ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 10 บทที่ 289 เซียวยวี่มีฝีมือการทำอาหารที่ดีด้วยหรือนี่
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 10 บทที่ 289 เซียวยวี่มีฝีมือการทำอาหารที่ดีด้วยหรือนี่
ยังง่วนอยู่กับงานตรงนี้อีก!
เห็นว่าท่านราชบัณฑิตน้อยยุ่งมาครึ่งค่อนวันแล้ว ยังไม่ไปพักผ่อน เซี่ยยวี่หลัวจึงรีบกล่าว “ข้าทำเอง เจ้ากลับไปพักเถอะ ช่วงบ่ายยังต้องอ่านตำราอีก! ”
ช่วงบ่ายนางสามารถนอนจนตื่นเองได้ แต่ท่านราชบัณฑิตน้อยยังต้องอ่านตำรา การร่ำเรียนต้องใช้สมองและสมาธิเป็นอย่างมาก เซี่ยยวี่หลัวเข้าใจดี
เซี่ยยวี่หลัวไปเก็บกวาดข้าวของบนโต๊ะ กำลังจะหยิบผ้าขี้ริ้วในมือเซียวยวี่
เซียวยวี่ชักมือออกด้านข้าง นำชามและตะเกียบที่ใช้แล้วไปใส่ในหม้อ มือของเขาที่จับผ้าขี้ริ้วยื่นลงไปในหม้อที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันและน้ำแกง ล้างชามกับตะเกียบอย่างคล่องแคล่ว กล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ “เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่ข้าทำคนเดียวก็พอแล้ว”
เซียวยวี่ตัวสูงเกินไป ตอนล้างชามในหม้อ ต้องโน้มตัวถึงจะล้างได้ คนตัวสูงต้องมาคอยโน้มตัวเช่นนี้ ร่างกายโก่งงอจนมีลักษณะเหมือนกุ้งแห้ง ดูน่าขันยิ่งนัก “เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าทำเอง! ”
เวลานี้เองที่เซียวยวี่เงยหน้าขึ้น ดวงหน้าที่เย็นชามาตลอดเหมือนจะแฝงเร้นด้วยประกายยิ้มแย้ม “ตอนเย็นอยากกินอะไร? ”
เซี่ยยวี่หลัวอ้าปากตาค้าง “…”
เซียวยวี่คิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวต่อ “ถึงแม้ฝีมือการทำอาหารจะไม่ดีเท่าเจ้า แต่ข้าคิดว่าไม่เลวนัก”
เซี่ยยวี่หลัว “…”
นางไม่รู้ว่าตัวเองออกจากห้องครัวได้อย่างไร แต่สองประโยคที่เซียวยวี่กล่าว นางไม่ได้กล่าวตอบแม้แต่ประโยคเดียว
กลับถึงห้อง เซียวจื่อเซวียนกินถั่วแระจนมีเปลือกถั่วกองเต็มโต๊ะแล้ว เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวกลับมา จึงรีบเก็บกวาดสิ่งสกปรกบนโต๊ะจนสะอาด ยกไปยังห้องครัว เซี่ยยวี่หลัวนั่งลงตรงขอบเตียง มองดูใบหน้าของเซียวจื่อเมิ่งที่หลับสนิท สติเลื่อนลอยเล็กน้อย
ท่านราชบัณฑิตน้อย กำลังแสดงความเป็นมิตรกับนางหรือ?
ก็ถูก นางช่วยเขาตามหาน้องสาวจนพบ เขาน่าจะรู้สึกขอบคุณนาง!
