ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 10 บทที่ 296 หลังคารถม้าของอำเภอหงอันเป็นทรงกลม
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 10 บทที่ 296 หลังคารถม้าของอำเภอหงอันเป็นทรงกลม
ถึงแม้ตอนนั้นเซี่ยยวี่หลัวจะเห็นในระยะไกล แต่เพราะนางก็อยากตามหาตัวพวกค้ามนุษย์กลุ่มนั้น ดังนั้นจึงจดจำไว้อย่างแม่นยำ
“รถม้าไม่ใหญ่ เป็นสีเทา หลังคาทรงกลม” เซี่ยยวี่หลัวคิดพลางกล่าว
“หลังคาทรงกลม? เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นหลังคาทรงกลม? ”
“แน่ใจเจ้าค่ะ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ
แววตาของเซียวยวี่จ้องมองเซี่ยยวี่หลัวอยู่ตลอด มองนางครุ่นคิด มองนางเอื้อนเอ่ยวาจา มองจนนั่งนิ่ง มองจนเหม่อลอย
“โดยทั่วไปรถม้าเมืองโยวหลันของเราจะเป็นหลังคาทรงแหลม รถม้าจากที่ไหนมีหลังคาทรงกลมบ้าง? ” เซียวจิ้งยี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
ไม่ง่ายเลยกว่าเซียวยวี่จะละสายตาจากตัวเซี่ยยวี่หลัว ก่อนกล่าว “แต่ละพื้นที่มีลักษณะแตกต่างกัน หลังคารถม้าของอำเภอหงอันเป็นทรงกลมขอรับ”
“เช่นนั้นตอนหาคนก็เริ่มจากหารถม้า” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว “รถม้าผ้าสักหลาดสีเทา หลังคาทรงกลม แบ่งคนออกเป็นสี่กลุ่ม แยกย้ายกันหาตามทิศตะวันออก ตะวันตก ทิศเหนือ และทิศใต้ ต้องค้นหาในบ้านเรือนที่ไม่มีคนอยู่อาศัยทีละหลัง”
จำนวนคนมากก็มีประสิทธิภาพมาก เริ่มจากค้นหาบ้านเรือนที่ไม่มีคนอยู่อาศัย ใช้เวลาครึ่งวันก็เพียงพอแล้ว
หลังจากเซียวจิ้งยี่ได้ฟังก็รีบลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก “ข้าจำสิ่งที่เจ้าบอกไว้แล้ว ข้าจะกลับไปในตัวเมืองเดี๋ยวนี้”
เซี่ยยวี่หลัวลุกขึ้น “หัวหน้าหมู่บ้าน พี่เหลียน กินบะหมี่แล้วค่อยไปเจ้าค่ะ”
เซียวจื่อเซวียนยกบะหมี่เข้ามาในจังหวะประจวบเหมาะ “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าทำตามที่ท่านบอก ชิมดูหนึ่งเส้น สุกแล้วจึงตักขึ้นมาขอรับ”
เซี่ยยวี่หลัวพูดคุยอยู่ทางนี้ ทางห้องครัวก็ให้เซียวจื่อเซวียนช่วยดู ไม่ให้เสียการทั้งสองด้าน
เซียวจิ้งยี่และเซียวเหลียนก็ไม่บ่ายเบี่ยง พวกเขายังไม่ได้กินอาหารเช้าจริงๆ ทั้งสองคนกินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย ในนั้นมีไข่ไก่ที่ทอดจนเป็นสีเหลืองทอง อร่อยจนแทบกัดลิ้น
หลังจากกินเสร็จ ทั้งสองคนเช็ดปากแล้วจึงออกไป
เซียวเหลียนไปเตรียมรถม้า เซียวจิ้งยี่พูดคุยกับเซียวยวี่อยู่ข้างๆ “อายวี่ ภรรยาของเจ้าทำได้ดีไร้ที่ติจริงๆ ครั้งนี้หากไม่ได้นาง… เฮ้อ…”
หมู่บ้านอื่นๆ ต่างหาเด็กไม่พบ มีแต่เซี่ยยวี่หลัวที่ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไปหาในตัวเมือง ทั้งยังหาพบ
เซียวยวี่ยิ้ม รู้สึกยินดีจากใจจริง “ใช่ขอรับ นางเป็นดาวนำโชคของข้า”
“เป็นดาวนำโชค และเป็นภรรยาผู้เลอโฉมด้วย” เซียวจิ้งยี่ตบบ่าเซียวยวี่เบาๆ ยิ้มพร้อมกล่าว “พวกเจ้าสองสามีภรรยาแต่งงานกันมาครึ่งปีกว่าแล้ว ควรพูดคุยกันเรื่องลูกได้แล้ว ข้าเห็นว่าพวกเจ้าสองสามีภรรยารักกันดี หากมีลูก ก็จะดียิ่งขึ้น”
เซียวยวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไร
