ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 1 บทที่ 13 หนทางยาวไกลเพิ่งเริ่มต้น
เซียวจื่อเมิ่งยิ้มหวานพร้อมกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนทำผมให้ข้า เสื้อผ้าพี่สะใภ้ใหญ่ก็เป็นคนทำให้! พี่รอง ดูดีหรือไม่?”
นางเองยังคิดว่าดูดียิ่งนัก เงาตัวเองที่สะท้อนในกระจก ทั้งดูดีทั้งสะอาด นางยังไม่เคยเห็นตัวเองที่ดูดีขนาดนี้มาก่อน
เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังยิ้มอย่างสุขใจขณะยืนพิงขอบประตู ก่อนยิ้มพร้อมกล่าวกับน้องสาว “ดูดีจริงๆ!”
ไม่ว่าเซี่ยยวี่หลัวจะทำอะไร แต่อย่างน้อยตอนนี้เซี่ยยวี่หลัวก็ดีกับน้องสาวตน เซียวจื่อเซวียนรู้ว่าต้องสำนึกบุญคุณ
เซี่ยยวี่หลัวอาบน้ำให้เซียวจื่อเมิ่งเสร็จ ก็เป็นช่วงสายแล้ว นางรีบไปห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเที่ยง บอกไว้แล้วว่าตอนเที่ยงจะกินเกอต่าทัง[1]อีก
นางตอกไข่ไก่สองฟองลงไปในแป้ง หลังเตรียมแป้งเสร็จ เห็นว่าไม่มีฟืนแล้ว จึงคิดจะไปหยิบฟืน เซียวจื่อเซวียนก็หอบฟืนเข้ามาพอดี หลังจากวางฟืนลง จึงนั่งบนเก้าอี้เล็กช่วยใส่ฟืน
เซี่ยยวี่หลัวเห็นก็ไม่ได้กล่าวอะไร หลังจากน้ำเดือดจึงใส่ก้อนแป้งลงไป เมื่อแป้งจับตัวแล้วจึงคนให้เข้าน้ำ ก้อนแป้งที่จับตัวเป็นก้อนลอยขึ้นเหนือน้ำ รอจนน้ำเดือดอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวจึงใส่ผักจี้ช่ายที่หั่นไว้แล้ว ครั้งนี้นางใส่ผักจี้ช่ายลงไปไม่น้อย เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ผักก็ต้องกินให้มาก เมื่อน้ำเดือดอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวจึงบอกว่าไม่ต้องเติมฟืนแล้ว พร้อมกับเหยาะน้ำมันหอมลงไปจำนวนหนึ่ง ก่อนใส่เกลือเล็กน้อย จากนั้นจึงนำขึ้นจากหม้อ
เพิ่งตักออกมา เพียงหันไปวางกระบวยลง หันกลับมาเกอต่าทังก็หายไปแล้ว
เห็นเพียงแผ่นหลังของเซียวจื่อเซวียน ที่กำลังยกเกอต่าทังออกไปอย่างระมัดระวัง เซี่ยยวี่หลัวยกยิ้มขึ้นมา ใช้น้ำร้อนลวกชามกับตะเกียบ หันกลับไปไม่ทันไร เซียวจื่อเซวียนก็เข้ามาอีกครั้ง และยกชามกับตะเกียบไปจากไป
นี่เขากำลังช่วยอย่างนั้นหรือ?
เพียงแต่ไม่กล่าวอะไรกับตนเองแม้แต่คำเดียว เซี่ยยวี่หลัวยิ้มขมขื่นพร้อมส่ายหน้า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์ใจคนสินะ!
เซี่ยยวี่หลัว หนทางยังยาวไกล เจ้าเพิ่งเริ่มก้าวเดินเท่านั้น!
ภายในห้อง เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งยืนรอนาง เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวเดินเข้ามา ก็ยังไม่กล้านั่ง รอจนเซี่ยยวี่หลัวตักแบ่งเสร็จแล้ว วางไว้ตรงหน้าพวกเขา ถึงกล้านั่งลง เด็กสองคนก็ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนเคย เซี่ยยวี่หลัวบอกเพียงครั้งเดียว พวกเขาก็นั่งลงและเริ่มกินทันที
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวกินเสร็จ เซียวจื่อเซวียนก็ไปล้างชาม เซียวจื่อเมิ่งไปช่วยอีกแรง ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องให้เซี่ยยวี่หลัวช่วยด้วยซ้ำ
กินอิ่มแล้ว เซี่ยยวี่หลัวไปพักผ่อนตามปกติ
หลังจากตื่นนอน เซี่ยยวี่หลัวนำเสื้อผ้าที่สวมไม่ได้มาเย็บแก้อยู่บนเตียง ไม่ง่ายเลยกว่าจะแก้เสร็จสักตัว พอเหยียดกายบิดขี้เกียจ ก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากด้านนอก เซี่ยยวี่หลัวรีบลุกขึ้น เปิดประตูห้องมองออกไป ภายในลานบ้านไม่มีที่ให้หลบซ่อน แต่ไม่เห็นใครเลย!
