได้สามลูก เก๋อวั่งไม่อยากรับไว้ แต่เซี่ยยวี่หลัวก็ยัดเยียดให้เขาจนได้ เก๋อวั่งจึงได้แต่รับไว้
ซาลาเปาไส้หมูแป้งบางไส้เยอะ อร่อยเสียยิ่งกว่าอะไร เก๋อวั่งไม่ได้กินเนื้อหมูมานานแล้ว เขากินซาลาเปาไส้หมูสองลูกลงท้องไปอย่างรวดเร็ว
เก๋อเหลียงหยวนก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้กินเนื้อมานานมากแล้ว กัดเพียงไม่กี่คำก็กินซาลาเปาลงท้องไปหมด
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเด็กคนนี้กินอย่างตะกละตะกลาม ราวกับไม่ได้กินเนื้อหมูมานานแล้วอย่างไรอย่างนั้น นางไม่ได้กล่าวอะไร นั่งเงียบตลอดทางจนกลับถึงหมู่บ้านสกุลเซียว
ยังคงเหมือนเช่นเคย คนที่ต้องเรียนก็ไปเรียน เซี่ยยวี่หลัวกลับบ้านไปทำงานของตัวเอง เริ่มเตรียมอาหารเที่ยง
นางหั่นเนื้อหมูสามชั้นมาสองจิน ตอนเที่ยงทำหมูตุ๋นน้ำแดง และปลาตุ๋นน้ำแดงสองตัว รวมถึงผักอีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงไปรอที่สถานศึกษา
เพิ่งถึงตรงประตู เด็กๆ ก็กรูกันออกมา เอ่ยเรียกอาจารย์หญิงอย่างมีมารยาท ก่อนจะแยกย้ายกันไป
เซียวยวี่และเด็กๆ กำลังทำความสะอาดอยู่ เซี่ยยวี่หลัวจึงเข้าไปช่วย ไม่นานก็ทำเสร็จ ทุกคนจึงกลับไปกินข้าว
ทว่า เก๋อเหลียงหยวนที่เมื่อครู่ยังช่วยงานอยู่กลับหายไป ไม่รู้ว่าไปแอบอยู่ที่ไหน
ยังดีที่มีเพียงไม่กี่ห้อง เซี่ยยวี่หลัวไปตามหา ในที่สุดก็พบเก๋อเหลียงหยวนในมุมหนึ่งของลานด้านหลัง
เก๋อเหลียงหยวนนั่งอยู่บนขั้นบันได กำลังจะเริ่มกินข้าว
“เหลียงหยวน กลับไปกินข้าวกับอาจารย์หญิง! ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางกวักมือ
เก๋อเหลียงหยวนรีบลุกขึ้น “อาจารย์หญิง ท่านพ่อทำให้ข้าแล้ว ข้ามีข้าวแล้วขอรับ”
“ไปเถิด กลับไปกินกับข้า”
“ไม่ต้องแล้วจริงๆ ขอรับอาจารย์หญิง หากข้าไม่กินอาหารเหล่านี้ ถึงตอนเย็นก็คงเสีย จะสิ้นเปลืองขอรับ! ” เก๋อเหลียงหยวนไม่ไป กอดห่อสัมภาระไว้แน่น
เซี่ยยวี่หลัวไม่เข้าไปดึง เพียงเอ่ยถาม “เที่ยงนี้ข้าทำหมูตุ๋นน้ำแดงและปลาตุ๋นน้ำแดงไว้ เจ้าไม่ไปกินหน่อยหรือ? ”
เก๋อเหลียงหยวนส่ายหน้า “ไม่ไปขอรับ อาจารย์หญิง ข้าก็มีเนื้อหมูขอรับ”
มีเนื้อหมู?
หากได้กินเนื้อหมูเป็นประจำ มีหรือที่ตอนกินซาลาเปาไส้หมู จะเสียดายถึงขั้นไม่ปล่อยให้น้ำแกงข้างในหยดออกมาแม้แต่หยดเดียว ตอนนั้นเซี่ยยวี่หลัวเห็นอย่างชัดเจน เขาไม่ทันระวังทำน้ำแกงในซาลาเปาไส้เนื้อไหลลงมาตรงมือ เก๋อเหลียงหยวนยังเลียอยู่หลายครั้ง
“อาหารนี่เก็บมาครึ่งวันแล้ว ต้องเย็นแล้วแน่นอน หากกินเนื้อหมูที่เย็นแล้วจะท้องเสียได้ง่าย ถ้าอย่างไรเอาเช่นนี้ เจ้าไปบ้านข้า ข้าจะอุ่นอาหารให้เจ้า”
เซี่ยยวี่หลัวทำทีเป็นจะเข้าไปหยิบห่อสัมภาระของเก๋อเหลียงหยวน
เก๋อเหลียงหยวนกอดห่อสัมภาระรีบถอยหลังไปสองก้าว ห่อสัมภาระไม่ได้ผูกไว้ดีๆ หมั่นโถวชิ้นหนึ่งจึงหล่นออกมาจากมุมผ้า ร่วงลงบนพื้น
เซี่ยยวี่หลัวมองหมั่นโถวด้วยอาการเหม่อลอย เก๋อเหลียงหยวนรีบเดินขึ้นหน้าไปเก็บกลับมา เป่าสองที ตบฝุ่นออกอีกสองครั้ง ก่อนใส่เข้าไปในห่อสัมภาระดังเดิม แล้วจึงมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางเก้อเขิน “อาจารย์หญิง ข้า…”
“ไป กลับไปกินข้าวกับอาจารย์หญิง! ” คราวนี้เซี่ยยวี่หลัวไม่รอให้เก๋อเหลียงหยวนปฏิเสธอีก เดินขึ้นหน้าไปจับเขาไว้ทันที
เก๋อเหลียงหยวนยังคงไม่ยอมไป “อาจารย์หญิง ข้าไม่ต้องไปกินจริงๆ ขอรับ! ”
เซี่ยยวี่หลัวหันกลับมา รู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย