ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 1 บทที่ 8 งานหนักควรให้ผู้ชายทำ
“จื่อเมิ่ง เจ้าไม่ต้องล้างแล้ว พี่รองล้างเอง!” เซียวจื่อเซวียนเอ็นดูน้องสาวมาก จึงรีบกล่าว
เซียวจื่อเมิ่งพ่นไออุ่นออกมาสองที กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบาง “ไม่หนาว พี่รอง เราล้างด้วยกัน จะได้กลับบ้านเร็วขึ้น!”
เซี่ยยวี่หลัวยืนห่างออกไปสองเมตร รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จื่อเซวียน จื่อเมิ่ง มืดแล้วทำไมยังไม่กลับบ้าน?”
เด็กสองคนได้ยินเสียงของเซี่ยยวี่หลัว ลุกพรึ่บยืนขึ้นทันที
เซี่ยยวี่หลัวเห็นอย่างชัดเจน นี่น่าจะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับความหวาดกลัวอย่างหนัก เมื่อเผชิญหน้ากับเซี่ยยวี่หลัว เด็กสองคนตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าเดินขึ้นหน้า กลัวว่าหากตัวเองเดินขึ้นหน้าอีก เด็กสองคนจะกลัวจนตกลงไปในน้ำ นางหันหลังพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รีบกลับบ้านกินข้าวได้แล้ว ข้าต้มซุปก้อนแป้งผักจี้ช่ายไว้ ใส่ไข่ไก่ด้วย รับประกันว่า อร่อยเหมือนตอนกลางวันแน่นอน!”
ท้องฟ้าสลัว ช่วงนี้ฟ้ามืดเร็ว เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ก็แทบมองอะไรไม่ชัดเจน
ดีที่ระหว่างทางกลับ แต่ละบ้านยังจุดไฟไว้อยู่ เซี่ยยวี่หลัวเดินนำด้านหน้า สองพี่น้องเดินตามอยู่ด้านหลัง
เซียวจื่อเมิ่งมองเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ด้านหน้าเป็นครั้งคราว ก่อนมองเซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ ภายในใจรู้สึกสงสัยยิ่งนัก
ตอนเช้าให้พวกเขาดื่มน้ำผึ้ง ให้พวกเขากินขนมหอมหวาน ตอนเที่ยงทำแผ่นแป้งใส่ไข่และซุปไข่ให้พวกเขากิน ตอนเย็นทำอาหารเสร็จแล้ว เห็นว่าพวกเขายังไม่กลับ จึงออกมาตาม
เซียวจื่อเมิ่งไม่เคยเห็นเซี่ยยวี่หลัวที่เป็นแบบนี้ วันนี้ทั้งวัน ทำให้นางรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
นางไม่เข้าใจ
ใช่ว่ามีแต่นางที่ไม่เข้าใจ เซียวจื่อเซวียนก็มึนงงและไม่เข้าใจเช่นกัน
ช่วงเช้าตรู่ยังไม่ทันหวีผมก็วิ่งออกมาหาพี่ใหญ่ ทั้งยังเอ่ยวาจาแบบนั้นกับพี่ใหญ่ วันนี้แย้มรอยยิ้มให้พวกเขาทั้งวัน แถมยังลงมือทำอาหารให้พวกเขากิน สตรีผู้นี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?
ภายในใจเกิดความสงสัยต่างๆนาๆ ทว่า เซี่ยยวี่หลัวที่อ่อนโยนและโอบอ้อมอารีเช่นนี้…
เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นมองเงาร่างตรงหน้า เม้มริมฝีปากทีหนึ่ง แววตาฉายประกายคาดหวังเสี้ยวหนึ่ง ทว่า เมื่อหวนคิดถึงเรื่องที่สตรีผู้นี้อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน ความหวังเสี้ยวนั้นพลันมลายหายไปอย่างรวดเร็ว
อาหารมื้อเย็นเป็นซุปก้อนแป้งผักจี้ช่าย เซี่ยยวี่หลัวมีฝีมือการทำอาหารที่ดีเยี่ยม ซุปก้อนแป้งธรรมดาหนึ่งชามที่มีแค่น้ำมันและเกลือ นางยังสามารถปรุงจนมีสีสันน่ารับประทาน กลิ่นหอมกรุ่นรสชาติอร่อย ทั้งสามยังคงกินอาหารในห้องของเด็กสองคนเหมือนกับตอนเที่ยง หลังจากเซี่ยยวี่หลัวดื่มซุปคำสุดท้าย เด็กสองคนก็วางชามลง
ไม่รอให้เซี่ยยวี่หลัวได้กล่าวอะไร เด็กสองคนก็ถือชามของตัวเองและหยิบชามของเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในห้องครัวด้วยท่าทางว่าง่าย
เซี่ยยวี่หลัวตามเข้าไปในห้องครัว
เมื่อถึงช่วงค่ำ เวลานี้นอกจากการนอนหลับก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ทำแล้ว เซี่ยยวี่หลัวชอบแช่เท้าก่อนนอน โดยเฉพาะในวันที่อากาศหนาวเย็น แช่เท้าในน้ำร้อน กลางคืนจะหลับสบาย
เซี่ยยวี่หลัวล้างหม้อใบใหญ่เสร็จตั้งแต่ก่อนกินอาหาร ตักน้ำใส่ไว้เต็มหม้อ เติมฟืนเข้าไปในเตา ตอนนี้น้ำเดือดแล้ว สามารถนำไปใช้ได้
เซี่ยยวี่หลัวพิงอยู่ตรงขอบประตู กล่าวกับสองพี่น้อง “ในหม้อใหญ่มีน้ำร้อน ให้พวกเจ้าใช้ล้างหน้าล้างเท้า!”
เพื่อไม่ให้เด็กสองคนรู้สึกอึดอัด เซี่ยยวี่หลัวกล่าวจบก็กลับห้องของตัวเอง รอให้เด็กสองคนใช้เสร็จแล้วตัวเองเข้าไป ผ่านไปครู่หนึ่ง มีเสียงดังจากหน้าประตู เซี่ยยวี่หลัวเปิดประตูดู ก็เห็นน้ำสองถังอยู่หน้าประตู น้ำร้อนหนึ่งถัง น้ำเย็นหนึ่งถัง
น่าจะเป็นเซียวจื่อเซวียนนำมาวางไว้หน้าประตูตนเอง
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเป็นเพราะเด็กสองคนหวั่นเกรงต่อความร้ายกาจของนาง หรือเดิมทีก็เป็นเด็กว่าง่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไร อุปนิสัยของเด็กสองคน ถือว่าไม่มีที่ติจริงๆ
ใสซื่อเรียบง่าย จิตใจดีรู้ความ ว่าง่ายและขยันขันแข็ง เด็กสองคนนี้มีข้อดีทั้งหมดที่เด็กชนบทพึงมี แต่เซี่ยยวี่หลัวคนเดิมที่เป็นเด็กชนบทเหมือนกัน ทำไมนางถึงไม่มีเล่า?
ยโสโอหัง หยิ่งผยองก้าวร้าว มีแต่อุปนิสัยร้ายกาจในแบบฉบับคุณหนูผู้เอาแต่ใจ
คืนแรกในต่างโลก เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดว่าอาจจะนอนไม่หลับ แต่หลังจากแช่เท้าจนอุ่น พลิกตัวทีหนึ่ง นางก็นอนหลับแล้ว
หลับสบายทั้งคืน
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าภายนอกก็สว่างแล้ว ไม่มีนาฬิกา จึงไม่รู้เวลา แต่เมื่อคืนเข้านอนเร็ว ตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เซี่ยยวี่หลัวสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ไปห้องครัว
นางจำได้ว่าในโอ่งเหลือน้ำเพียงเล็กน้อย ล้างหน้าเสร็จนางก็จะไปหาบน้ำ
ใครจะรู้ว่าเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆโอ่งน้ำ ภายในกลับมีน้ำอยู่เต็มโอ่ง สะท้อนจนเห็นใบหน้างดงามหยาดเยิ้มของเซี่ยยวี่หลัว นางตกใจสะดุ้ง หันขวับก็เห็นเซียวจื่อเซวียนกำลังหาบน้ำเดินเข้ามาด้วยท่าทางโซเซ
ที่แท้เด็กคนนี้ไปหาบน้ำมาตั้งแต่เช้าตรู่
เซียวจื่อเซวียนอายุยังน้อย ร่างกายก็ซูบผอมอ่อนแอ ไม่สามารถหาบน้ำทีเดียวเต็มถัง ได้แต่หาบทีละครึ่งถังเล็ก โอ่งน้ำใหญ่ขนาดนี้ เขาไปๆมาๆสิบกว่ารอบ ถึงได้เติมน้ำจนเต็มโอ่ง
บนหน้าผากเซียวจื่อเซวียนปรากฏเหงื่อซึมชื้น หายใจหอบด้วยความเหนื่อย เห็นเซี่ยยวี่หลัวอยู่ในห้องครัว เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ยังฝืนใจเดินเข้าไป เทน้ำใส่โอ่ง จากนั้นจึงจัดถังน้ำกับไม้หาบ เตรียมเดินออกไป
เซี่ยยวี่หลัวเรียกเขาไว้ “น้ำในโอ่งนี้ เจ้าเป็นคนหาบมาทั้งหมดหรือ?”
