ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 302 ปอกไข่ยังไม่เร็วเท่านาง
เซียวยวี่มองดูไข่ไก่ในถ้วย ก่อนหันมองเซี่ยยวี่หลัวที่ก้มหน้ากินข้าวอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาหยิบขึ้นมาหนึ่งฟอง เคาะตรงขอบโต๊ะเบาๆ เปลือกไข่มีรอยแตกหนึ่งรอย ก่อให้เกิดเสียงดัง “ต๊อก” เซียวยวี่ถือไข่ไก่ที่เคาะจนเปลือกแตกไว้ ปอกเปลือกไข่ทีละเล็กทีละน้อย
เซี่ยยวี่หลัวได้ยินเสียง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมทำอะไรไป
นางรีบหยิบไข่ไก่ขึ้นมา กลิ้งไปบนโต๊ะ กลิ้งด้านหน้าทีหนึ่ง ด้านหลังทีหนึ่ง ปอกเปลือกไข่ที่แตกออกด้านข้าง เพียงไม่กี่ทีก็ปอกไข่เสร็จแล้ว
เซียวยวี่มองดูไข่ในมือตัวเองที่ยังเหลือเปลือกไข่อีกกว่ากึ่งหนึ่ง นางปอกไข่เสร็จแล้ว แยกไข่แดงและไข่ขาวออก ใส่ลงไปในชามของเซียวจื่อเมิ่ง
จากนั้น จึงทำเช่นเดียวกันกับไข่ไก่ฟองที่สอง กลิ้งไปบนโต๊ะ ด้านหน้าทีหนึ่ง ด้านหลังทีหนึ่ง ปอกเสร็จแล้วจึงใส่ไว้ในชามของเซียวจื่อเซวียน
เร็วจนเซียวยวี่กล่าวอะไรไม่ออก ปอกเปลือกไข่เช่นนี้ได้ด้วยหรือ เร็วเกินไปแล้ว อีกฝ่ายปอกเสร็จแล้วสองฟอง ไข่ในมือของเขายังเหลือเปลือกอยู่อีกเล็กน้อย!
เซี่ยยวี่หลัวเริ่มหยิบฟองสุดท้ายมา เมื่อเห็นนางปอกเปลือกไข่ออกซีกหนึ่งแล้ว เซียวยวี่รีบปอกเปลือกไข่ส่วนสุดท้ายที่เหลืออีกเล็กน้อยออก จากนั้นจึงยื่นมือยาว วางไข่ไก่ที่ปอกเสร็จแล้วลงในชามของเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวปอกไข่ไก่เสร็จ กำลังจะอ้าปากกิน เมื่อเห็นว่าไข่ไก่ในมือเซียวยวี่ถูกนำมาใส่ในชามของตัวเอง นางปิดปากทันที ถือไข่ไก่จ้องมองด้วยอาการกล่าวอะไรไม่ออก
เซียวยวี่มอบไข่ไก่ที่ปอกเสร็จแล้วให้นาง?
ไข่ไก่ถูกใส่เข้ามาในชามที่นางเคยกินแล้ว ผสมกับโจ๊ก สกปรกแล้ว คงจะตักขึ้นมาส่งคืนไปไม่ได้
เช่นนั้น…
เซี่ยยวี่หลัวมองดูไข่ไก่ในมือตัวเองที่เกือบกัดลงไป ยื่นส่งให้เซียวยวี่อย่างว่าง่าย นางไม่ได้ใส่ลงไปในชามของเซียวยวี่โดยตรง แต่กล่าวเป็นเชิงขอความคิดเห็นของเซียวยวี่ “ฟองนี้ ให้เจ้า? ”
ไข่ไก่สี่ฟอง คนละหนึ่งฟอง ของนางอยู่ในชามแล้ว จะให้นางคนเดียวกินสองฟองก็คงไม่ได้กระมัง
เซียวยวี่เอื้อมมือมารับ วางไว้ในชาม จากนั้นจึงก้มหน้า กัดไปครึ่งฟอง
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกราวกับเห็นภูตผีก็มิปาน
เสียงหัวเราะของเด็กสองคนดังขึ้น เซี่ยยวี่หลัวจึงเรียกสติคืนกลับมา “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านรีบกินสิขอรับ! ”
เซียวจื่อเซวียนกล่าวพลางหัวเราะคิกคัก เซี่ยยวี่หลัวแสร้งทำทีเป็นถลึงตาใส่เขาด้วยความโมโห ก้มหน้ามองดูไข่ไก่ในชามที่ถูกปอกจนสะอาดหมดจด อาจเพราะออกแรงมากเกินไป ไข่ขาวถูกปอกจนเกิดรูเล็กอยู่หลายแห่ง
นี่คือไข่ไก่ที่ท่านราชบัณฑิตน้อยปอกเองกับมือ…
เซี่ยยวี่หลัวไม่ค่อยอยากกินนัก
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ นางอยากนำไข่ฟองนี้ไปใส่กรอบแขวนเอาไว้ ถ้าจะให้ดีก็ทำให้คงสภาพไว้ ชนิดที่สามารถเก็บรักษาได้ตลอดไป
ต่อไปหากตนเองไปจากที่นี่ นางมีไข่ไก่คงสภาพฟองนี้ ก็สามารถโอ้อวดไปทั่ว ว่านี่คือไข่ไก่ที่ท่านราชบัณฑิตน้อยคนปัจจุบัน หรือก็คืออดีตสามีของนาง ปอกให้นางกับมือ
ทว่า ตอนนี้ใส่กรอบแขวนไว้ไม่ได้ เพราะจะเน่าเหม็น!
