ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 1 บทที่ 20 คนกระทำผิดชิงฟ้องก่อน
เถียนเอ๋อร้อง “โอ๊ย” สองที ลุกขึ้นยืน เห็นเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ตรงหน้าจ้องตัวเองด้วยใบหน้าเย็นชา จึงรู้สึกกลัวเล็กน้อย
อย่างไรเสียเซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ก็ร้ายกาจใช่เล่น
ทว่า แบบนี้ยิ่งดี เจ้าเด็กเลวเซียวจื่อเซวียนวันนี้ต้องโดนตีอย่างหนักแน่
ในใจเถียนเอ๋อรู้สึกดีใจยิ่งนัก สะบัดฝุ่นบนตัวพลางกล่าว “ยวี่หลัวเองหรือ เจ้าอยู่บ้านหรอกหรือ นึกว่าเจ้าไม่อยู่เสียอีก!”
เรื่องที่เมื่อครู่ทำให้นางล้มหัวคะมำ นางไม่กล้าเอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว
เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยท่าทางประหลาดใจ “เซียวจื่อเซวียนกระทำความผิดอะไรงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นนางเรียกชื่อเต็มเซียวจื่อเซวียน เถียนเอ๋อรู้สึกยินดียิ่งนัก นางไม่เชื่อว่าเซี่ยยวี่หลัวจะไม่ตีเด็กเลวนั่นให้ตายเสีย
นางประคบประหงมบุตรชายตนเองเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่อาจกล่าววาจาหนักด้วยซ้ำ เจ้าเด็กเลวนั่นกล้ากลั่นแกล้งบุตรชายตนให้ตกใจ
ไร้เหตุผลสิ้นดี!
เถียนเอ๋อยืนมือค้ำเอวที่เมื่อครู่ล้มจนเจ็บ บ่นกับเซี่ยยวี่หลัว “ยวี่หลัว เซียวจื่อเซวียนนั่นเลวเสียยิ่งกว่าอะไรดี ต้าหมินของข้าไปทำอะไรให้เขา ถึงกับเอางูมาแกล้งให้ต้าหมินตกใจ ต้าหมินกลับถึงบ้านก็ไข้ขึ้น หากไม่ใช่เพราะข้าถามจนรู้ความ ยังนึกว่าต้าหมินตากลมจนเป็นไข้เสียอีก”
เซี่ยยวี่หลัวหันมองออกไปด้านนอก จึงเห็นใบหน้าคุ้นตาของเด็กกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งพบเมื่อวาน เซี่ยยวี่หลัวความจำดี คนที่นางเคยพบ นางแทบไม่เคยลืม
เด็กกลุ่มนั้นยืนอยู่ด้านนอกชะเง้อคอมองดูด้านใน เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวกำลังจ้องพวกเขา ก็ตกใจจนรีบหดคอ เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะอย่างเย็นเยียบ “อ่อ ทำให้ตกใจงั้นหรือ?”
เด็กกลุ่มนี้มาดูเซี่ยยวี่หลัวอาละวาด
เมื่อวานพวกเขาอยากดูก็ไม่ได้เห็น กลับทำให้เซียวต้าหมินโดนแกล้งจนตกใจกลัว พวกเขาไม่เชื่อ ว่าเซี่ยยวี่หลัวที่ปกติอาละวาดแล้วมักจะทั้งตีทั้งด่าคน จู่ๆจะกลายเป็นคนยิ้มแย้มไปได้อย่างไร?
พวกเขารวมหัวกันวางแผน ต่างเห็นพ้องว่าต้องแก้แค้นแทนเซียวต้าหมิน ทางที่ดีให้เซี่ยยวี่หลัวตีเซียวจื่อเซวียนให้หนัก ตีจนเซียวจื่อเซวียนร้องไห้หาพ่อแม่ ตีจนปัสสาวะราด แบบนั้นถึงจะดี!
เด็กกลุ่มนี้ทั้งกลัวทั้งตั้งตารอคอย แผนการที่วางไว้ โดนเซี่ยยวี่หลัวมองจนทะลุปรุโปร่ง
นางไม่ได้กล่าวอะไร รอให้เถียนเอ๋อกล่าวต่อ
เถียนเอ๋อกล่าวด้วยอารมณ์โมโห “ก็ใช่น่ะสิ เจ้าคงยังไม่รู้ใช่ไหม? เมื่อวานต้าหมินเก็บผักป่ากับเซียวจื่อเซวียน เซียวจื่อเซวียนนั่นก็แกล้งจนต้าหมินตกใจ บอกว่าข้างเท้าต้าหมินมีงู ต้าหมินกลัวงูที่สุด จะทนความตกใจแบบนี้ได้อย่างไร เขาโดนแกล้งให้ตกใจ กลับไปก็หนาวสั่น วันนี้ก็ตัวร้อนทั้งวัน! เรื่องแบบนี้ลองเจอกับตัว ใครบ้างจะไม่โมโห!”