ทว่า เมื่อครู่นางได้ยินจริงๆ ว่ามีคนอยู่
ความรู้สึกประหลาดเช่นนี้…
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจนัก จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนกำลังถูกจับตามอง
หนที่สองแล้ว!
นางกลับห้องไปด้วยความรู้สึกฉงน พับเสื้อผ้าที่แก้แล้วอย่างเป็นระเบียบ เก็บข้าวของเสร็จ พระอาทิตย์ก็ตกแล้ว ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เซี่ยยวี่หลัวเริ่มเตรียมอาหารเย็น เหลือไข่สองฟองสุดท้าย เซี่ยยวี่หลัวไม่คิดประหยัด ใช้ทั้งสองฟองที่เหลือ
นางหุงข้าวหม้อใบเล็ก ทำแผ่นแป้งไข่ไก่ใส่ผักจี้ช่าย ทั้งยังต้มแกงผักจี้ช่าย
นางใช้ผักจี้ช่ายเต็มที่ ถึงอย่างไรสองพี่น้องก็ไปเก็บผักป่าทุกวัน ยิ่งไปกว่านั้น กินผักจี้ช่ายมากหน่อยก็ดีต่อร่างกาย ช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหาร
หลังทำอาหารเสร็จ สองพี่น้องก็กลับมา นำผักป่ากลับมาอีกหนึ่งตะกร้า
เซี่ยยวี่หลัวเดินไปหาพวกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เซียวจื่อเมิ่งไม่คิดจะหลบเลี่ยงหรือถอยหลัง เซี่ยยวี่หลัวยื่นมือรับตะกร้ามา เซียวจื่อเซวียนก็ยื่นให้นางแต่โดยดี
เซี่ยยวี่หลัวรับตะกร้ามา ดูผักจี้ช่ายสดใหม่ที่เพิ่งเก็บมาหมาดๆ ประคองก้นตะกร้า นำไปแขวนไว้บนตะขอเหล็กบนคานห้อง จากนั้นจึงตักน้ำมาครึ่งอ่างไม้ ก่อนเติมน้ำร้อนสองกระบวย แล้วจึงเรียกเด็กสองคน “มาล้างมือเร็ว”
น้ำในอ่างไม้อุ่นกำลังดี เซียวจื่อเมิ่งยื่นมือเข้าไปในอ่าง ยิ้มพร้อมกล่าวอย่างมีความสุข “อุ่นเหลือเกิน!”
เซี่ยยวี่หลัวก้มลงมองนาง แย้มยิ้มงามดุจบุปผา “เจ้าแมวน้อย เช็ดหน้าแล้วเรามากินข้าวกัน!”
เจ้าแมวน้อย?
ครั้งก่อนพี่สะใภ้ใหญ่ก็บอกว่าตัวเองเป็นลูกแมวตัวเปื้อน
เซียวจื่อเมิ่งยิ้มกว้าง ไม่นานก็ล้างมือเสร็จ ก่อนกระโดดโลดเต้นไปช่วยเซี่ยยวี่หลัว
จิตใจของเด็กบริสุทธิ์ที่สุด และซื้อใจได้ง่ายที่สุด นางในอดีตเคยทำเรื่องไม่ดีมากมาย แต่หลังจากทำเรื่องดีๆ เด็กคนนี้ก็จะลืมความรู้สึกไม่ดีในอดีตไป
แต่เด็กที่โตกว่าเล็กน้อยนั้น…
เซี่ยยวี่หลัวหันมองเด็กชาย ที่ยังเงียบขรึมไม่พูดจา ออกไปเทน้ำสกปรกด้านนอกด้วยสีหน้าบึ้งตึง
คิดจะซื้อใจเขา ต้องพยายามให้มากขึ้นอีก
หลังกินมื้อเย็นเสร็จ เซียวจื่อเซวียนไปล้างชามที่ห้องครัว เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเซียวจื่อเมิ่งเข้าไปในห้องของนาง นำเสื้อนวมสีเหลืองที่ตัวเองใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายในการเย็บแก้มาเทียบขนาดร่างกายเซียวจื่อเมิ่ง
ฝีมือการเย็บของนางไม่เลวเลย แก้ขนาดเสื้อนวมได้พอดีตัว ใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย ขณะขยับร่างกาย ยังมีที่เหลือ ตำแหน่งที่ตัดออก มีการเย็บเก็บอย่างละเอียด เย็บเหมือนกับเพิ่งซื้อมาใหม่อย่างไรอย่างนั้น
เซียวจื่อเมิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีเสื้อนวมอีกหนึ่งตัว เอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางหวั่นเกรง “ตัวนี้ก็ให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “แน่นอน ล้วนแต่เป็นเสื้อที่พี่สะใภ้ใส่ไม่ได้แล้ว รอให้พี่สะใภ้มีเงิน จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้าใส่!”
