ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 10 บทที่ 297 จอมยุทธ์หญิงมีนามว่าเซี่ยยวี่หลัว
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 10 บทที่ 297 จอมยุทธ์หญิงมีนามว่าเซี่ยยวี่หลัว
เซียวจิ้งยี่ลงจากรถม้า ไปหาโหยวหลี่เจิ้งทันที
โหยวเจิ้งเฉิงอายุไล่เลี่ยกับเซียวจิ้งยี่ ห้าสิบกว่าปี ยังคงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เส้นผมสีดำทั้งศีรษะ พอได้ยินว่าเซียวจิ้งยี่มีวิธี ก็ตบขาพร้อมบอกว่าดีทันที ทั้งสองคนปรึกษาหารือเรื่องรายละเอียดกันอีกครู่หนึ่ง
บัดนี้ประตูเมืองถูกปิดทั้งหมด ประตูเมืองเปิดให้คนออกแต่ไม่ให้รถม้าออก ต่อให้มีคนออก หากมีเด็กด้วย ก็ต้องยืนยันฐานะเด็กซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงจะปล่อยให้ออกไปได้
หากพวกค้ามนุษย์ซ่อนตัวเด็กไว้ในตัวเมืองจริง เช่นนั้นตอนนี้ คนกลุ่มนั้นต้องยังอยู่ในมุมใดมุมหนึ่ง รอโอกาสเคลื่อนไหวเป็นแน่
“ขอเพียงพวกเราออกค้นหา ต่อให้พวกมันติดปีกก็ยากจะบินหนี” เซียวจิ้งยี่มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง “ขอเพียงเด็กอยู่ในตัวเมือง ข้าไม่เชื่อว่าจะหาไม่พบ”
“ได้ พวกเราแยกย้ายกันหาตอนนี้เลย”
โหยวเจิ้งเฉิงรวบรวมกำลังคนไม่น้อย แบ่งกลุ่มตามหมู่บ้านต่างๆ แยกย้ายกันค้นหาคนและรถม้า
เมืองโยวหลันจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก ตามที่เซี่ยยวี่หลัวบอกไว้ ออกหาตามทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ และทิศใต้ ตามถนนใหญ่ตรอกเล็ก เริ่มจากหาตามบ้านเรือนเก่าที่ไม่มีคนอาศัยอยู่มาหลายปี ใช้กำลังคนสิบกว่าคน บวกกับคนจากหมู่บ้าน หาไปทีละบ้าน
เมืองโยวหลันมีบ้านเรือนเก่าที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ไม่น้อย จึงต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการหา
รถม้าก็เหมือนกัน ค้นหาทั่วทั้งเมืองโยวหลัน ก็ยังไม่พบรถม้าหลังคาทรงกลม
ในจังหวะที่เซียวจิ้งยี่แทบจะถอดใจ ในที่สุดก็มีคนกลุ่มหนึ่งพบบ้านเก่าที่ร้างมานานซึ่งตั้งอยู่ใกล้ประตูเมืองทางทิศตะวันออก
เด็กๆ ไม่ได้ถูกขังอยู่ในบ้าน แต่ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินที่ถูกขุดไว้ในบ้าน
เด็กเจ็ดคนถูกจับมัดมือและเท้า ทั้งยังใช้เศษผ้าอุดปากไว้ เบียดเสียดกันอยู่ภายในห้องใต้ดินที่ทั้งอับชื้นและผุเก่า ในเสี้ยววินาทีที่แผ่นไม้ถูกเปิดออก มองเห็นแสงอาทิตย์เหนือศีรษะ เด็กเจ็ดคนต่างแหงนหน้ามองขึ้นด้านบน
บิดามารดาของเด็กบางคนได้เห็นบุตรที่หายตัวไปหวนกลับคืน ก็ทั้งร่ำไห้ทั้งกระโดดโลดเต้น ยินดีถึงขีดสุดจนน้ำตาไหลริน
เซียวจิ้งยี่เอ่ยถามพวกเขาว่าหาพบได้อย่างไร ห้องใต้ดินนั้นหาพบได้ยากมาก! เด็กๆ ถูกปิดปากไว้ จะส่งเสียงขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้ ทุกคนหาห้องใต้ดินที่ปิดมิดชิดนี้พบได้อย่างไร?