ถามจบเซี่ยยวี่หลัวก็นึกเสียใจขึ้นมาทันที ในเรือนหลังนี้มีนางคนเดียวที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ นางไม่ได้หาบ เซียวจื่อเมิ่งที่ตัวเล็กถึงเพียงนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ นอกจากพวกนาง ก็เหลือเพียงเซียวจื่อเซวียนคนเดียวมิใช่หรือ?
เซียวจื่อเซวียนโดนเรียกให้หยุด คิดไม่ถึงว่าเซี่ยยวี่หลัวจะถามคำถามนี้ เขายืนอยู่ด้านหนึ่งอย่างระแวดระวัง พยักหน้าพร้อมขานตอบ
เมื่อเห็นท่าทางของเขาที่กลัวตนเอง เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกไม่ดีนัก นางลูบจมูกตนเองพร้อมกล่าว “คือ ข้า… เดิมทีข้าคิดจะไปหาบน้ำเอง!”
เรื่องอย่างการหาบน้ำ เดิมทีนางก็ไม่คาดหวังให้เด็กมาทำอยู่แล้ว!
เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาฉายประกายสงสัย เซี่ยยวี่หลัวยังไม่เข้าใจ เซียวจื่อเซวียนก็ก้มหน้าลงแล้ว “ตอนพี่ใหญ่อยู่บ้าน น้ำในบ้านพี่ใหญ่เป็นคนหาบ ตอนนี้พี่ใหญ่ไปแล้ว ข้าก็ควรเป็นคนหาบน้ำ!”
“คือเจ้า… เจ้ายังเด็ก!” เซี่ยยวี่หลัวได้ยินเซียวจื่อเซวียนพูดยาวขนาดนี้เป็นครั้งแรก จึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“พี่ใหญ่เคยบอกไว้ ว่างานหนักควรให้ผู้ชายทำ ข้าโตแล้ว เป็นลูกผู้ชาย!” เซียวจื่อเซวียนกล่าวอย่างตั้งใจ
เมื่อได้ยินเซียวจื่อเซวียนบอกว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชาย เซี่ยวยวี่หลัวหัวเราะ “พรืด” ทันที
ลูกผู้ชาย?
ลูกผู้ชายวัยแปดขวบ ตัวผอมราวกับนกกระทาตัวน้อยก็มิปาน!
อาจเพราะคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวกำลังหัวเราะเยาะตนเอง เซียวจื่อเซวียนถอยหลังไปสองก้าว ก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิม มือสองข้างเกร็งอยู่ข้างกาย คอตกเหมือนเด็กที่กระทำความผิดและรอคอยคำด่าอย่างไรอย่างนั้น
เซี่ยยวี่หลัวพบว่าตัวเองสื่อกิริยาผิดไป รีบเอ่ยปากขอโทษ “จื่อเซวียน ขอโทษ เมื่อครู่ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าหมายความว่า เจ้าผอมเกินไป เรื่องอย่างการหาบน้ำควรให้ผู้ใหญ่อย่างข้าเป็นคนทำ”
เซียวจื่อเซวียนไม่กล้าเงยหน้า เซี่ยยวี่หลัวย่อมไม่ได้เห็นประกายตกตะลึงในแววตาของเขา
สตรีผู้นี้ เอ่ยปากขอโทษเขางั้นหรือ?
หากไม่ใช่เขาหูฝาดไป ก็คงเพราะตื่นมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เหนื่อยจนเกิดอาการวิงเวียนเป็นแน่