“ท่านพ่อ ไปกันได้แล้วขอรับ” เซียวเหลียนเตรียมรถม้าเสร็จแล้วจึงตะโกนเรียก
เซียวจิ้งยี่ไม่รอให้เซียวยวี่กล่าวตอบ เพียงบอกให้ดูแลตัวเองและเด็กๆ ด้วย จากนั้นจึงขึ้นรถม้าออกไป
เซียวยวี่หรี่ตามองดูรถม้าเคลื่อนออกไปไกล ผ่านไปครู่ใหญ่จึงกล่าวพึมพำ “จริงด้วย มีลูกสักคนคงดีไม่น้อย! ”
นางรักเด็กถึงเพียงนั้น คงไม่จากไปแล้วกระมัง
เซียวเหลียนขับรถม้า ออกจากบ้านเซียวยวี่ไปในตัวหมู่บ้าน จะไปปากทางเข้าหมู่บ้านต้องผ่านตัวหมู่บ้านก่อน เซียวเหลียนไม่กล้าขับเร็วเกินไป ตอนถึงหน้าหมู่บ้าน ก็พบกับเซียวหยวนที่กำลังหิ้วตะกร้าออกหมู่บ้านพอดี
“เซียวเหลียน เจ้ากำลังจะไปที่ไหนหรือ? ” เซียวหยวนเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ข้าจะไปในตัวเมือง! ” เซียวเหลียนกล่าว
เซียวหยวนได้ยินแววตาก็ลุกวาว “เช่นนั้นหรือ? ข้าก็จะไปในตัวเมืองเพื่อซื้อของเช่นกัน ให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่? ”
อีกฝ่ายร้องขอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เซียวเหลียนไม่มีทางปฏิเสธ ชักสายบังเหียนให้รถม้าหยุด ก่อนกล่าว “รีบขึ้นมาเถอะ พวกเรากำลังรีบเข้าไปในตัวเมืองอยู่! ”
เซียวหยวนได้ฟังก็ร้อนรนทันที ใช้ทั้งมือทั้งเท้าคลานขึ้นรถม้า เพิ่งคลานขึ้นมา รถม้าก็เคลื่อนออกแล้ว
“เป็นอะไรไป ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้? ” เซียวหยวนเห็นเซียวเหลียนรีบเร่งถึงเพียงนี้ จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นหรือ? ”
“เซียวหยวน รีบเข้ามานั่งเถอะ” เสียงของเซียวจิ้งยี่ดังขึ้นจากด้านใน เซียวหยวนเปิดม่านเดินเข้าไป เอ่ยเรียกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “หัวหน้าหมู่บ้าน…”
เซียวจิ้งยี่แย้มรอยยิ้มอย่างยากลำบาก “จะออกไปทำงานเมื่อไรหรือ? ”
เซียวหยวนหัวเราะร่าพร้อมกล่าว “ยังอยากพักอีกระยะหนึ่งขอรับ ตอนนี้ก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ หากมีงานให้ทำก็จะมีคนมาแจ้งข้า ถึงเวลาข้าก็จะไปขอรับ”
เซียวจิ้งยี่มองเซียวหยวนแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถาม “ครั้งหน้าคิดจะไปที่ไหนหรือ? ”
“ที่ไหนมีงานก็ไปที่นั่นขอรับ ถึงอย่างไรก็ตัวคนเดียว ที่ไหนก็เป็นบ้าน”
“เจ้าเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ควรสร้างครอบครัวเสียที หากบิดามารดาของเจ้าเห็นว่าเจ้ายังตัวคนเดียว เกรงว่าจะนอนตายตาไม่หลับ! ” เซียวจิ้งยี่ทอดถอนใจ เขารู้สึกสงสารเด็กคนนี้ บิดามารดาด่วนจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ในภายหลังติดตามคนอื่นไปเป็นช่างไม้อยู่ข้างนอก ทั้งปีกลับมาน้อยครั้งจนนับนิ้วได้ จนถึงช่วงหลัง หลายปีถึงจะได้กลับมาสักครั้ง เห็นแล้วรู้สึกสงสารยิ่งนัก
แววตาของเซียวหยวนฉายประกายแสงทีหนึ่ง เพียงกล่าว “วาสนาของข้ายังมาไม่ถึง หากมาถึงแล้วย่อมมีขอรับ”
เซียวจิ้งยี่ขานตอบก่อนกล่าว “หากเจ้าถูกตาต้องใจผู้ใด ก็บอกกับท่านป้าของเจ้า ให้ท่านป้าไปช่วยเจ้า”
พวกเขาจะเป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้เขา เซียวหยวนตอบรับเต็มปากเต็มคำ “เช่นนั้นถึงเวลาต้องไปรบกวนท่านลุงกับท่านป้าแล้ว”
รถม้าโยกโคลงเคลง เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