เหยาชิ่งกุ้ยเป็นหัวหน้ากลุ่มนี้พอดี ยิ้มพร้อมกล่าว “หลี่เจิ้งบอกว่าเป็นรถม้าหลังคาทรงกลม พวกเราหาอยู่นานก็ยังไม่เห็นรถม้าหลังคาทรงกลม แต่ตอนเดินมาทางนี้ พบว่าที่นี่มีกลิ่นเหม็นไหม้ เหมือนจะเผาอะไรไป หลี่เจิ้ง พวกท่านดู คือตรงนี้”
บนพื้นมีขี้เถ้ากองหนึ่งที่ยังใหม่อยู่ พอลมพัดผ่าน ยังสามารถมองเห็นผ้าสักหลาดสีเทาที่ยังเผาไหม้ไม่หมด
เซี่ยยวี่หลัวเคยบอก ว่าเป็นรถม้าหลังคาทรงกลมที่มีผ้าสักหลาดสีเทา
สิ่งที่ยังเผาไหม้ไม่หมด คือผ้าสักหลาดสีเทา กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อครู่มีคนเผาหลังคารถม้า!
โหยวหลี่เจิ้งกวาดสายตามองดูโดยรอบ สบตากับเซียวจิ้งยี่พอดี หัวใจเต้นแรงราวกับมีกลองตีรัว
หรือว่าพวกค้ามนุษย์จะรู้แผนการของพวกเขา ดังนั้นพวกมันจึงจงใจเผาผ้าสักหลาด?
คนที่มาช่วยค้นหา ล้วนเป็นคนในหมู่บ้าน รวมทั้งหลี่ซวีหลายคนที่ติดตามข้างกายเขามานานหลายปี และชาวบ้านละแวกใกล้เคียงที่อาสามาช่วยหาคน
ข้อมูลพวกนี้เพิ่งบอกทุกคนตอนกำลังจะออกค้นหา ฝ่ายไหนกันที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกไป?
ถึงแม้จะจับตัวพวกค้ามนุษย์ไม่ได้ แต่ยังดีที่หาตัวเด็กๆ พบแล้ว ท่านหมอตรวจสอบร่างกายพวกเขา บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่หิวเกินไป เด็กๆ ต่างไม่ได้รับบาดเจ็บ ทุกคนจึงวางใจ
สอบถามอยู่ครู่หนึ่ง เด็กๆ ต่างไม่เคยพบพวกค้ามนุษย์ บอกว่าพวกค้ามนุษย์ใส่ผ้าปิดหน้าสีดำ จึงได้แต่ปล่อยไป
บิดามารดาของเด็กๆ ต่างอุ้มบุตรของตัวเองคุกเข่าต่อหน้าโหยวเจิ้งเฉิง “หลี่เจิ้ง ท่านเปรียบเสมือนบิดามารดาที่ทำให้เด็กๆ ได้มีชีวิตอีกครั้ง พวกเราขอคำนับท่าน”
โหยวหลี่เจิ้งหาใช่คนที่ชอบเอาหน้า เขายิ้มพร้อมกล่าว “หากจะกล่าวขอบคุณ พวกเจ้าขอบคุณผิดคนแล้ว ต้องขอบคุณกุนซือ[1]ของหัวหน้าหมู่บ้านสกุลเซียว จึงช่วยทุกคนหาเด็กๆ พบ มิเช่นนั้นพวกเราคงคิดหาวิธีนี้ไม่ได้”
หากไม่ใช่เพราะหลังคารถม้าทรงกลมทำให้พบเบาะแส ใครเล่าจะหาห้องใต้ดินพบ?
“กุนซือ? หัวหน้าหมู่บ้านสกุลเซียว เป็นใครหรือ? ท่านช่วยพาพวกเราไปพบด้วย พวกเราอยากคำนับเพื่อขอบคุณ”
เซียวจิ้งยี่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวหาใช่คนประเภทนั้น หากเห็นคนคุกเข่าคำนับนางจริง เกรงว่าจะทำให้นางตกใจเสียมากกว่า “ช่วยทุกคนหาเด็กพบก็ดีแล้ว เขาไม่ต้องการให้ทุกคนคุกเข่าคำนับเขา”
“ไม่ได้ หัวหน้าหมู่บ้านสกุลเซียว ท่านต้องพาพวกเราไปพบผู้มีพระคุณของพวกเรา หาตัวเด็กๆ พบ ก็เท่ากับเขาช่วยชีวิตพวกเราหลายสิบชีวิต พวกเราต้องขอบคุณเขาต่อหน้า คุกเข่าคำนับเขา” ชาวบ้านต่างไม่ยอม ยืนยันว่าอย่างไรก็ต้องพบผู้มีพระคุณของพวกเขาให้ได้
บุญคุณนี้ใหญ่หลวงกว่าการช่วยชีวิตพวกเขาเสียอีก!
