ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 1 บทที่ 5 แต่งภรรยาไร้ศีลธรรม ตกอับไปสามชั่วคน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 1 บทที่ 5 แต่งภรรยาไร้ศีลธรรม ตกอับไปสามชั่วคน
เซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้ย่อมไม่รู้ว่าเซียวยวี่คิดอะไร นางกำลังคิดว่าจะเป็นพี่สะใภ้ที่ดีได้อย่างไร!
เด็กสองคนยังเด็กถึงเพียงนั้น ตนเองย่อมต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน เซี่ยยวี่หลัวคิดแล้วจึงลงมือทำทันที นำไข่ไก่และแป้งเข้าไปในห้องครัว
ทว่า เมื่อไปถึงห้องครัว นอกจากฟืนจำนวนหนึ่งที่เห็น ก็มีน้ำมันกับเกลืออีกเพียงเล็กน้อย ไม่มีอะไรอีกเลย ดั่งคำกล่าวที่ว่าหากไม่มีวัตถุดิบก็ไม่อาจทำอาหารโอชารสได้ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก
คงให้กินแค่ไข่ไก่กับแป้งไม่ได้มั้ง?
หากกินแบบนี้ต่อไป ก็กินได้อีกแค่ไม่กี่วัน
ระหว่างที่กำลังคิดว่าควรทำอย่างไร สองพี่น้องก็หิ้วตะกร้าเดินเข้ามา เซี่ยยวี่หลัวเดินขึ้นหน้าไปสองก้าว เซียวจื่อเมิ่งตกใจจนหลบไปอยู่ด้านหลังเซียวจื่อเซวียน เซียวจื่อเซวียนกันเซียวจื่อเมิ่งไว้ พร้อมเดินถอยหลังไปหลายก้าว
ราวกับหนูที่เห็นแมว ต้องรีบหนีทันที
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่หยุดลงช้าๆ ไม่ได้เดินเข้าไปหาต่อ เห็นว่าตัวเองทำให้สองพี่น้องตกใจกลัว เซี่ยยวี่หลัวได้แต่กล่าวด้วยท่าทางเก้อเขิน “คือ.. พวกเจ้า.. ไปทำอะไรมาหรือ?”
สองพี่น้องไม่กล่าวอะไร ยืนอยู่ที่เดิม ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย และไม่ได้ตอบคำถามของเซี่ยยวี่หลัว ด้วยเกรงว่าหากกล่าวอะไรผิด จะทำให้เซี่ยยวี่หลัวโมโห
เซียวจื่อเมิ่งหลบไปอยู่ด้านหลังเซียวจื่อเซวียนนานแล้ว ไม่กล้าชะโงกหน้าออกมาด้วยซ้ำ
“นี่คืออะไร?” เมื่อเห็นว่าเด็กสองคนไม่ตอบตนเอง เซี่ยยวี่หลัวได้แต่เบี่ยงประเด็น ชี้ตะกร้าในมือเซียวจื่อเซวียน เห็นเพียงของในตะกร้าเป็นสีเขียว บนนั้นยังมีหยดน้ำติดอยู่ไม่น้อย เป็นสีเขียวชอุ่ม
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวเห็นของในตะกร้า ก็กล่าวด้วยท่าทางดีใจ “ผักจี้ช่าย?”
เซียวจื่อเซวียนมองสิ่งของในตะกร้าของตัวเองด้วยท่าทางประหลาดใจ เหมือนจะไม่เข้าใจว่าผักจี้ช่ายที่เซี่ยยวี่หลัวกล่าวถึงมีความเกี่ยวข้องกับผักที่ตัวเองเก็บกลับมาอย่างไร เขากัดริมฝีปากทีหนึ่ง ดวงหน้าเด็กน้อยฉายประกายหวาดกลัวชัดเจน ไม่ได้ตอบกลับเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวกลับกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ใครจะรู้ว่านางชอบกินเจ้าผักชนิดนี้มากเพียงใด
ในวัยเด็ก ระหว่างกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าในชนบทกับท่านย่าช่วงปีใหม่ นางก็ชอบหิ้วตะกร้าหนึ่งใบ เดินตามหลังท่านย่าเพื่อไปเก็บผักจี้ช่ายตามทุ่งนา กลับมาก็จะต้มผักจี้ช่ายกับไข่หรือห่อเกี๊ยวไส้เนื้อใส่ผักจี้ช่าย อร่อยจนแทบจะกลืนลิ้นลงไปได้เลย
เพียงแต่ในภายหลัง เมื่ออายุมากขึ้น บวกกับมีการก่อตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่ ถนนดินโคลนกลายเป็นถนนซีเมนต์ ผักจี้ช่ายที่เดิมสามารถพบเห็นได้ทุกที่จึงพบได้ไม่บ่อย ในภายหลัง เกิดปัญหามลภาวะอย่างหนัก จึงไม่กล้ากินผักจี้ช่ายที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ได้แต่กินแบบที่คนเพาะปลูกขึ้น ซึ่งไม่มีรสสัมผัสและกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนผักจี้ช่ายที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ
แต่ผักจี้ช่ายในตอนนี้ ต่างกับตอนนั้นโดยสิ้นเชิง ไม่มีมลพิษแม้แต่น้อย เป็นผักป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างแท้จริง
สองพี่น้องไม่กล้าตอบอะไร เซี่ยยวี่หลัวเดินขึ้นไปแย่งตะกร้าของเซียวจื่อเซวียนมา นางแย้มยิ้มกว้างพร้อมกล่าว “มีของดีขนาดนี้ด้วย พวกเจ้ารอก่อน ข้าจะทำของอร่อยให้กิน!”
