ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 1 บทที่ 27 ทำไมพี่สะใภ้ของเจ้าถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 1 บทที่ 27 ทำไมพี่สะใภ้ของเจ้าถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
เมื่อเห็นท่านลุงสี่เอามือไพล่หลังเดินจากไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี เซียวจื่อเซวียนก้มมองเนื้อหมูในมือตัวเอง กลิ่นหอมของเนื้อโชยมาแตะจมูก เซียวจื่อเซวียนคิดอยากกลืนน้ำลาย แต่ก็อดใจไม่ได้ แววตาเป็นประกายสลับกับมืดหม่น ไม่รู้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขานับเงินทอนที่ได้รับมา หักลบเงินค่าซื้อเนื้อ ไม่ขาดแม้แต่อีแปะเดียว
ท่านลุงสี่ไม่ได้เก็บค่าสั่งซื้อ!
เมื่อเซียวจื่อเซวียนคิดจะเรียกเขาไว้ ท่านลุงสี่ก็เดินไปจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
ท่านลุงสี่กลับบ้านไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี ท่านป้าสี่ทำอาหารรอเขาอยู่
เกวียนเทียมวัวกลับมาแล้ว แต่กลับยังไม่เห็นคน ท่านป้าสี่เอ่ยถามด้วยท่าทีสงสัย “เมื่อครู่เจ้าไปไหนมา?”
ท่านลุงสี่ล้างมือพลางกล่าว “ไปส่งของ!”
“ปกติเจ้าซื้อของ คนอื่นต้องมาเอาที่บ้าน เจ้าเคยไปส่งเสียที่ไหน แค่เก็บเงินค่าฝากซื้อเท่าราคาไข่ไก่สองฟอง คิดว่าวัวบ้านเรากับเจ้าทำจากเหล็กหรืออย่างไร เพิ่งกลับมาก็ต้องให้เจ้าไปส่งของอีก?”
ท่านป้าสี่กล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจ
ท่านลุงสี่หัวเราะพร้อมกล่าว “จะเป็นอะไรไป แค่ครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นเจ้า ก็คงไปส่งด้วยตัวเองเหมือนกัน”
คราวนี้ท่านป้าสี่รู้สึกประหลาดใจ “ใครกัน? ใครฝากเจ้าซื้อของ?”
เมื่อวานตอนที่เซียวจื่อเซวียนมาหาท่านลุงสี่ ท่านป้าสี่พาเซียวหมิงจูกลับไปเยี่ยมบ้าน วันนี้ตอนเช้าเพิ่งกลับมา ดังนั้น ท่านป้าสี่จึงไม่รู้เรื่องที่เซียวจื่อเซวียนมาหาท่านลุงสี่เพื่อฝากซื้อเนื้อหมู
ท่านลุงสี่แย้มรอยยิ้มพร้อมกล่าว “จื่อเซวียน”
ท่านป้าสี่ขานตอบก่อนกล่าว “พวกเขาจะซื้อของ? ซื้ออะไร?”
“ซื้อเนื้อหมู!” ท่านลุงสี่กล่าวด้วยท่าทางอารมณ์ดี “ซื้อหมูสามชั้นสองจิน หมูเนื้อแดงอีกครึ่งจิน”
“เด็กสองคนจะซื้อเนื้อหมูเยอะขนาดนั้นไปทำไม?” ท่านป้าสี่ได้ฟังก็รู้สึกโมโหทันที “หากให้เซี่ยยวี่หลัวรู้เข้า ไม่รู้ว่าจะโวยวายขนาดไหน”
“ภรรยาอายวี่ไม่ใช่คนแบบนั้น” ท่านลุงสี่กล่าว “เห็นจื่อเซวียนบอกว่า นางเป็นคนเสนอเรื่องซื้อเนื้อหมูเอง เงินที่ใช้ซื้อเนื้อ นางก็เป็นคนออกให้”
ท่านป้าสี่รู้สึกตกตะลึง อ้าปากกว้างจนแทบจะใส่ไข่ไก่ได้หนึ่งฟอง “จริงหรือ?”
ท่านลุงสี่ขึ้นเตียงเตา หยิบถั่วลิสงในจานมาใส่ปาก เคี้ยวสองที ก่อนยกถ้วยสุราขึ้นมาดื่ม กล่าวด้วยท่าทางสะเทือนอารมณ์ “ข้าเห็นว่าจื่อเซวียนไม่ได้กลัวภรรยาของอายวี่เท่าไหร่แล้ว นอกจากนั้น เมื่อวานเขาเพิ่งมาซื้อไข่ วันนี้ซื้อเนื้อหมูอีก ล้วนแต่เป็นนางที่ต้องการซื้อ ข้าถามมาแล้ว ไข่ที่ซื้อกลับไปเมื่อวาน เด็กสองคนล้วนได้กิน นางไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อเด็กสองคนนั้น!”