“กล้าแกล้งคนอื่นให้ตกใจเชียว เลวเกินไปแล้ว!” เซี่ยยวี่หลัวแสดงสีหน้าเคร่งขรึม โมโหถึงขีดสุด
ถุยถุยถุย ทำไมถึงด่าตัวเองไปด้วยล่ะ
เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวโมโห เถียนเอ๋อรู้ว่าคราวนี้เซียวจื่อเซวียนไม่รอดแน่ ยังไม่ลืมที่จะกล่าวเสริมอีก “ยวี่หลัว เด็กคนนั้นไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนตั้งแต่เล็ก ตอนนี้อายุแค่นี้ ก็รู้จักกลั่นแกล้งคนอื่นให้ตกใจกลัว แบบนี้โตไปจะไม่ยิ่งไปกันใหญ่หรือ อาจฆ่าคนวางเพลิงก็เป็นได้! เจ้าเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเขา เจ้าก็ต้องคอยควบคุมเขา หากต่อไปเกิดอะไรขึ้น คนอื่นจะหาว่าเจ้าที่เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้สั่งสอนให้ดี! เจ้าคิดดู ถึงเวลาเจ้าก็ถูกปรักปรำน่ะสิ!”
สตรีผู้นี้เหมือนมาจุดเพลิงตรงหน้าตัวเอง ทั้งยังกลัวว่าเพลิงจะโหมไหม้ไม่แรงพอ จึงราดน้ำมันเพิ่มอีก
เซี่ยยวี่หลัวในภพก่อน แม้จะเป็นเด็กผู้หญิง แต่บางครั้งก็ซุกซนใช่เล่น
ต้องอยู่ในห้องผนังคอนกรีตนับเดือนนับปี เรียนเรื่องนั้นเรียนเรื่องนี้ บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยล้า เมื่อได้ไปแถบชนบทก็ปีนต้นไม้ไปจับนก ลงน้ำไปจับปลา ทั้งยังแอบเข้าไปในสวนของคนอื่นเพื่อขโมยแตงโม ทั้งซุกซนทั้งนิสัยเสีย
ใครบอกกันว่าโตขึ้นจะต้องเป็นหัวขโมย?
ยังจะมาบอกว่ากลั่นแกล้งคนอื่นให้ตกใจกลัวตั้งแต่เด็ก โตมาจะไปฆ่าคน พวกเขาล้วนเป็นเด็ก เจ้าแกล้งข้า ข้าแกล้งเจ้า ถูกยกระดับถึงขั้นฆ่าคน แบบนี้กล่าวหาหนักเกินไป
หากเป็นเซี่ยยวี่หลัวในอดีต เกรงว่าคงลากตัวเซียวจื่อเซวียนออกมากระหน่ำตีไปแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกลำบากใจ “ข้าก็ไม่เคยมีลูกมาก่อน ทั้งยังไม่มีน้องชายน้องสาว ไม่รู้ว่าควรสั่งสอนเด็กอย่างไร ท่านป้าเทียนเอ๋อ ท่านว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไร? ข้าจะฟังท่าน!”
ภายในใจเซี่ยยวี่หลัวเสมือนมีกองไฟโหมไหม้
แต่นางไม่แสดงออกทางสีหน้า
เมื่อได้ยินเซี่ยยวี่หลัวบอกว่าจะฟังนาง ภายในใจเถียนเอ๋อรู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร
ฟังนางก็ดีแล้ว แบบนี้เท่ากับว่านางพูดอะไร เซี่ยยวี่หลัวก็จะทำตาม ต้องรู้ว่า เซี่ยยวี่หลัวรังเกียจเซียวจื่อเซวียนยิ่งนัก
เถียนเอ๋อกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจประหนึ่งผู้มีประสบการณ์โชกโชน “เมื่อเด็กกระทำผิดก็ต้องตี ตีเพื่อให้เขารู้ถึงความผิดที่ทำลงไป ต้องให้เขารู้ว่ากลั่นแกล้งคนอื่นให้ตกใจเป็นเรื่องผิด อย่าปล่อยไว้จนกระทำผิดร้ายแรง”
เซี่ยยวี่หลัวกำหมัดแน่น กล่าวด้วยท่าทางโมโหเต็มประดา “ดื้อขนาดนี้ สมควรตีจริง อายุยังน้อยก็รู้จักกลั่นแกล้งคนอื่นให้ตกใจ หากต่อไปฆ่าคนวางเพลิงจะไม่ยิ่งแล้วใหญ่หรือ”
เซียวจื่อเซวียนรีบวิ่งกลับบ้านมาพร้อมเซียวซาน เพิ่งเดินถึงหน้าประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงโมโหเกรี้ยวกราดของเซี่ยยวี่หลัว เซียวจื่อเซวียนตกใจจนเข่าอ่อน ตะกร้าในมือที่มีผักตีนไก่อยู่เต็มตะกร้าเกือบหลุดมือ
เซียวซานที่ไปตามเซียวจื่อเซวียนมองเขาด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ ก่อนมองเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังแสดงสีหน้าโมโหอยู่ด้านใน กล่าวด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ “จื่อเซวียน ถ้าอย่างไรเจ้าหลบก่อนเถอะ! รอให้พี่สะใภ้เจ้าอารมณ์เย็นลงข้าค่อยไปตามเจ้ากลับมา”
เขารู้สึกว่าตัวเองยุ่งไม่เข้าเรื่อง ทำไมต้องไปตามเซียวจื่อเซวียนกลับมาด้วย
เซียวจื่อเซวียนบอกว่าไม่กลัวย่อมไม่เป็นความจริง เซี่ยยวี่หลัวที่เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ เคยด่าว่าและตีเขาอยู่บ่อยครั้งไม่ใช่หรือ?