ซื้อเสื้อผ้าใหม่มาใส่?
เซียวจื่อเมิ่งตกตะลึงจนมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยอาการอ้าปากค้าง อย่าว่าแต่ซื้อเสื้อผ้าเลย แค่เซี่ยยวี่หลัวเย็บแก้เสื้อให้นางสองตัว ก็ทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อแล้ว ตั้งแต่นางจำความได้ นางยังไม่เคยได้สวมใส่เสื้อผ้าดีขนาดนี้มาก่อน
เมื่อเห็นเซียวจื่อเมิ่งไม่รับไป เซี่ยยวี่หลัวจึงรู้สึกร้อนใจ “เป็นอะไรไป? ไม่ชอบสีนี้หรือ? ไม่ชอบก็ไม่เป็นอะไร ครั้งหน้าพี่สะใภ้จะทำสีอื่นให้เจ้า!”
เซียวจื่อเมิ่งรีบกอดเสื้อไว้แน่น หยาดน้ำตาเม็ดโตพลันไหลรินลงข้างแก้ม “ชอบ ข้าชอบมาก!”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าว “ชอบแล้วจะร้องไห้ไปไย อย่าร้องไห้ เจ้าน่ารักขนาดนี้ ร้องไห้จะดูไม่งาม ไม่ต้องร้องแล้ว!”
นางเป็นคนชอบยิ้มแย้ม ในแต่ละวันมีเรื่องเบิกบานใจมากมาย ดังนั้น นางจึงไม่ชอบความเศร้าโศก และนางก็เป็นคนใจอ่อนเสียยิ่งกว่าอะไร ทนเห็นคนอื่นร้องไห้ไม่ได้
เซียวจื่อเมิ่งกัดริมฝีปากขณะฝืนกลั้นน้ำตา มองดูเซี่ยยวี่หลัว เบื้องลึกแววตาไม่มีความหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้า นางกอดเสื้อไว้ ก้าวเข้าไปคล้ายอยากเชื่อมความสัมพันธ์ หยุดอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากเซี่ยยวี่หลัวสองก้าว ดวงตาคู่โตจ้องมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า เหมือนอยากกล่าวอะไรแต่ก็ไม่กล้า
“เป็นอันใดไปเล่า?” เซี่ยยวี่หลัวพบว่านางผิดปกติ จึงรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่สบายที่ใดหรือไม่?”
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า สูดลมหายใจก่อนกล่าวด้วยท่าทางน่าสงสาร “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้า… ข้าขอกอดท่านได้หรือไม่?”
เซี่ยยวี่หลัวย่อตัวลงช้าๆ จากนั้นจึงกางแขน ยิ้มพร้อมกล่าว “จื่อเมิ่ง…”
เซียวจื่อเมิ่งโผเข้าอ้อมอกเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวโอบกอดร่างซูบผอมนั้นไว้แน่น
พอคิดถึงอนาคตอันน่าเวทนาของเด็กคนนี้ที่เขียนไว้ในนิยาย เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา ในเสี้ยววินาทีนี้ นางไม่เสียใจเลยที่ทะลุมิติเข้ามาในร่างนางร้ายผู้นี้ กลับกัน นางรู้สึกดีใจยิ่งนัก
ยังดีที่ตนเองไม่ได้มาช้าเกินไป!
เรื่องร้ายทั้งหมดยังไม่ได้เกิดขึ้น เด็กน้อยผู้นี้ยังมีชีวิตและยืนอยู่ตรงหน้านาง!
เซี่ยยวี่หลัวดีใจยิ่งนัก คืนวันต่อจากนี้ นางจะคอยเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เติบใหญ่ ไม่ให้นางเผชิญกับชะตากรรมน่าอนาถตามที่เขียนไว้ในนิยาย
[1] เกอต่าทัง เป็นซุปน้ำข้นที่ใส่ก้อนแป้งกลมๆ