เซี่ยยวี่หลัวลูบเส้นผมของเซียวจื่อเมิ่ง แย้มรอยยิ้มบาง “นึกไม่ถึงว่าวันนี้ไปหาเจ้า กลับพบความโชคดีในความโชคร้าย พี่ชายของเจ้า น่าจะไม่แค้นข้าแล้ว”
นางเพิ่งกินอิ่มก็กลับไปนอนลงบนเตียง จ้องมองหลังคาเหนือศีรษะด้วยความรู้สึกโล่งใจ เซี่ยยวี่หลัวนะเซี่ยยวี่หลัว เจ้าน่าจะไม่ต้องตายแล้ว
เซียวจื่อเมิ่งหลับตลอดช่วงบ่าย เซี่ยยวี่หลัวก็นอนหลับไปนาน
“อยากกินอะไร? พี่สะใภ้ใหญ่ไปทำให้เจ้ากินดีหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวกอดคนตัวเล็กพร้อมปลอบประโลม
เซียวจื่อเมิ่งขดตัวอยู่ในอ้อมอกเซี่ยยวี่หลัว พักพิงอยู่ในอ้อมกอดของนางด้วยความกลัว “พี่สะใภ้ใหญ่ เมื่อครู่ข้าฝันร้ายเจ้าค่ะ ข้าฝันว่าข้าไม่อาจกลับบ้านได้อีก ฮือๆ…”
แม้จะมีความกล้า แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็กอายุหกขวบ เผชิญกับความโชคร้ายที่เกือบจะโดนลักพาตัว เด็กคนนี้ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการฟื้นฟู
เซี่ยยวี่หลัวโอบกอดเซียวจื่อเมิ่งไว้แน่น ปลอบโยนเสียงเบา “เด็กโง่ ไม่เป็นอะไร เจ้าอยู่ที่บ้านแล้ว พี่ใหญ่ พี่รอง และพี่สะใภ้ใหญ่ล้วนอยู่ข้างกายเจ้า ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวแล้ว…” นางปลอบโยนเด็กในอ้อมอกเสียงเบา มือซ้ายลูบแผ่นหลังของเซียวจื่อเมิ่งที่เกร็งจนเหยียดตรง
เด็กคนนี้ตกใจจนขวัญผวาจริงๆ
เซียวจื่อเมิ่งขานตอบสองที ขดตัวอีกครู่ใหญ่ อาจเพราะไม่รู้สึกกลัวเท่าเดิมแล้ว จึงชะโงกศีรษะออกมาพร้อมกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัวลุกขึ้น ไปยกโจ๊กที่เคี่ยวให้นางไว้แล้วมาจากห้องครัว
โจ๊กที่เคี่ยวโดยผสมกับเนื้อหมู ตอนเที่ยงหลังจากกินข้าวเสร็จก็เคี่ยวมาตลอด กินตอนนี้ถือว่ากำลังพอดี
เซี่ยยวี่หลัวเป่าจนเย็นทีละช้อน ป้อนให้เซียวจื่อเมิ่งกินทีละช้อน เซียวจื่อเมิ่งกินไปสองชามใหญ่ ลูบท้องกลมพร้อมกล่าวด้วยท่าทางออดอ้อนว่ากินไม่ลงแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงช่วยสวมเสื้อผ้าให้นางเพื่อลุกจากเตียง
เด็กที่ขวัญผวาจะชอบให้คนอยู่ด้วย ทั้งยังมีอารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย เซี่ยยวี่หลัวทำให้นางพอใจทุกอย่าง ดูแลเอาใจใส่อย่างดี
ตกเย็น เซียวยวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดหนึ่ง ถกแขนเสื้อขึ้นทำอาหารมื้อเย็น กลับทำให้เซี่ยยวี่หลัวตกใจ!
“คือ ข้าทำเอง วันนี้เจ้าไม่ได้พักผ่อนดีๆ ไปพักครู่หนึ่ง หรือไม่ก็อ่านตำราครู่หนึ่งเถอะ! ” เซี่ยยวี่หลัวบอกกล่าวความคิดของตัวเอง
ข้าไม่ได้คิดจะเกียจคร้าน ข้าบอกให้เจ้าไปพักผ่อนหรือไม่ก็อ่านตำรา ข้าไม่ได้เกียจคร้าน!