ท่านป้าสี่ทำสีหน้าบึ้งตึง ขึ้นบนเตียงเตาพลางกล่าว “พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเป็นแน่ คิดว่าคงเพราะอายวี่ไปสอบซิ่วไฉ คาดหวังว่าอายวี่จะสอบติด ให้นางได้เป็นฮูหยินซิ่วไฉน่ะสิ!”
ท่านลุงสี่ดื่มสุราหนึ่งอึก “นั่นก็เป็นเรื่องครอบครัวคนอื่น ไม่เกี่ยวข้องกับเรา!”
ท่านป้าสี่ถลึงตามองท่านลุงสี่ทีหนึ่ง ภายในใจมีคำพูดมากมาย แต่สุดท้ายก็ได้แต่เก็บคำพูดเหล่านั้นไว้
จะไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร ในบ้านยังมีคนเฝ้าอาลัยอาวรณ์อายวี่ ครอบครัวสกุลเซียวเป็นอย่างไร จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาได้อย่างนั้นหรือ!
เซียวจื่อเซวียนหิ้วตะกร้าออกไปเก็บผักป่าอีกครั้ง
พบกับเซียวซานที่จูงวัวมากินหญ้าพอดี เมื่อเห็นเซียวจื่อเซวียน เขาจึงกล่าว “ทำไมเจ้าถึงมาเก็บผักป่าอีกแล้ว? ตอนเช้าเจ้าเพิ่งเก็บไปหนึ่งตะกร้าไม่ใช่หรือ?”
เช้าหนึ่งตะกร้า บ่ายหนึ่งตะกร้า หนึ่งวันต้องกินผักป่าเยอะขนาดไหนเชียว
“กินผักป่ามากจะมีน้ำมีนวลได้อย่างไร เจ้าดูสิว่าตัวเองผอมขนาดไหน” เซียวซานพึมพำ “สตรีผู้นั้นไม่รู้จักทำอาหารอร่อยให้พวกเจ้ากินหรืออย่างไร?”
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้เงยหน้า “ตอนเย็นจะกินเกี๊ยว” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสริม “เกี๊ยวหมูใส่ผักป่า”
“เกี๊ยวผักป่าอีกแล้ว!” เซียวซานส่งเสียงเย็นในลำคอ “สตรีผู้นั้นช่างใจกว้างเสียจริง รู้จักให้พวกเจ้ากินแต่ผักป่าทุกวัน นางเองกลับได้กินได้ดื่มของดี ทำไมถึงมีสตรีที่เห็นแก่ตัวเช่นนี้…”
เซียวจื่อเซวียนก้มหน้าเก็บผักป่า ไม่ได้สนใจเขา
เขาส่งเสียงหึๆ สองที จู่ๆ ก็หยุดนิ่ง “เซียวจื่อเซวียน เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไร เจ้าบอกว่าเย็นนี้บ้านเจ้าจะกินเกี๊ยวอะไร?”
เซียวจื่อเซวียนกลอกตาขึ้นบนก่อนกล่าว “เกี๊ยวหมูใส่ผักป่า”
เซียวซานได้ยินเพียงคำแรกกับสองคำสุดท้าย ละเลยคำตรงกลางไปโดยไม่ทันรู้ตัว
เขาร้อง “อ๊าอ๊าอ๊า” สามครั้งติดต่อกัน กระโดดขึ้นพร้อมกล่าว “เย็นนี้บ้านเจ้าจะกินเกี๊ยวจริงหรือ?”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า
จะไม่จริงได้อย่างไร เนื้อหมูก็ซื้อกลับมาแล้ว
เซียวซานกระโดดขึ้นสูง “เจ้าคงไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่? สตรีผู้นั้นจะทำเกี๊ยวให้เจ้ากิน?”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “ท่านลุงสี่ซื้อเนื้อหมูกลับมาแล้ว”
เซียวซานร้องอุทาน “อ๊าอ๊าอ๊า” พลางกระโดดโลดเต้น
พี่สะใภ้ที่ไม่ได้เรื่องของเซียวจื่อเซวียนยังซื้อเนื้อหมูมาทำเกี๊ยวให้พวกเขากิน เขาลำบากขนาดนี้ ก็อยากกินเกี๊ยวเหมือนกัน เซียวซานกล่าวพึมพำ “ไม่ได้ไม่ได้ ข้าก็จะกินเกี๊ยว กลับไปข้าจะให้ท่านแม่ซื้อเนื้อหมูมาทำเกี๊ยวกินบ้าง”
เซียวจื่อเซวียนขานรับทีหนึ่ง เพียงยิ้มไม่ได้กล่าวอะไร
เซียวซานอัดอั้นใจจนทนไม่ไหว “จื่อเซวียน ข้าว่าตอนนี้สตรีผู้นั้นแปลกประหลาดเสียจริง ครั้งก่อนไม่เพียงไม่ด่าไม่ตีเจ้า ครั้งนี้ยังให้เจ้ากินเกี๊ยวหมูใส่ผักป่า ทำไมนางถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?” พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วเป็นแน่
เซียวจื่อเซวียนก้มหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ข้าก็ไม่รู้!”