เซี่ยยวี่หลัวทอดถอนใจด้วยความจนใจ ได้แต่กินเสีย
เซียวยวี่กินไข่ที่เซี่ยยวี่หลัวปอกให้หมดเกลี้ยงแล้ว รู้สึกว่าในบรรดาไข่ไก่ทั้งหมดที่เขากินมาตลอดสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี ไข่ไก่ฟองนี้หอมที่สุดหวานที่สุด
เมื่อครู่เขาเห็นไข่ไก่ที่เซี่ยยวี่หลัวปอก เรียบเนียนเกลี้ยงเกลา ไม่มีส่วนใดที่ปอกจนเสียหายเลย ไม่เหมือนของเขา เพราะต้องแข่งกับเวลา ด้วยเกรงว่าจะไม่ทันให้เซี่ยยวี่หลัวกิน ปอกจนมีหลุมมีบ่อทั่วฟอง
เดิมทีเซียวยวี่คิดว่า ต่อให้เซี่ยยวี่หลัวคิดจะปอกไข่ไก่ ไข่ไก่สองฟองแรก ก็ต้องปอกให้เด็กสองคนก่อน เขามีเวลาอีกมาก แต่ใครจะรู้ ว่าความเร็วการปอกไข่ไก่ของนางช่างรวดเร็วยิ่งนัก นางปอกสามฟอง เขาเพิ่งปอกเสร็จหนึ่งฟองอย่างลุกลี้ลุกลน
หากไม่เร่งความเร็ว เกรงว่าคงไม่ทันแล้ว
ดังนั้น พอเร่งความเร็ว ไม่ได้ควบคุมแรงมือ จึงปอกออกมาดูไม่ดีนัก
ทว่า ยังดีที่นางไม่รังเกียจ กินอย่างมีความสุขเหมือนกัน
เซียวยวี่รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง!
เซี่ยยวี่หลัวกินไข่ไก่หมดแล้ว นึกขึ้นได้ว่าต้มถั่วแระไว้ในหม้อ ต้มนานไปจะเปื่อย ต้องกลับห้องครัวไปดูก่อน นางรีบวางโจ๊กที่ยังเหลืออีกเกือบครึ่งชามลง ก่อนกล่าว “ข้าจะไปดูถั่วแระที่ห้องครัวก่อน”
เด็กสองคนต่างขานตอบว่าได้ เซียวยวี่ไม่ได้กล่าวอะไร ก้มหน้ากินข้าว
เซี่ยยวี่หลัวไปยังห้องครัว ฝักถั่วที่ต้มจนสุกยังเป็นสีเขียวอ่อน สีเขียวดุจหยกดูน่ารัก วิธีการต้มก่อนแล้วจึงผัดสามารถป้องกันไม่ให้ถั่วแระเปลี่ยนสี สีสันสดใสไม่เหลืองซีด
นางแกะถั่วแระหนึ่งฝัก ใส่เข้าปากเคี้ยวครู่หนึ่ง
ถั่วแระสดใหม่ ต้มให้กรอบนุ่มได้ง่าย ทั้งยังมีรสหวานแฝง รสสัมผัสดีเป็นพิเศษ
สียังคงเป็นสีเขียวดุจหยก รสสัมผัสก็ดี เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ใช้กระชอนตาถี่สะอาดอันหนึ่งตักถั่วแระขึ้นมาทั้งหมด
ตั้งแต่เซี่ยยวี่หลัวออกไป เซียวยวี่ก็วางตะเกียบลง ไม่ได้กินต่อ
รออยู่ครู่หนึ่ง เซียวยวี่ตั้งใจฟังเสียงจากข้างนอก มีเสียงดังจากห้องครัว เซี่ยยวี่หลัวยังคงไม่กลับมา
เซียวยวี่มองดูชามของเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ตรงข้าม ในชามเหลือโจ๊กอีกเกือบครึ่งชาม หากปล่อยไว้ก็จะเย็น
หากปล่อยให้โจ๊กเย็นแล้วค่อยกินจะไม่ดีต่อกระเพาะ เซียวยวี่ขมวดคิ้ว ลุกยืนก่อนยกชามของเซี่ยยวี่หลัวขึ้น คีบผักใส่เล็กน้อย กำชับเด็กสองคน “พวกเจ้ารีบกินเข้า”
เซียวจื่อเมิ่งไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ไปที่ไหน เห็นพี่ใหญ่เดินออกไป จึงเอ่ยถามเสียงใส “พี่รอง พี่ใหญ่ออกไปยังกินข้าวไม่หมดเลยเจ้าค่ะ! ”
