ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 308 คงอ่านตำราไปชั่วชีวิตไม่ได้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 11 บทที่ 308 คงอ่านตำราไปชั่วชีวิตไม่ได้
เซียวซานไม่มีบิดา บิดาจากโลกนี้ไปหลายปีแล้ว
สองแม่ลูกเป็นที่พึ่งพิงของกันและกัน แต่ยังดีที่ฐานะครอบครัวแต่เดิมของบ้านเซียวซานไม่เลวนัก ในบ้านมีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น โจวซื่อเป็นคนใช้จ่ายประหยัด ขยันขันแข็ง อาหารที่กินล้วนปลูกไว้ในที่นา นอกจากนั้น ช่วงหลายปีที่ผ่านมาในบ้านไม่มีเหตุให้ต้องใช้เงิน ความเป็นอยู่ของพวกเขาจึงไม่เลวนัก
ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของโจวซื่อ คือหาเงินเพิ่มอีกหน่อย ให้เซียวซานแต่งภรรยา มีหลานสักคน ชั่วชีวิตนี้ต่อให้นางตายก็ไม่นึกเสียดายแล้ว หลังจากไปสู่ภพภูมิอื่น ก็ไม่รู้สึกผิดต่อบิดาของเซียวซาน
เซี่ยยวี่หลัวบอกเล่าความคิดของตัวเอง โจวซื่อได้ฟังก็กล่าวเตือน “ยวี่หลัว ถั่วยังไม่สุกเลย เจ้าจะเก็บเกี่ยวไปทำไม? รออีกสักครึ่งเดือน ถั่วสุกงอมแล้วตากให้แห้ง พวกเราก็สามารถขายให้ช่างทำเต้าหู้ ขายได้จินละสามอีแปะเชียว! หากเจ้าเก็บเกี่ยวตอนนี้ ยังไม่สุกดี ไม่เพียงแค่น้ำหนักน้อยลง น้ำถั่วหมักก็ได้ไม่มาก จะไม่ได้ราคาดี! ”
ช่างทำเต้าหู้ให้เงินตามคุณภาพของถั่ว ถั่วทั่วไปจะขายได้จินละสามอีแปะ แต่หากเป็นถั่วที่ทั้งอวบอิ่มและคุณภาพดี จะขายได้ถึงห้าอีแปะ เซี่ยยวี่หลัวจะเก็บเกี่ยวถั่วตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งแห้งทั้งแบน ใครจะรับซื้อเล่า
จินละสามอีแปะช่างทำเต้าหู้ยังไม่รับเลย
“เจ้าไม่เคยทำการเกษตร เจ้าไม่เข้าใจ เจ้าอดทนรออีกสักระยะหนึ่ง รอให้ถั่วเจริญเติบโตเต็มที่ ตากแห้งแล้วขายได้ทันที เจ้าอย่าใจร้อนเชียว” โจวซื่อเพียงคิดว่าเป็นเพราะเซี่ยยวี่หลัวเพิ่งเคยทำการเกษตรครั้งแรก ไม่รู้ความ จึงรีบกล่าว
เซี่ยยวี่หลัว “…” ข้าไม่ได้ใจร้อน แต่ข้าจะขาย คนที่รับซื้อพรุ่งนี้ก็จะมาแล้ว
“คุยกับคนรับซื้อไว้แล้ว พรุ่งนี้ก็จะมารับไปเจ้าค่ะ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
โจวซื่อถอนหายใจทีหนึ่ง กล่าวด้วยความรู้สึกเสียดาย “ตอนนี้ถั่วยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ใครกันจะรับซื้อ ต่อให้ซื้อ เจ้าขายจินละหนึ่งหรือสองอีแปะ? เด็กโง่ เจ้าไม่เคยทำการเกษตร ไม่รู้ว่าผลผลิตทางการเกษตรล้วนมีช่วงเวลา เจ้าไม่รอให้มันสุกแล้วค่อยขาย ก็จะขายไม่ได้ราคาดี”
จินละหนึ่งหรือสองอีแปะ?