เซียวยวี่หยิบมีดหั่นผักขึ้นอย่างคล่องแคล่ว หั่นมะเขือยาวเป็นแผ่น ไม่เงยหน้าขึ้น เพียงกล่าวเสียงเบา “เจ้าไปพักก่อน อาหารเสร็จแล้วข้าจะไปตามเจ้า”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตกใจสะดุ้ง ราวกับเห็นภูตผีก็มิปาน
เหมือนว่าไม่ได้รับเสียงตอบกลับจากคนตรงข้าม เซียวยวี่เงยหน้าขึ้น หันมองเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังจ้องเขาไม่ละสายตา เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า มองเซียวยวี่แวบหนึ่ง ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้าก็มิปาน จากนั้นจึงกลับห้องไป
เซียวจื่อเซวียนกำลังเล่นเป็นม้าให้เซียวจื่อเมิ่งขี่ หยอกล้อจนเซียวจื่อเมิ่งหัวเราะคิกคัก
เซี่ยยวี่หลัวปูผ้านวมที่ก่อนหน้านี้เซียวจื่อเซวียนและเซียวยวี่ใช้จนเก่าแล้วไว้บนพื้น นำเศษผ้ามาตัดเป็นสี่เหลี่ยม ประกอบกันเป็นรูปร่างแล้วจึงเย็บติดกันทำเป็นปลอกผ้านวม ถึงแม้จะมีแต่เศษผ้า แต่เซี่ยยวี่หลัวมีฝีมือประณีต ยิ่งไปกว่านั้น นางยังปักลวดลายจำพวกดอกไม้ใบหญ้าไว้บนเศษผ้าด้วย ทั้งที่ดูเหมือนจะเก่า แต่พอเห็นแล้วก็รู้สึกเบื้องหน้าสว่างวาบ ราวกับใช้ของใหม่อย่างไรอย่างนั้น
ปูผ้านวมไว้บนพื้น เด็กสองคนนั่งเล่นหรืออ่านตำรา ก็รู้สึกสบายยิ่งนัก
หลังจากผ่านเรื่องครั้งนี้ เซียวจื่อเซวียนไม่กล้าเผลอไผลอีกแล้ว แทบจะเชื่อฟังเซียวจื่อเมิ่งทุกอย่าง ราวกับเป็นผู้ติดตามตัวน้อยก็มิปาน
“พี่สะใภ้ใหญ่…” เมื่อเด็กสองคนเห็นเซี่ยยวี่หลัวเข้ามา จึงเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
เซี่ยยวี่หลัวขานตอบ ก่อนกล่าว “จื่อเซวียน เจ้าไปช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าที่ห้องครัว พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังทำอาหารเย็น”
เซียวจื่อเซวียนไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย ลุกจากพื้นทันที เพียงขานตอบว่าได้ขอรับ ก็วิ่งไปทางห้องครัวแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวนั่งลงข้างกายเซียวจื่อเมิ่ง เอ่ยถามด้วยความเอ็นดู “จื่อเมิ่ง ไม่สบายตรงไหนหรือไม่? ”
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะ! ”
เซี่ยยวี่หลัวโอบกอดนางไว้ในอ้อมอก ปลอบโยนเสียงเบา “จื่อเมิ่ง ไม่ต้องกลัว พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ และพี่รองจะปกป้องเจ้าตลอดไป อย่าได้กลัว! มีพวกเราอยู่”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวอย่างว่าง่าย “เจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ จื่อเมิ่งไม่กลัว จื่อเมิ่งมีพวกท่าน ไม่กลัวสักนิดเจ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัวเล่านิทานอิงเทพนิยายเรื่องหนึ่งให้นางฟัง เซียวจื่อเมิ่งฟังนิทานที่เซี่ยยวี่หลัวเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจ ลืมความกลัวที่เกิดขึ้นเพราะถูกลักพาตัวไปชั่วคราว
เวลาผ่านไปสองเค่อ อาหารเสร็จแล้ว
เซียวจื่อเซวียนมาตาม “พี่สะใภ้ใหญ่ จื่อเมิ่ง อาหารเย็นเสร็จแล้ว พี่ใหญ่ตามพวกท่านไปกินข้าวขอรับ! ”
เซี่ยยวี่หลัวกำลังเล่นพันด้ายกับเซียวจื่อเมิ่งอยู่ หลังจากได้ยินจึงรีบเก็บด้าย ทั้งสามคนไปยังห้องครัว
อาหารเสร็จแล้ว มีผัดแตงกวา มะเขือยาวผัดพริก ผัดถั่วฝักยาวใส่หมู และน้ำแกงไข่อีกหนึ่งอย่าง
มีทั้งสีกลิ่นรสครบครัน เซี่ยยวี่หลัวเห็นอาหารสี่อย่าง รู้สึกผิดคาดเล็กน้อย ฝีมือการทำอาหารของท่านราชบัณฑิตน้อย ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เห็นพี่สะใภ้ใหญ่ยังยืนที่เดิมไม่นั่งลง เซียวจื่อเมิ่งจึงดึงนางเบาๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ทำไมท่านถึงไม่นั่งเจ้าคะ? ”
ท่านราชบัณฑิตน้อยยังไม่มา เซี่ยยวี่หลัวจึงแอบถาม “พี่ใหญ่ของเจ้าทำอาหารเป็นด้วยหรือ? ”
ฝีมือการทำอาหารดีทีเดียว!