กล่าวจบ นางก็นำผักจี้ช่ายไปทำอาหาร
เซียวจื่อเซวียนคิดอยากกล่าวอะไร แต่ก็กลัวเซี่ยยวี่หลัวจะอาละวาด จึงได้แต่ทนดูผักป่าที่ตัวเองเก็บมาอย่างยากลำบากโดนเซี่ยยวี่หลัวแย่งไป แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เมื่อสองพี่น้องเห็นเซี่ยยวี่หลัวกำลังง่วนกับการทำอาหารอย่างมีความสุข ก็ได้แต่ถอยออกไป
เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวกำลังใช้ห้องครัว พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใช้ ตอนนี้ไม่เหลือของกินแม้แต่น้อย เที่ยงวันนี้ เกรงว่าคงต้องอดอาหารอีกแล้ว
เซียวจื่อเซวียนจูงมือเซียวจื่อเมิ่งกลับห้อง นำขนมในตอนเช้าที่ยังกินไม่หมดออกมาให้เซียวจื่อเมิ่ง “หิวหรือยัง? กินสักชิ้นก็ไม่หิวแล้ว ตอนเย็นพี่ค่อยไปเก็บผักตีนไก่ในนามาให้อีกนะ”
เซียวจื่อเมิ่งกินขนมคำเล็ก จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยถามเซียวจื่อเซวียน “พี่รอง ทำไมนางถึงเรียกผักตีนไก่ว่าผักจี้ช่ายละ?”
เซียวจื่อเซวียนก็รู้สึกสงสัยเหมือนกัน นางรังเกียจการกินผักป่ามาตลอดไม่ใช่หรือ? บอกว่าผักป่ามีแต่คนบ้านนอกเท่านั้นที่จะกิน แต่ความตื่นเต้นดีใจตอนที่นางเห็นผักตีนไก่เมื่อครู่ ไม่เหมือนเป็นการเสแสร้ง
เซียวจื่อเซวียนดื่มน้ำเย็นอึกหนึ่ง ส่ายหน้าพร้อมกล่าว “ไม่ต้องไปสนใจนาง!”
หลังจากดื่มน้ำเย็น ท้องที่หิวจนไส้กิ่วกลับยิ่งหิวกว่าเดิม น้ำผึ้งในตอนเช้านั่น ช่างหอมหวานเสียจริง!
เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวกำลังง่วนกับการทำอาหารอย่างมีความสุขอยู่ในห้องครัว
ห้องครัวเล็กมาก มีเตาปรุงอาหารหนึ่งเตา กระทะสองใบ ด้านในเป็นใบเล็ก ด้านนอกเป็นใบใหญ่กว่าเล็กน้อย ตรงกลางยังมีหม้อแขวนอีกหนึ่งใบ กระทะเหล็กขึ้นสนิมได้ง่าย ด้านในเต็มไปด้วยร่องรอยสนิมสีเหลืองดำ
ด้านข้างเป็นโต๊ะที่ใช้หินก่อขึ้นอย่างเรียบง่าย แม้จะเรียกว่าโต๊ะ ความจริงแค่วางไม้แผ่นหนึ่งไว้บนก้อนอิฐเท่านั้น ดำจนดูไม่ได้ ไม่รู้ว่าใช้มานานกี่ปีแล้ว
บนโต๊ะมีจานและชามวางอยู่จำนวนหนึ่ง จานกับชามก็ไม่รู้ว่าใช้มานานแค่ไหน เต็มไปด้วยรอยแตก นอกจากนั้นยังมีมีดหั่นผักอีกหนึ่งเล่ม รวมถึงฝาหม้อทรงกลมที่ทำจากแผ่นไม้ ตรงกลางตอกไม้ไว้ชิ้นหนึ่งใช้เป็นที่จับอย่างง่าย บนนั้นมีรอยมีดจำนวนมาก เป็นหลุมขรุขระ ดูท่าว่าฝาหม้อนี้ไม่เพียงถูกใช้เพื่อปิดหม้ออย่างเดียว ปกติคงใช้แทนเขียงอีกด้วย
ด้านข้างเป็นโอ่งน้ำขนาดใหญ่ ภายในยังเหลือน้ำอยู่อีกครึ่งโอ่ง เพียงแต่ โอ่งน้ำไม่มีฝาปิดด้วยซ้ำ เซี่ยยวี่หลัวแหงนหน้า มองดูหลังคาสีดำ ไม่รู้ว่าภายในโอ่งน้ำมีฝุ่นร่วงลงไปหรือไม่
บ้านหลังนี้…
เซี่ยยวี่หลัวถอนหายใจทีหนึ่ง เรียกว่าสกปรกเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่มีแววว่าจะเจริญไปในทางที่ดีขึ้นสักนิด