เซี่ยยวี่หลัวอ้าปากทีหนึ่ง บอกราคาที่ขายได้ “ข้าขายจินละสี่อีแปะเจ้าค่ะ”
โจวซื่อเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตนเองเพิ่งได้ยิน “เจ้า… เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าขายได้จินละเท่าไร? ”
“สี่อีแปะเจ้าค่ะ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
หกอีแปะเป็นราคาที่ซ่งฉางชิงรับซื้อของนาง เซี่ยยวี่หลัวย่อมไม่บอกผู้อื่น ใช่ว่าเป็นเพราะนางอยากหาเงินจากส่วนต่างสองอีแปะ แต่เพราะต่อให้ถั่วของหมู่บ้านสกุลเซียวมีมากเพียงใด ก็ต้องมีสักวันที่เก็บเกี่ยวจนหมด หากให้ผู้อื่นรู้ว่าซ่งฉางชิงให้นางหกอีแปะ ถึงเวลาชาวบ้านคนอื่นๆ จะขายถั่วให้เซียนจวีโหลว ซ่งฉางชิงก็จำต้องให้ราคาหกอีแปะ
มิเช่นนั้นจะจัดการยากมาก
ความหวังดีของซ่งฉางชิง เซี่ยยวี่หลัวยังจดจำได้ ในเมื่อเขาคิดอยากให้นางได้เงินเพิ่ม เช่นนั้นนางจะทำให้อีกฝ่ายลำบากใจไม่ได้
“สี่อีแปะ? ” ยังดีที่โจวซื่อนั่งอยู่ มิเช่นนั้น ได้ยินตัวเลขนี้ เกรงว่าคงตกใจสะดุ้งจนกระโดดขึ้นเลยทีเดียว
โจวซื่อหันมองเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวสีหน้าเรียบสงบ เรียบสงบเป็นอย่างมาก ราวกับว่าไม่ตกใจกับตัวเลขเงินสี่อีแปะแม้แต่น้อย
“ถั่วสีเขียวๆ ที่ชื้นๆ นั่น ขายได้สี่อีแปะหรือ? ” โจวซื่อเอ่ยถามอีกครั้ง
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “เจ้าค่ะ ถั่วที่เก็บเกี่ยวมาจากแปลง เด็ดลงมาจากต้นถั่ว ขายทั้งฝักได้จินละสี่อีแปะเจ้าค่ะ”
คราวนี้บอกกล่าวอย่างละเอียดพอแล้วกระมัง ขายโดยรวมฝักถั่วด้วย
คิดน้ำหนักของฝักถั่วด้วย
คราวนี้โจวซื่อฟังชัดเจนแล้ว คิดน้ำหนักฝักถั่วด้วย
ปกตินางขายถั่วเหลือง ต้องแกะออกมาจากฝักถั่ว นอกจากนั้นยังต้องตากแห้ง ปกติขายได้จินละสามอีแปะ อย่างดีที่สุดได้จินละห้าอีแปะ นางคิดมาตลอดว่าราคานี้ไม่เลว แต่พอได้ฟังเซี่ยยวี่หลัวกล่าวว่าถั่วฝักสดขายพร้อมฝักถั่วได้จินละสี่อีแปะ นางก็ตกใจอ้าปากค้างจนแทบใส่ไข่ไก่ได้หนึ่งฟอง
“ท่านป้าโจว ข้าอยากมาถามท่าน ว่าท่านยินยอมจะไปช่วยข้าเด็ดถั่วแระหรือไม่เจ้าคะ? บ้านข้าแปลงนาไม่กว้างเท่าไร แต่การเด็ดถั่วก็ต้องใช้เวลา เกรงว่าต้องใช้เวลาทั้งช่วงบ่ายกับอีกหนึ่งคืนถึงจะเด็ดหมด ท่านช่วยข้าเด็ด ข้าให้ค่าแรงท่านยี่สิบอีแปะ ท่านคิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ? ” เซี่ยยวี่หลัวให้เงินยี่สิบอีแปะ ถือว่ามากแล้ว
ทว่า คิดจะหาคนมาช่วยทำงาน ก็อย่าได้สนใจเรื่องจะให้เงินเพิ่มหนึ่งหรือสองอีแปะ ยิ่งไปกว่านั้น โจวซื่อเป็นคนขยันทำงานไม่เกียจคร้าน นางเชื่อว่า ให้เงินเพิ่มขึ้น ความกระตือรือร้นในการทำงานของโจวซื่อก็จะเพิ่มขึ้น
และแล้ว โจวซื่อตกปากรับคำโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “ได้ได้ได้ ข้าไป ข้าไป! ”
เซียวซานที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้น จึงกล่าว “ข้าก็ไปด้วย”
ทุกคนหันมองไปทางเขา เซียวซานรีบอธิบาย “ข้าไปช่วยพร้อมกับท่านแม่ ไม่คิดเงินขอรับ”
เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะพรืด “ได้ เช่นนั้นเย็นนี้ก็กินข้าวที่บ้านข้า”
เลี้ยงข้าวทั้งสองคน ทั้งยังให้เงินยี่สิบอีแปะ เพียงแค่นั่งเด็ดถั่วอยู่ในบ้าน ถือเป็นเรื่องดีที่หาได้ยากดั่งส้มหล่นก็มิปาน
โจวซื่อรีบบอกว่านางกินข้าวเสร็จก็จะไปทันที เซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคนกลับก่อน
พอถึงบ้าน ประตูใหญ่ปิดสนิทและใส่กุญแจไว้ ยังดีที่เซี่ยยวี่หลัวติดนิสัยพกกุญแจไปด้วย แต่ประตูนี่นางไม่ได้เป็นคนใส่กุญแจนี่นา
นางหันมองเซียวจื่อเซวียน
ก่อนจะไป เซียวจื่อเซวียนเคยถามนางว่าพกกุญแจไว้ด้วยหรือไม่
เซี่ยยวี่หลัวหันมองเซียวจื่อเซวียน เซียวจื่อเซวียนรีบกล่าว “ก่อนไปพี่ใหญ่ให้ข้าลองถามว่าท่านพกกุญแจไว้หรือไม่ บอกว่าหากท่านไม่ได้พกกุญแจ ก็ให้ท่านพกไปด้วยขอรับ”
เซียวยวี่เป็นคนถามหรือ?