เซียวหยวนรีบจับขอบหน้าต่างรถม้าไว้ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “หัวหน้าหมู่บ้าน เกิดอะไรขึ้นขอรับ? เหตุใดถึงรีบร้อนเพียงนี้? ”
เซียวจิ้งยี่ทอดถอนใจ “มีเด็กเจ็ดคนหายไปจากสี่หมู่บ้านในเมืองโยวหลัน ตอนนี้ข้ากำลังรีบไปหาหลี่เจิ้ง”
คนตรงข้ามเบี่ยงสายตาหลบเล็กน้อย ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ไม่ให้เซียวจิ้งยี่พบว่าเขาหลบสายตา “หัวหน้าหมู่บ้านพบอะไรเข้าหรือขอรับ? ”
“ภรรยาเซียวยวี่บอกว่าวันนั้นตอนไปหาจื่อเมิ่งกับเสี่ยวฮวา นางพบว่ารถม้าที่จับเด็กไปมีหลังคาทรงกลม รถม้าในอำเภอกว่างชางของเราหลังคาล้วนเป็นทรงแหลม แต่ของอำเภอหงอันเป็นทรงกลม พวกค้ามนุษย์กลุ่มนี้ไม่แน่ว่าอาจมาจากอำเภอหงอัน ข้าจะไปบอกกับหลี่เจิ้ง ให้ระดมคนทั้งเมืองไปหารถม้าหลังคาทรงกลม ไม่แน่ว่าอาจหาพบ”
เซียวหยวนก้มหน้า มือทั้งคู่สอดไว้ในแขนเสื้อ เล็บจิกผิวจนแทบทะลุเข้าเนื้อแล้ว ถึงรักษาสีหน้าเรียบสงบไว้ได้
“ภรรยาเซียวยวี่ช่างมีสายตาดีเสียจริง” เซียวหยวนกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เป็นเช่นนั้นจริง นางยังบอกวิธีหาคนให้ข้าด้วย ขอเพียงเด็กกลุ่มนั้นยังไม่ออกจากเมืองโยวหลัน ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา ก็ต้องหาตัวเด็กเหล่านั้นพบแน่ พวกค้ามนุษย์ที่สมควรตายนั่น ถึงเวลาต้องสับให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น” เซียวจิ้งยี่กล่าวด้วยท่าทางดุดัน
เซียวหยวนหัวเราะเบา สายตามองทอดออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้กล่าวอะไรอีก
พอถึงตัวเมือง เซียวหยวนลงจากรถม้า เห็นรถม้าวิ่งเข้าไปในตัวเมืองอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของเซียวหยวนที่เมื่อครู่ยังดูใสซื่อไร้พิษภัย เหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เปลี่ยนเป็นใบหน้าโหดเหี้ยมเหลี่ยมจัดทันที
เขาเพ่งมองรถม้าคันนั้นเขม็ง เห็นรถม้าวิ่งไปไกลแล้ว เขาสอดส่ายสายตามองดูรอบข้างอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินเข้าไปในตรอกเล็กเส้นหนึ่งที่เปลี่ยวร้างผู้คน
เซี่ยยวี่หลัวล้างกระทะกับชามเสร็จ ตอนออกมาสบสายตากับเซียวยวี่ที่ปิดประตูเสร็จแล้วกำลังกลับห้องพอดี
ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ต่างไม่ได้กล่าวอะไร แต่กลับหน้าแดงถึงใบหูทั้งคู่ ก่อนจะหนีกันไปคนละทาง
เซี่ยยวี่หลัวหนีกลับเข้าห้อง เห็นว่าข้าวของในกระจาดยังอยู่ในสภาพเดิม เด็กสองคนฝึกเขียนหนังสืออย่างว่าง่าย นางหยิบพื้นรองเท้าที่ยังเย็บไม่เสร็จขึ้นมาทำต่อ
ระหว่างที่เย็บอยู่ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางจึงหยุดมือ
ตามหลักแล้ว เซียวยวี่เห็นสภาพหลังอาบน้ำของนางโดยไม่ได้ตั้งใจ คนที่ควรกระดากอายจนหน้าแดงถึงใบหูควรเป็นนางกระมัง? นางอายจนต้องรีบหนีน่าจะเป็นเรื่องปกติเสียยิ่งกว่าอะไร
เซียวยวี่จะหนีทำไม เขาอายอะไร?
เซี่ยยวี่หลัวคิดแล้วคิดอีก ก็ยังไม่เข้าใจ
ด้านนอกมีสายลมพัดผ่านอีกครั้ง พัดกางเกงสีขาวผ่องดุจหิมะของเซียวยวี่จนโบกพลิ้ว ใบไผ่สีเขียวมรกตที่ปักไว้บนนั้นดูสะดุดตาและประณีตเป็นพิเศษ ทั้งยัง… ดูดีเป็นพิเศษ
หนึ่งตัว สองตัว