เด็กสองคนเพิ่งอายุแค่นั้น ปกติเซียวยวี่ทั้งต้องดูแลเด็กสองคนทั้งต้องอ่านหนังสือ ทั้งบ้านมีตัวเองว่างอยู่คนเดียว เป็นดั่งคำกล่าวแต่โบราณที่ว่า จะแต่งภรรยาต้องแต่งผู้มีศีลธรรม หากไร้ศีลธรรมจะตกอับไปสามชั่วคน
เซี่ยยวี่หลัวในหนังสือ ก็ทำร้ายเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งไม่ใช่หรือ? ครอบครัวที่อบอุ่น โดนนางทำลายจนบ้านแตกสาแหรกขาด
เซี่ยยวี่หลัวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เร่งมือให้เร็วขึ้นอีก
ตอนเช้าเพียงดื่มน้ำผึ้งหนึ่งถ้วย กินขนมอีกสองชิ้น ตอนนี้ก็หิวแล้ว ยังมีเด็กอีกสองคน อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต ต้องหิวแล้วแน่นอน นางจึงทำอาหารเยอะขึ้น
เซี่ยยวี่หลัวจุดไฟในเตาจนติด หลังจากจุดไฟแล้ว ใช้กระบวยน้ำเต้าตักน้ำมาสองกระบวย รอจนน้ำเดือดจึงใช้ใยบวบขัดกระทะอยู่หลายรอบ หลังจากตักน้ำออกก็ขัดด้วยน้ำสะอาดอีกหนึ่งรอบ จนไม่เห็นรอยสนิมสีเหลืองดำแล้วจึงหยุด
น้ำในหม้อแขวนก็ต้มจนเดือดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวตักน้ำหนึ่งกระบวยมาใส่ในกระทะ ใส่ผักจี้ช่ายที่ล้างจนสะอาดแล้วลงไปในกระทะ ต้มอยู่ครู่หนึ่ง รอจนผักจี้ช่ายอ่อนตัวจึงตักออกมาบีบน้ำออก จากนั้นหั่นจนละเอียด
เทแป้งหนึ่งถ้วย ตอกไข่ไก่ลงไปสองฟอง เติมน้ำเล็กน้อย คนจนเหลว ใส่ผักจี้ช่ายที่หั่นจนละเอียดเข้าไป ใส่เกลือเล็กน้อย ใช้ตะเกียบคนให้เข้ากัน หลังจากกระทะที่ล้างจนสะอาดแห้งแล้วจึงหยดน้ำมันลงไปเล็กน้อย น้ำมันเหลือเพียงน้อยนิด เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่กล้าใส่เยอะเกินไป อย่าใช้สิ้นเปลืองจะดีกว่า
รอจนน้ำมันในกระทะร้อนจนได้ที่ ก็ใช้ตะหลิวคนสองครั้ง ขอบกระทะก็มีน้ำมันติด เซี่ยยวี่หลัวเทแป้งเหลวที่คนไว้ไปตามขอบกระทะเหล็กที่มีน้ำมันติดหนึ่งรอบ
แป้งเหลวจับตัวอย่างรวดเร็ว แผ่นแป้งที่มีผักจี้ช่ายและไข่ไก่ผสมอยู่ด้านในส่งกลิ่นหอมของไข่และผักออกมาเป็นระลอก น่ากินเสียยิ่งกว่าอะไร
เมื่อจี่ด้านหนึ่งจนสุกแล้ว เซี่ยยวี่หลัวรีบใช้ตะหลิวพลิกกลับด้าน แผ่นแป้งผักจี้ช่ายไข่ไก่ทรงกลมขนาดใหญ่จึงปรากฎ เมื่อจี่ทั้งสองด้านจนสุกแล้ว เซี่ยยวี่หลัวใช้ตะหลิวแบ่งแผ่นแป้งออกเป็นสามส่วน ตักขึ้นมาวางไว้บนจาน
* ผักจี้ช่าย หรือ ผักตีนไก่ มีอีกชื่อหนึ่งคือ กระเป๋าเงินของคนเลี้ยงแกะ มีสรรพคุณทางยา ถือเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งด้วย
* กระทะเหล็ก ในครัวคนจีนโบราณ จะมีกระทะเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งจะใช้แทนทั้งหม้อและกระทะ ทั้งหุงต้ม ผัด ทอด นึ่ง ในที่นี้จะเรียกกระทะหรือหม้อตามบริบทของการใช้งาน