เซี่ยยวี่หลัวรีบเปิดประตู ในห้องเก็บของที่เก็บอุปกรณ์การเกษตรไว้ ไม้หาบ ตะกร้าใบใหญ่ และเคียวหายไป
แค่ลองคิดเซี่ยยวี่หลัวก็เข้าใจทันที เกรงว่าเซียวยวี่คงไปเก็บเกี่ยวถั่วในแปลงแล้ว
ไม่รู้ว่าเขานำน้ำไปด้วยหรือไม่?
อากาศร้อนขนาดนี้ หากไม่ดื่มน้ำอาจเป็นลมแดดเอาได้
เซี่ยยวี่หลัวคิดถึงถุงน้ำ ก็ตบศีรษะตัวเองเบาๆ ถุงน้ำหนังวัวที่ครั้งก่อนนางซื้อให้เซียวยวี่ยังไม่ได้มอบให้เขาเลย นอกจากนั้น ถุงน้ำของเซียวยวี่ก็ยังอยู่ที่นาง ไม่ได้ให้เขาเช่นกัน
ถุงน้ำล้วนอยู่ที่นาง แล้วเขาจะเอาอะไรไปใส่น้ำ?
เซี่ยยวี่หลัวรีบไปหยิบถุงน้ำหนังวัว หลังจากล้างจนสะอาดจึงเทน้ำอุ่นลงไป ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง บอกกล่าวกับเด็กสองคน กำลังจะออกประตูไปหาเซียวยวี่ในแปลงนา
ใครจะรู้ว่าเพิ่งก้าวเท้าออกจากประตูใหญ่ ก็เห็นเซียวยวี่กลับมาแต่ไกล แบกไม้หาบ เดินด้วยท่าทางโซเซเล็กน้อย เขาไม่เคยทำงานเกษตรมาก่อน เพียงแค่หาบไม้หาบยังส่ายไปมา
เซี่ยยวี่หลัวพุ่งพรวดไปหา เซียวยวี่เห็นนางถือถุงน้ำถุงหนึ่งไว้ในมือ ใบหน้าถูกแสงแดดสาดส่อง แม้แต่ตอนไปสวนหลังบ้านนางยังสวมใส่หมวก แต่คราวนี้กลับวิ่งออกมาโดยไม่ได้ใส่อะไร ภายในใจเซียวยวี่ทั้งรู้สึกเห็นใจและรู้สึกผิด
รีบกล่าว “ทำไมถึงออกมา? อากาศร้อน รีบกลับไป”
ในตะกร้าใบใหญ่มีถั่วแระอยู่กว่าครึ่งตะกร้า คาดว่าเพราะเซียวยวี่รู้ว่าพวกเขาจะเด็ดถั่วแระ จึงเก็บกลับมาหนึ่งตะกร้าก่อน
“ทำไมไปในแปลงถึงไม่บอกกล่าวสักคำ? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามเป็นเชิงตำหนิ นางจะได้เตรียมข้าวของให้เขาบ้าง
พอได้ยินเสียงตำหนิที่แสร้งทำทีเป็นโมโห ภายในใจเซียวยวี่รู้สึกดีใจอย่างอธิบายไม่ถูก หยาดเหงื่อบนใบหน้าเม็ดใหญ่เท่ากับถั่วในตะกร้า ไหลลู่ลงมาทีละหยด “จะได้ทำเสร็จเร็วหน่อย”
การค้าครั้งนี้เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนหาโอกาสมาให้ เขาไปทำงานในแปลงเล็กน้อยจะเป็นอะไรไป? เขาทำการค้าไม่เป็น เช่นนั้นก็เรียนรู้งานเกษตรแล้วกัน
อย่างไรเสียนับแต่นี้ไปก็ต้องทำอยู่ดี!
คงอ่านตำราไปชั่วชีวิตไม่ได้