ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 1 บทที่ 15 เก็บกวาดบ้านจนสะอาด
หารือ?
เซียวจื่อเซวียนเดินเข้ามาได้ยินเซี่ยยวี่หลัวบอกว่าจะหารือพอดี
“พี่สะใภ้ใหญ่?”
“ข้าอยากจัดห้องของเจ้าใหม่ เตียงนี่จะวางติดกำแพงไม่ได้ หากฝนตกน้ำจะซึมเข้ามาได้ง่าย ข้าคิดจะวางไว้ตรงนี้ ห่างจากกำแพงเล็กน้อยจะได้ไม่ชื้น เจ้าคิดว่าพอจะได้หรือไม่?” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวพลางชี้ให้ดู
เซียวจื่อเมิ่งไม่เข้าใจ เพียงพยักหน้าพร้อมบอกว่าได้
เซี่ยยวี่หลัวกำลังคิดจะย้าย ก็เห็นเซียวจื่อเซวียนเข้ามา “ไม่ได้ จื่อเมิ่งชอบนอนพลิกตัวไปมา หากย้ายเตียงมา ไม่พิงกำแพง ข้ากลัวนางจะตกเตียง!”
“ข้ารู้!” เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามเป็นเชิงขอความคิดเห็น “อือ คือว่า ข้าอยากให้จื่อเมิ่งนอนกับข้า เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
เซียวจื่อเมิ่งมองเซี่ยยวี่หลัว ก่อนหันมองเซียวจื่อเซวียน นอนกับพี่สะใภ้อย่างนั้นหรือ?
แววตาเซียวจื่อเซวียนเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เขามองเซี่ยยวี่หลัว พร้อมดึงเซียวจื่อเมิ่งมา ท่าทีระแวงนั้น ราวกับเซี่ยยวี่หลัวเป็นปีศาจกินคนอย่างไรอย่างนั้น
เซี่ยยวี่หลัวกลัวเขาจะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย “เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงคิดว่า เจ้าอายุแปดขวบแล้ว เตียงก็เล็ก นอนคนเดียวยังพอได้ นอนสองคนจะเบียดเกินไป ข้าคิดว่าเตียงของข้าใหญ่ จะให้จื่อเมิ่งมานอนกับข้าได้หรือไม่ เจ้าเองก็จะได้นอนสบายขึ้น!”
เซียวจื่อเซวียนไม่กล่าวสิ่งใด ไม่พยักหน้าแต่ก็ไม่ได้ส่ายหน้า แต่ที่เขาไม่ตอบตกลง เซี่ยยวี่หลัวก็เข้าใจว่าเซียวจื่อเซวียนไม่วางใจ จึงได้แต่ปล่อยไป
นำโต๊ะเตี้ยในห้องตัวเองออกมาวางไว้ริมกำแพง ก่อนนำเก้าอี้สองตัวมาไว้ด้านใน เตียงยังใหญ่เท่าเดิม แต่ไม่ได้ติดกำแพง หากฝนตกแล้วมีน้ำรั่วซึมก็จะไม่เป็นอะไรมาก
นางทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ก็กลับห้องตัวเองเพื่อพักผ่อน เหลือเพียงสองพี่น้องนั่งอยู่บนเตียง มองดูห้องอันคุ้นเคยของตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ
ห้องยังคงเป็นห้องเดิม หลังจากทำความสะอาดอย่างละเอียด กลับเกิดความรู้สึกไม่คุ้นชิน
ใยแมงมุมที่ติดอยู่ตามมุมเพดานถูกปัดกวาดจนสะอาด โต๊ะถูกเช็ดจนไม่มีคราบฝุ่น เตียงก็ถูกเช็ดจนสะอาด ไม่เหลือฝุ่นผงแม้แต่น้อย พื้นใต้เท้าก็โดนกวาดหลายหน จนสะอาดหมดจด
ข้าวของที่เมื่อก่อนกองระเกะระกะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ ของที่ตากแดดได้ ตอนนี้ล้วนถูกนำไปตากอยู่ด้านนอก ภายในห้องสะอาดเรียบร้อยมาก
เครื่องนอนและผ้าปูเตียงตากแดดอยู่ด้านนอก ระหว่างนอนหลับในตอนกลางคืน จะได้กลิ่นของแสงแดด