เซียวซานพึมพำกับตัวเอง “หากเป็นแบบนี้ตลอดไป สตรีผู้นั้นก็ไม่เลวนัก!”
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้สนใจเขา ภายในใจครุ่นคิดอย่างหนัก
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงเปลี่ยนไป และไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวจะเป็นแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวตื่นขึ้น ลืมตามองดูท้องฟ้าด้านนอก
แม้จะปิดหน้าต่างไว้ ทว่า แสงอาทิตย์ด้านนอกสว่างเจิดจ้า พอจะดูออกว่ายังไม่ถึงช่วงเย็น
ท้องฟ้าด้านนอกยังสว่าง นางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย โลกที่ไม่มีนาฬิกา ได้แต่อาศัยการมองพระอาทิตย์เพื่อประมาณเวลา หากไม่มีพระอาทิตย์ เป็นวันฟ้าปิดจะทำอย่างไร? แบบนั้นเท่ากับไม่รู้ว่าเป็นเวลาไหนพอดี
เซี่ยยวี่หลัวที่ให้ความสำคัญเรื่องเวลามาตลอดในภพก่อน หลังจากข้ามมิติเข้ามาในหนังสือ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าต้องใช้ชีวิตไปวันๆ
นางหลับตาลง ปิดตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเหยียดกายยืดเส้นสาย ลุกจากเตียง เห็นเซียวจื่อเมิ่งที่นอนอยู่ข้างๆ แย้มรอยยิ้มทีหนึ่ง นางนำผ้าสะอาดผืนหนึ่งมาวางไว้บนหมอน แบบนี้ต่อให้น้ำลายไหล ก็จะไม่เลอะถึงหมอน ซักผ้าผืนนั้นก็พอแล้ว
เซียวจื่อเมิ่งกำลังหลับสบาย เมื่อได้ยินเสียง จึงลืมตาคู่โตสีดำสนิทขึ้น แวบแรกที่เห็นเซี่ยยวี่หลัวก็เอ่ยเรียกด้วยท่าทางว่าง่าย “พี่สะใภ้ใหญ่” เซี่ยยวี่หลัวขานตอบ จัดเสื้อผ้าให้นางก่อนกล่าว “ลุกได้แล้ว นอนนานเกินไปกลางคืนจะนอนไม่หลับ”
นอนนานเกินไปจะรู้สึกไม่สบายตัว วิงเวียนศีรษะ และรู้สึกล้าตลอดช่วงบ่ายเหมือนไม่ได้นอน
ทั้งสองคนแต่งตัวอยู่ภายในห้อง เซี่ยยวี่หลัวเทน้ำมาหนึ่งถ้วย เติมน้ำผึ้งหนึ่งช้อน ยื่นไปตรงปากเซียวจื่อเมิ่ง เซียวจื่อเมิ่งเงยหน้าตามมือเซี่ยยวี่หลัว ดื่มรวดเดียวจนหมด เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดจะดื่มด้วย เห็นว่าหมดแล้ว จึงยิ้มพลางลูบศีรษะเซียวจื่อเมิ่ง พร้อมกล่าวว่าเด็กดี ก่อนจะเทน้ำอีกครึ่งถ้วย คราวนี้ไม่ได้ใส่น้ำผึ้ง
หลังจากดื่มน้ำเสร็จ ทั้งสองคนกำลังผลักเปิดประตูออกมา เซียวจื่อเซวียนที่หิ้วผักจี้ช่ายมาเต็มตะกร้าก็เปิดประตูใหญ่เข้ามาพอดี