ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 307 ท่านราชบัณฑิตน้อยเริ่มทำการเกษตร
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 11 บทที่ 307 ท่านราชบัณฑิตน้อยเริ่มทำการเกษตร
เซี่ยยวี่หลัวก็ถึงกับมึนงง
ริมฝีปากของเซี่ยยวี่หลัวอ่อนนุ่มและอบอุ่น ยามแนบติดบนกาย ราวกับผิวส่วนนั้นโดนไฟโหมไหม้อย่างไรอย่างนั้น
จากนั้น เป็นผิวแถบนั้น หลังจากนั้น จึงเป็นทั่วกาย ราวกับมีเพลิงโหมไหม้อย่างรุนแรง
เซียวยวี่หวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่สะลึมสะลือในค่ำคืนนั้น และบางส่วนของร่างกาย เหมือนจะ…
ตอนนี้ยังเป็นช่วงกลางวันแสกๆ เซียวยวี่ที่ถือว่าตัวเองเป็นบัณฑิต จะคิดฟุ้งซ่านได้อย่างไร?
ทั้งยังเป็นความคิดสกปรกโสมมเช่นนั้นด้วย!
นอกจากนั้น เซี่ยยวี่หลัวอยู่บนหลังตัวเอง หากนางสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา… เซียวยวี่ไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ เขารีบปรับสภาวะจิตใจ พยายามสุดความสามารถเพื่อสะกดเพลิงที่โหมไหม้อย่างรุนแรง พยายามฝืนยิ้มออกมา แสร้งทำทีเป็นกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “มะเขือยาวที่เจ้านึ่งในวันนี้ อร่อยหรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวแทบอยากร้องไห้ เมื่อครู่นางไม่ได้ตั้งใจฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวเซียวยวี่จริงๆ นั่นเป็นอุบัติเหตุ!
นางกำลังคิดอยู่ว่าจะอธิบายกับเซียวยวี่อย่างไร เซียวยวี่ก็ถามนางเรื่องมะเขือยาวแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจยาวทีหนึ่ง บางทีเขาอาจไม่ได้ใส่ใจเลยก็เป็นได้ นางขานตอบทีหนึ่ง “อร่อย อร่อยเป็นพิเศษด้วย”
น่าเสียดายที่ไม่มีเตาอบ ไม่อย่างนั้นรสชาติที่อบออกมาจะอร่อยยิ่งกว่า มะเขือยาวที่ใช้วิธีนึ่งอมน้ำมากเกินไป แต่ก็อร่อยจนทำให้แทบกัดลิ้นได้เหมือนกัน
ลูกกระเดือกของเซียวยวี่เคลื่อนขึ้นลงทีหนึ่ง เหมือนจะอยากกินจนน้ำลายสอจริงๆ
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเข้า ก็ตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่า เหมือนนางจะไม่เคยทำอาหารชนิดนี้ให้เซียวยวี่กินเลย
คงไม่ใช่ว่าเขาอยากกินกระมัง?