เขาพยายามฝืนยิ้ม ในสายตาเซียวซาน รอยยิ้มนี้ไม่เหมือนคนยิ้ม กลับเหมือนคนกำลังร้องไห้มากกว่า
เซียวซานรู้ว่าพี่สะใภ้ของเซียวจื่อเซวียนร้ายกาจ ฝีปากกล้าด่าคนเก่ง หากโมโหก็จะตีคน เซียวจื่อเซวียนเคยโดนนางตีมาหลายครั้ง
ครั้งนี้ท่านป้าเถียนเอ๋อมาฟ้อง พี่สะใภ้ใหญ่ของเซียวจื่อเซวียนไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบง่ายๆแน่
เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า เขาไปไม่ได้ หากเขาไปจื่อเมิ่งก็จะอยู่บ้านคนเดียว ไม่รู้ว่านางจะกลัวขนาดไหน!
เมื่อเถียนเอ๋อเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวเห็นด้วยกับการลงโทษเซียวจื่อเซวียน ภายในใจก็รู้สึกยินดียิ่ง เห็นเซี่ยยวี่หลัวขมวดคิ้วมุ่น ก็รีบย้ำกับนางว่าการตีเป็นเรื่องที่ถูกต้อง “ยวี่หลัว เจ้าห้ามใจอ่อนเด็ดขาด เจ้าอายุยังน้อย ทั้งยังไม่เคยมีลูก เจ้าฟังที่ป้าบอก ไม่ผิดแน่ ข้าเป็นแม่คน หากเด็กทำผิด ก็ต้องลงโทษ ไม่อย่างนั้นตอนเด็กแกล้งคนให้ตกใจ โตขึ้นก็จะฆ่าคน!”
เซี่ยยวี่หลัวตอบรับก่อนกล่าว “ท่านป้าเทียนเอ๋อ ปกติท่านก็สั่งสอนต้าหมินแบบนี้หรือ?”
แววตาของนางฉายประกายสงสัย เหมือนจะสนใจใคร่รู้อย่างแท้จริง ว่าปกติท่านป้าเทียนเอ๋อสั่งสอนบุตรชายของตัวเองด้วยวิธีนี้หรือไม่
“แน่นอนอยู่แล้ว” เถียนเอ๋อกล่าวด้วยท่าทางได้ใจ “ข้าสั่งสอนต้าหมินเป็นอย่างดี หากมีความผิดแม้เพียงน้อยนิด ข้าก็จะไม่ละเว้นเขา ข้าจะบอกให้ หากเด็กกระทำผิด แล้วเราไม่สั่งสอน ก็เท่ากับทำร้ายเด็ก”
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม รอยยิ้มของนางช่างงดงาม คงที่มุงดูจำนวนไม่น้อยต่างมองจนตกอยู่ในภวังค์นิ่งอึ้ง เถียนเอ๋อกลับรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “เจ้า… เจ้ายิ้มอะไร?”
เซี่ยยวี่หลัวมองเถียนเอ๋อด้วยแววตาแฝงความนัยลึกซึ้ง ก่อนกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “ท่านป้าเทียนเอ๋อ ท่านต้องจดจำคำพูดของท่านไว้ให้ดี”
เถียนเอ๋อมองรอยยิ้มของเซี่ยยวี่หลัว เกิดความรู้สึกเย็นสันหลังวาบอย่างไม่มีสาเหตุ