เซียวจิ้งยี่ยังจะบ่ายเบี่ยง โหยวเจิ้งเฉิงที่อยู่ข้างๆ จึงกล่าว “เจ้าอย่าบ่ายเบี่ยงเลย หาเวลาว่าง พาทุกคนไปพบเขาเถอะ เขาให้ความช่วยเหลือมากถึงเพียงนี้ ทุกคนไปขอบคุณเขา ก็ถือว่าสมเหตุสมผล”
“ได้” เซียวจิ้งยี่ไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้อีก อย่างไรเสียทุกคนก็อยากไปขอบคุณเซี่ยยวี่หลัว เขาจะปฏิเสธตลอดก็ไม่ได้ “เช่นนั้นจะไปเวลาใด? ”
โหยวเจิ้งเฉิงคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “ท่านบอกชื่อวีรบุรุษผู้นั้นให้ข้า ข้าจะไปที่อำเภอเพื่อขอรางวัลให้เขา ถ้าอย่างไรรอให้ของรางวัลมาแล้วค่อยไปพร้อมกัน”
เซียวจิ้งยี่พูดชื่อเซี่ยยวี่หลัว
โหยวเจิ้งเฉิง “…”
เหยาชิ่งกุ้ย “…”
เหยาต้าไห่ “…”
ทั้งสามคนต่างหันมองมาทางเซียวจิ้งยี่ ทำให้เซียวจิ้งยี่รู้สึกมึนงง
บนใบหน้าเขามีอะไรติดอยู่อย่างนั้นหรือ?
หรือว่า…
พวกเขาเห็นว่าเป็นชื่อของสตรี ดังนั้นจึงตกใจกระมัง
ถึงแม้สตรีไม่ควรปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ทว่า… เรื่องหาเด็กๆ พบคราวนี้ นางมีความดีความชอบใหญ่หลวงจริงๆ !
เซียวจิ้งยี่รีบอธิบาย “ถึงแม้นางจะเป็นสตรี แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าบุรุษเลย หากไม่ได้นาง พวกเราก็คงไม่รู้เรื่องรถม้าหลังคาทรงกลม”
ทั้งสามคนยังคงไม่กล่าวอะไร สีหน้าดูแปลกพิลึก
“เป็นอะไรไป? เหตุใดพวกท่านถึงมองข้าเช่นนี้? ”
จู่ๆ โหยวเจิ้งเฉิงก็ตบบ่าเซียวจิ้งยี่ ลูบหนวดเคราพร้อมหัวเราะลั่น “ช่างบังเอิญยิ่งนัก ครั้งก่อนจอมยุทธ์หญิงที่ช่วยพวกเราจับหัวขโมย ก็เป็นนางเช่นกัน เซี่ยยวี่หลัวแห่งหมู่บ้านสกุลเซียว”
“ใช่ใช่ใช่ เก่งกาจเสียยิ่งกว่าอะไร เตะทีเดียวก็จัดการหัวขโมยได้แล้ว! ” เหยาชิ่งกุ้ยกล่าวถึงท่าเตะที่ยอดเยี่ยมนั่น ตอนนี้ย้อนนึกดู ดวงตาถึงกับเป็นประกาย
ทำไมถึงเตะขาได้สูงขนาดนั้น!
เซียวจิ้งยี่มึนงงไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะลั่นตาม หัวเราะจนเห็นแต่ฟันไม่เห็นตา “เป็นเช่นนั้นหรือ? บังเอิญเสียจริง! ”
ปีนี้ดวงของหมู่บ้านสกุลเซียวไม่เลวเลย ได้รับรางวัลจากอำเภอกว่างชางถึงสองรางวัลในคราเดียว ไม่เลวไม่เลว!
ช่างน่ายินดียิ่งนัก!
—————————————
เชิงอรรถ
[1] กุนซือ หรือ จวินซือ คือที่ปรึกษาทางทหาร บางครั้งก็หมายถึงคนที่ช่วยคิดยุทธวิธีและวางแผนการ