ถึงขั้นกลืนน้ำลายแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวรีบกล่าว “คือ ข้ากลับไปจะนึ่งให้เจ้าหนึ่งผล”
เซียวยวี่กลืนน้ำลายอีกครั้ง เพลิงที่ลุกโชนในใจเหมือนจะทุเลาลงเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองไปด้านหน้า ยิ้มพร้อมกล่าวว่าได้
ในที่สุดก็เดินออกจากดงต้นไม้ พอออกมา คราวนี้เซียวยวี่วางนางลงทันที เพียงกล่าวว่าไปกันเถอะ จากนั้นจึงสาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังด้วยซ้ำ เซี่ยยวี่หลัวตามอยู่ข้างหลัง ทิ้งระยะห่างกับเซียวยวี่สองถึงสามก้าวอยู่ตลอด
เซียวยวี่ไม่ได้รอนาง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก ทั้งสองคนเดินห่างกันสองถึงสามก้าว
เซี่ยยวี่หลัวย่อมไม่เห็น ว่าบนหน้าผากขาวเนียนของเซียวยวี่ เต็มไปด้วยเหงื่อซึมชื้น รวมถึงร่างกายที่แข็งเกร็งของเขาที่เตรียมปะทุได้ทุกเมื่อ
เมื่อนางไม่ได้เดินข้างๆ เซียวยวี่ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับสู่สภาวะปกติ เมื่อกลับถึงบ้าน เซียวยวี่มุ่งตรงไปยังห้องของตัวเอง ส่วนเซี่ยยวี่หลัวก็ตรงไปยังสวนหลังบ้าน
มีมะเขือยาวจำนวนมาก เซี่ยยวี่หลัวเด็ดมะเขือยาวลูกใหญ่สองผล เด็กๆ ก็ชอบกิน ถ้าอย่างไรก็ทำอย่างเผ็ดหนึ่งผล ไม่เผ็ดอีกหนึ่งผล
เด็กๆ เล่นกันอยู่ในห้อง พอได้ยินเสียงพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่กลับมา ต่างก็กรูกันเข้ามา
เมื่อได้ยินว่าตอนเที่ยงพี่สะใภ้ใหญ่จะทำอาหารอร่อยอีกอย่างหนึ่ง เด็กสองคนก็แทบน้ำลายไหล
หุงข้าวเสร็จ นึ่งมะเขือยาวสองผล หมูผัดพริก ไข่ตุ๋นหมูสับ ใช้เวลาไม่ถึงสองเค่อ เซี่ยยวี่หลัวก็ทำอาหารสามอย่างเสร็จ ข้าวก็หุงสุกแล้ว
“รีบไปตามพี่ใหญ่ของพวกเจ้ามากินข้าวได้แล้ว” นึ่งมะเขือยาวผลใหญ่ให้ท่านราชบัณฑิตน้อยโดยเฉพาะ ฮะฮะ ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่เขาพานางไปปลดทุกข์
ไม่นานเซียวยวี่ก็มา มองดูอาหารบนโต๊ะ เหมือนกับที่เห็นตอนอยู่เซียนจวีโหลว เซียวยวี่นั่งลง ก้มหน้ากินอาหาร
ทั้งหอมทั้งอ่อนนุ่ม และไม่มันเลี่ยน อร่อยจนแทบกัดลิ้น
“พี่สะใภ้ใหญ่ อร่อยเหลือเกิน อร่อยเหลือเกินเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งไม่ชอบกินอาหารรสเผ็ด นางกินมะเขือยาวที่ไม่เผ็ดอย่างเอร็ดอร่อย
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ถ้าอร่อยครั้งหน้าพี่สะใภ้ใหญ่จะทำให้เจ้ากินอีก” อยากกินอะไรก็ทำได้ง่ายมาก ในหัวของนางมีสูตรอาหารจำนวนนับไม่ถ้วน จะมีก็แต่สูตรที่ขาดวัตถุดิบ ไม่มีอาหารโอชารสชนิดใดที่นางทำไม่ได้
“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะกินอาหารอร่อยทั้งหมดเลยขอรับ” เซียวจื่อเซวียนยังเคี้ยวอาหารอยู่ในปาก เนื้อมะเขือยาวร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร เซียวจื่อเซวียนถึงกับแสยะปาก แต่ก็เสียดายไม่อยากคายออกมา ส่ายศีรษะไปมาขณะกล่าว