เซียวจื่อเซวียนยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่ก็ยังกินข้าวไม่เสร็จ พี่ใหญ่จึงไปส่งข้าวให้พี่สะใภ้ใหญ่ที่ห้องครัวไม่ใช่หรือ? ”
เซียวจื่อเมิ่งได้ฟังแววตาพลันเป็นประกาย “พี่รอง ข้าใกล้จะได้เป็นท่านอาแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ? ” ในบ้านนี้นางอายุน้อยที่สุด ไม่สนุกเอาเสียเลย
เซียวจื่อเซวียนยิ้มอย่างมีเลศนัย ทำสีหน้าตั้งตารอคอย “น่าจะเป็นเช่นนั้น”
เซียวยวี่ยกชามข้าวเข้าไปในห้องครัว ได้กลิ่นหอมเข้มข้นของถั่ว เซี่ยยวี่หลัวที่มีรูปร่างบอบบางยืนอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร กวัดแกว่งตะหลิวโดยหันหลังให้เขา
“ข้าทำเอง เจ้ากินข้าวก่อน” เซียวยวี่เดินมา วางชามข้าวของเซี่ยยวี่หลัวไว้บนเตาปรุงอาหาร ก่อนเอื้อมมือไปรับตะหลิวในมือเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวยื่นส่งให้เขาตามสัญชาตญาณ
เซียวยวี่รับมา ตักถั่วแระที่ต้มเสร็จแล้วไว้ในกระชอน
เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าเขาทำเป็น จึงยกชามข้าวของตัวเองที่ยังกินไม่หมดขึ้นมา
ในชามมีกับข้าวตักใส่ไว้ไม่น้อย
นางยังจำได้ ตอนนางออกมา ในชามมีเพียงโจ๊กเกือบครึ่งชาม ไม่มีกับข้าว ดูท่า กับข้าวเหล่านี้ท่านราชบัณฑิตน้อยเป็นคนคีบให้นาง
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตื้นตันอยู่ในใจ ก้มหน้ากินข้าวอย่างรวดเร็ว
เซียวยวี่ตักถั่วแระขึ้นมาทั้งหมด จากนั้นจึงถามนาง “น้ำเหล่านี้ยังจะเอาอยู่หรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “เอา แต่ไม่ใช้มากถึงเพียงนั้น เหลือไว้แค่หนึ่งถ้วยแกงก็พอ” ประเดี๋ยวต้องใช้น้ำแกงนี่ต้มถั่วแระอีก
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง ใช้กระบวยตักเต็มหนึ่งถ้วยแกง ก่อนเทน้ำที่เหลือทิ้งทั้งหมด จากนั้นจึงล้างหม้อจนสะอาด เซี่ยยวี่หลัวกินข้าวเสร็จแล้ว จึงกล่าว “ข้าทำเอง”
“อืม”
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง ถอยหลังไปสองก้าว มายังด้านหลังเตาปรุงอาหาร เริ่มใส่ฟืน
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเขาไม่ไป รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คือ ข้าทำเองไหว เจ้ามีธุระอะไรก็ไปทำก่อนเถอะ”
เซียวยวี่ก้มหน้า ใช้แหนบคีบฟืนในมือคีบหญ้าแห้งใส่เข้าไปในเตาไฟ ประกายไฟในเตาไฟทำให้หญ้าแห้งโหมไหม้ สาดส่องจนใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง ดวงตาทั้งคู่ดูสะดุดตายิ่งกว่ายามปกติเสียอีก “ข้าไม่มีธุระ”