สองพี่น้องนั่งอยู่ริมเตียงต่างก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เซียวจื่อเมิ่งมองเซียวจื่อเซวียน ก่อนมองพื้นข้างเท้า เหมือนอยากกล่าวอะไรกับพี่รอง สุดท้ายก็กัดริมฝีปากไม่ได้กล่าวออกมา
เซี่ยยวี่หลัวกลับห้องไปดื่มน้ำ ก่อนเริ่มรื้อตู้ของตัวเองอีกครั้ง
ภายในตู้มีผ้าปูเตียงและปลอกผ้านวมอีกหนึ่งผืน เป็นผ้าฝ้ายละเอียดสีม่วง ลองจับดูถือว่าพอจะอ่อนนุ่ม ยังมีผ้านวมฝ้ายที่เล็กกว่าเตียงเล็กน้อย หนักหลายจิน[1] หนากว่าผ้านวมของสองพี่น้องมาก
นางรื้อออกมา นำไปตากแดดข้างนอก คืนนี้นางจะนำปลอกผ้านวมผืนนี้ไปใส่ผ้านวมให้สองพี่น้อง ผืนเดิมของพวกเขาขาดจนไม่มีชิ้นดี ใช้ผืนเก่าของนางก่อน ไว้ค่อยซื้อผืนใหม่ในภายหลัง
หลังจากตระเตรียมเสร็จแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงไปทำอาหารเที่ยงที่ห้องครัว
เข้าไปในครัว ไข่ไก่ที่ซื้อมาวางอยู่บนเตาปรุงอาหาร เซี่ยยวี่หลัวหยิบไข่มาสามฟอง ตอกไข่และคนเสร็จแล้วจึงเหยาะน้ำมันลงไปเล็กน้อย เติมเกลืออีกนิดหน่อย ใส่น้ำจำนวนหนึ่งก่อนคนอีกครั้ง หยิบตะแกรงมาวางในหม้อเพื่อนึ่ง นางจะทำไข่ตุ๋น แบบนี้กินกับข้าวก็อร่อยทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการ
ล้างผักจี้ช่ายที่เก็บมาเมื่อวานจนสะอาด น้ำในหม้อเริ่มเดือดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวใส่น้ำไว้ไม่น้อย หลังจากน้ำเดือดจึงตักออกมาชามใหญ่ วางไว้ข้างๆ ข้าวในยุคนี้ปลูกด้วยกรรมวิธีธรรมชาติ น้ำข้าวก็มีสารอาหารมาก
“จื่อเมิ่ง จื่อเมิ่ง…” เซี่ยยวี่หลัวยังยุ่งอยู่ จึงส่งเสียงเรียกออกไปด้านนอก
ภายในห้อง สองพี่น้องยังตกอยู่ในภวังค์ เซียวจื่อเมิ่งได้ยินเซี่ยยวี่หลัวกำลังเรียกตัวเอง จึงรีบลุกขึ้น เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความตกใจ
เซียวจื่อเมิ่งมองออกไปด้านนอก ก่อนหันมองเซียวจื่อเซวียน ใบหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์ตื่นเต้นและปรารถนา
เซียวจื่อเซวียนมองเซียวจื่อเมิ่ง รู้ว่านางจะไปหาเซี่ยยวี่หลัว เพียงยิ้มพร้อมกล่าว “ไปสิ!”
เซียวจื่อเมิ่งสาวเท้าเล็กวิ่งไปทันที
เซียวจื่อเซวียนมองเซียวจื่อเมิ่งที่ออกไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางเหม่อลอย แววตาฉายประกายซับซ้อน ขมวดคิ้วมุ่น เหมือนกำลังดิ้นรนจากอะไรบางอย่าง
น้ำข้าวที่ต้มจนเดือดทั้งหอมทั้งข้น เซี่ยยวี่หลัวตอกไข่ลงไปหนึ่งฟอง น้ำข้าวเดือดทำให้ไข่ไก่กระจายตัว เซี่ยยวี่หลัวใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อย นำไปให้เซียวจื่อเมิ่ง “ไป ดื่มน้ำข้าวใส่ไข่ชามนี้กับพี่รองของเจ้า!”
ไข่ไก่และน้ำข้าวต่างก็หอมกรุ่น เซียวจื่อเมิ่งกลืนน้ำลาย ยกชามไปในห้อง
เซียวจื่อเซวียนเห็นน้องสาวไปแล้วกลับมาอีก ทั้งยังถือชามใบหนึ่งไว้ในมือ “เป็นอันใดไป?”