“เจ้าแมวจอมตะกละ…” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าวเป็นเชิงตำหนิ ก่อนตักไข่ตุ๋นหมูสับให้เขาหนึ่งช้อน
เซียวยวี่ก้มหน้ากินข้าว น่าเสียดายที่เขาอายุสิบเจ็ดปีแล้ว มิเช่นนั้นเขาคงกล่าวว่าเขาก็จะกินอาหารอร่อยทั้งหมดเช่นกัน
นอกจากนั้น เขาต้องเป็นคนแรกที่ได้กินด้วย
พอคิดได้ว่าเซี่ยยวี่หลัวนึ่งมะเขือยาวหนแรกก็ให้บุรุษอื่นกิน ภายในใจเซียวยวี่รู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก
“ถั่วแระบ้านเราต้องขายทั้งหมด ตอนบ่ายข้าจะไปหาคนมาช่วย ดูว่าจะมีคนช่วยเก็บเกี่ยวต้นถั่วหรือไม่” เซี่ยยวี่หลัวกินไปพลางกล่าวไปพลาง
เซียวยวี่เงยหน้าขึ้นตอนนี้เอง มองเซี่ยยวี่หลัวพร้อมกล่าว “ไม่ต้องไปหาคนแล้ว ข้าทำเอง”
หาคนมาช่วยต้องเสียเงินอีก ถึงแม้ที่บ้านจะมีเงิน แต่เงินเหล่านั้นเซี่ยยวี่หลัวหามาอย่างยากลำบาก ประหยัดได้ก็ประหยัดดีกว่า งานต่างๆ ที่ต้องลงแปลงนาไปทำ เขาเองก็ต้องเรียนรู้แล้วเหมือนกัน
“หา? เจ้าจะไปทำอะไร? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าจะไปเก็บเกี่ยวถั่วแระ” เซียวยวี่ก้มหน้ากล่าว
ท่านราชบัณฑิตน้อยจะไปเก็บเกี่ยวถั่วแระ? เขาคิดจะทำการเกษตร?
เซี่ยยวี่หลัวรีบส่ายหน้า “ไม่ต้องไม่ต้อง หลังจากเก็บเกี่ยวต้นถั่วมายังต้องเด็ดลงมาที่ละฝัก ข้าคิดจะหาสามีภรรยาคู่หนึ่งมาช่วย ให้สามีเก็บเกี่ยวถั่วในแปลง ข้ากับภรรยาจะเด็ดถั่วอยู่ที่บ้าน ให้คนช่วยที่บ้านหนึ่งคน ยังมีข้ากับเด็กสองคน ยังเหลือเวลาตลอดช่วงบ่ายกับอีกหนึ่งคืน ถึงพรุ่งนี้ต้องเด็ดถั่วเสร็จแน่นอน” นางไม่ได้นับรวมเซียวยวี่ตั้งแต่แรก
ที่นาเพียงไม่กี่เฟิน[1]เท่านั้น ทำตลอดช่วงบ่ายกับอีกหนึ่งคืน ไม่นานก็ทำเสร็จ
หน้าที่ของเซียวยวี่คืออ่านตำรา เขาไม่จำเป็นต้องเสียสมาธิไปกับเรื่องอื่น
ที่ไหนได้ เซียวยวี่กลับยืนกราน “ข้าไปเก็บเกี่ยวต้นถั่ว พื้นที่ไม่กว้างเท่าไร เรื่องเก็บเกี่ยวถั่วข้าทำคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าเพียงหาคนมาช่วยเด็ดถั่วแระ”
“เจ้ายังต้องอ่าน…”
“พอแล้ว ตกลงตามนี้” ท่านราชบัณฑิตน้อยยืนกรานเสียงแข็ง
เซี่ยยวี่หลัว “…” ประโยคที่เดิมทีจะกล่าวว่าเจ้ายังต้องอ่านตำราอีกติดอยู่ที่ปาก เห็นท่านราชบัณฑิตน้อยยืนกรานจะทำให้ได้ เซี่ยยวี่หลัวก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ไม่กล้ากล่าวอะไรอีกแม้แต่ประโยคเดียว
เรื่องที่ท่านราชบัณฑิตน้อยยืนกรานจะทำ นางเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้!
แต่อากาศร้อนถึงเพียงนี้ ท่านราชบัณฑิตน้อยไม่เคยทำงานหนักมาก่อน เขาจะทนไหวหรือ?
ตอนเที่ยงเซียวยวี่กินอาหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เขาเคยได้ยินมาว่าทำการเกษตรนั้นเหนื่อยมาก ต้องใช้พลังกายมากเป็นพิเศษ เขาต้องกินให้มากขึ้นเล็กน้อย พยายามเก็บเกี่ยวต้นถั่วแระกลับมาให้หมดภายในช่วงบ่าย
เรื่องการร่ำเรียนเขาอาจไม่ไหว แต่เขา… ทนความลำบากได้ ไม่กลัวความเหนื่อยยาก
เซียวยวี่เงยหน้า แสร้งทำทีเป็นมองคนตรงข้ามอย่างไม่ตั้งใจ เซี่ยยวี่หลัวกำลังคีบอาหารให้เด็กสองคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อ่อนหวานประหนึ่งน้ำผึ้งในโถก็มิปาน เซียวยวี่ก้มหน้าลงเงียบๆ
เซี่ยยวี่หลัวจะเห็นข้อดีอื่นของเขาหรือไม่?
กินมื้อเที่ยงเสร็จ เซียวยวี่ก็กลับห้องไป เซี่ยยวี่หลัวนึกว่าเขาจะไปพักผ่อนครู่หนึ่ง ถึงอย่างไรก็เป็นช่วงเที่ยงตรง ดวงอาทิตย์ส่องเหนือศีรษะ เป็นช่วงที่ร้อนที่สุด แต่นางต้องออกไป เซียวจื่อเมิ่งและเซียวจื่อเซวียนไปพร้อมนาง เซี่ยยวี่หลัวคิดถึงผู้คนทั้งหมดในหมู่บ้านแล้ว ก็ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
เซียวจื่อเซวียนก็ช่วยคิด เขานึกถึงคนหนึ่ง “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราไปหาเซียวซานดีหรือไม่ขอรับ? ท่านป้าโจวมารดาของเซียวซานเป็นคนขยันขันแข็ง ไม่เกียจคร้านขอรับ”
เซี่ยยวี่หลัวคิดถึงอุปนิสัยของโจวซื่อในยามปกติ พยักหน้า “ได้ พวกเราไปหาโจวซื่อ”
เมื่อไปถึงบ้านโจวซื่อ โจวซื่อและเซียวซานยังกินข้าวอยู่ เมื่อเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวมา โจวซื่อจึงรีบเชิญเข้าบ้านอย่างเป็นกันเอง “กินข้าวหรือยัง? ถ้ายังไม่ได้กินก็กินที่บ้านข้าเลย”
โจวซื่อรู้ถึงความดีของเซี่ยยวี่หลัวนานแล้ว ก่อนหน้านี้ยังให้บุตรชายของนางกินปลาตากแห้งทอด ดื่มน้ำแกง และกินซาลาเปา ในภายหลังยังได้ขายผักตี้เอ่อให้เซี่ยยวี่หลัว หาเงินจากเซี่ยยวี่หลัวได้ไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยยวี่หลัวเป็นสตรีที่ใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยม ภายในใจโจวซื่อย่อมรู้สึกโปรดปราน จึงอยากทำความคุ้นเคยกับนางให้มาก
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “พวกเรากินมาแล้วเจ้าค่ะ ที่มาวันนี้เพราะมีธุระกับท่านป้า”
“เรื่องอะไรหรือ? เจ้าบอกมา” โจวซื่อรีบเอ่ยถาม “เรื่องที่ป้าช่วยได้ ต้องช่วยแน่นอน”
เซียวซานก็ทำหูผึ่ง เอ่ยถามเซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ ด้วยความสงสัย “จื่อเซวียน มีเรื่องอะไรหรือ? ”
เซียวจื่อเซวียนจงใจไม่บอก “อีกเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
————————————–
เชิงอรรถ
[1] เฟิน คือหน่วยวัดพื้นที่ของจีน โดย 1 เฟิน เท่ากับ 66.67 ตารางเมตร