“พี่สะใภ้ใช้น้ำข้าวชงไข่ไก่ บอกว่าให้เราดื่มให้หมด!” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวพร้อมยกชามในมือขึ้น
เซียวจื่อเมิ่งมองดูน้ำข้าวข้นด้านใน ทั้งยังมีไข่ที่กระจายตัว ไอร้อนและกลิ่นหอมกรุ่นพวยพุ่งขึ้นมา
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าตอนนี้ไม่มีอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากนัก ไข่ไก่เป็นอาหารบำรุงร่างกายที่ดีที่สุด เด็กสองคนร่างกายซูบผอมขนาดนั้น ดื่มน้ำข้าว กินไข่ไก่ บำรุงให้มาก อย่างไรก็สามารถบำรุงร่างกายที่ซูบผอมนี้ได้
เซียวจื่อเมิ่งเลียริมฝีปากขณะมองดูน้ำข้าวใส่ไข่ที่เหลืออยู่เพียงครึ่งชาม “พี่รอง ท่านไม่กินหรือ? หอมหวานมากทีเดียว!”
เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า ลูบผมทรงซาลาเปาแสนน่ารักของเซียวจื่อเมิ่ง กล่าวด้วยท่าทางเอ็นดู “พี่รองไม่กิน จื่อเมิ่งกินเถอะ”
ดวงตาคู่โตของเซียวจื่อเมิ่งมองดูน้ำข้าวใส่ไข่ที่เหลืออยู่ในชามด้วยแววตาตะกละ คิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็วางลง
“เป็นอะไรไป? ทำไมถึงไม่กิน?” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถาม
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พี่รองไม่กิน จื่อเมิ่งก็ไม่กินเจ้าค่ะ!”
เซียวจื่อเซวียนยิ้มพร้อมกล่าว “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าหอมหวานมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่กินล่ะ?”
เซียวจื่อเมิ่งรวบรวมความกล้าก่อนกล่าว “นี่เป็นของที่พี่สะใภ้ใหญ่ให้ข้ากับท่านกินด้วยกัน นางให้ข้ากินพร้อมกับท่าน ข้ากินส่วนที่ข้าควรกินไปแล้ว ที่เหลือควรเป็นส่วนของท่าน หากท่านไม่กิน พี่สะใภ้ใหญ่ก็จะรู้ว่าท่านไม่ได้กิน!”
เซียวจื่อเซวียนกล่าวอะไรไม่ออก “จื่อเมิ่ง…”
“พี่รอง ท่านกินเถอะ นี่เป็นน้ำข้าวใส่ไข่ที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำให้พวกเราโดยเฉพาะ อร่อยมากจริงๆ!” เซียวจื่อเมิ่งโยกแขนเซียวจื่อเซวียน ใบหน้าเล็กฉายประกายขอร้องอ้อนวอน
เซียวจื่อเซวียนไม่อาจขัดขืนได้ มองดูน้ำข้าวใส่ไข่ชามนั้นด้วยแววตาซับซ้อน เซียวจื่อเมิ่งเห็นว่าพี่รองไม่ได้ปฏิเสธที่จะดื่ม จึงยื่นส่งไปตรงริมปากเซียวจื่อเซวียนประหนึ่งส่งมอบสมบัติล้ำค่าก็มิปาน “ดื่มสิ พี่รอง!”
เซียวจื่อเซวียนยื่นมือมาจะรับชาม เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางดีใจ “ข้าป้อนพี่รองเอง” เขาหลุดหัวเราะอย่างจนใจ มือของนางยกขึ้นป้อนน้ำข้าวใส่ไข่ให้เขาดื่มจนหมด
เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถาม “อร่อยหรือไม่พี่รอง!”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “อร่อย!”
เซียวจื่อเมิ่งจะเอาชามไปคืน “พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่กำลังทำอาหาร พวกเราไปช่วยกันเถอะ!”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “ได้!”
เมื่อทั้งสองคนมาถึงห้องครัว อาหารก็เสร็จแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวผัดผักจี้ช่ายจานใหญ่ ตอนสองพี่น้องเข้ามา เพิ่งตักขึ้นจากกระทะพอดี
เห็นสองพี่น้องมา เซี่ยยวี่หลัวรีบยิ้มพร้อมกล่าว “มาแล้วหรือ อาหารเสร็จแล้ว ยกไปวางบนโต๊ะก็กินได้เลย!”
นางเป็นคนชอบยิ้มเป็นพิเศษ คิ้วงามโก่งโค้ง แม้แต่ดวงตาก็กำลังยิ้ม
[1] จิน คือหน่วยวัดน้ำหนักของจีน โดย 1 จิน = 500 กรัม