ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 318 ดูแลอย่างรอบคอบทั่วถึง
ไม่ง่ายเลยกว่าจะละสายตาจากใบหน้าเซี่ยยวี่หลัวมามองหลังมือตัวเอง ผ้าเช็ดหน้าสีขาวผ่องดุจหิมะพันบาดแผลไว้ บนนั้นมีดอกกุหลาบเลื้อยสีแดงสดหนึ่งดอก บานสะพรั่งดูสะดุดตา
หญิงงามดุจบุปผา แต่เซียวยวี่กลับรู้สึกว่า ดอกกุหลาบเลื้อยที่เบ่งบานอย่างงดงาม กลับไม่อาจเทียบกับหนึ่งในหมื่นของเซี่ยยวี่หลัวได้เลย
ในที่สุดยาก็เย็นลง เซียวยวี่พยุงเซี่ยยวี่หลัวให้ลุกขึ้น ให้นางพิงอยู่บนกายตัวเอง เซียวยวี่ป้อนยาช้อนแล้วช้อนเล่า ยาไหลออกจากมุมปากเล็กน้อย เซียวยวี่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดให้อย่างระมัดระวัง
แม้จะป้อนหมดแล้ว เซียวยวี่ก็ยังคงกอดเซี่ยยวี่หลัวไว้ ตบแผ่นหลังของนางเบาๆ ตบอยู่หลายสิบทีราวกับกำลังกล่อมเด็กคนหนึ่งก็มิปาน ก่อนจะค่อยๆ วางเซี่ยยวี่หลัวลง แล้วจึงห่มผ้านวมให้นาง
ใกล้ถึงช่วงเที่ยงแล้ว
เซียวยวี่ไม่อาจทำใจทิ้งให้เซี่ยยวี่หลัวอยู่ตามลำพัง กำชับเด็กสองคนให้ทำอาหารกินเอง เด็กสองคนสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว จึงไปยังห้องครัว
นั่งอีกครู่หนึ่ง เซียวยวี่ก็ไปยังห้องครัว ใช่ว่าจะกลัวเด็กสองคนทำอาหารไม่เป็น แต่เขาไปต้มโจ๊ก รอเซี่ยยวี่หลัวตื่นมาจะได้กิน
เซียวจื่อเมิ่งกำลังใส่ฟืน เซียวจื่อเซวียนกำลังต้มบะหมี่ เมื่อเห็นพี่ใหญ่เข้ามา เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ ท่านกินบะหมี่ได้หรือไม่ขอรับ? ”
“พวกเจ้ากินเถอะ ข้าไม่กิน” เซียวยวี่ตักข้าวใส่หม้อ หั่นเนื้อหมูเสร็จ จึงกำชับให้เซียวจื่อเซวียนใส่ฟืน จากนั้นจึงออกจากห้องครัว
เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวนอนอยู่บนเตียง เขาไม่มีแก่ใจจะกิน
เซียวจื่อเซวียนแอบต้มบะหมี่เพิ่มเล็กน้อย
เซียวยวี่กลับห้องไป เช็ดตัวให้เซี่ยยวี่หลัวต่อ เช็ดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ประกายอ่อนโยนและระมัดระวังในแววตาของเขา เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ
เซียวจื่อเซวียนยกบะหมี่เข้ามา วางไว้บนโต๊ะข้างๆ “พี่ใหญ่ บะหมี่ต้มเสร็จแล้ว ท่านกินบ้างเถอะขอรับ”
เซียวยวี่ส่ายหน้า “ไม่ต้อง พวกเจ้ากินเองเถอะ” เขาจะกินลงได้อย่างไร
เซียวจื่อเซวียนกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่มักจะบอกพวกเราเสมอ ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องกินข้าวให้อิ่ม กินอิ่มแล้วถึงจะมีกำลังรับมือกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น”
เซียวยวี่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “วาจานี่ พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าเป็นคนกล่าวหรือ? ”
“ขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอุปสรรคอะไรที่ผ่านไปไม่ได้ ทุกสิ่งย่อมต้องผ่านพ้นไป ที่สำคัญคือต้องดูแลตัวเองให้ดี จากนั้นพวกเราเพียงรอคอยยามที่ดอกไม้ผลิบานขอรับ”
รอคอยยามที่ดอกไม้ผลิบาน...
ริมฝีปากของเซียวยวี่ที่เม้มไว้แน่นพลันตวัดขึ้น เขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่นอนอยู่บนเตียง เหมือนกำลังบอกกับเซี่ยยวี่หลัว แต่ก็เหมือนกำลังกำชับตัวเอง “ข้าจะรักษาตัวให้ดี รอคอยให้เจ้าตื่นขึ้นมา”
กล่าวจบ จึงยกบะหมี่ที่เซียวจื่อเซวียนต้มขึ้นมา กินจนหมดเกลี้ยง
หลังจากกินยา เซี่ยยวี่หลัวได้ขับเหงื่อ เมื่อถึงช่วงพลบค่ำจึงตื่นขึ้นมา บนกายเต็มไปด้วยเหงื่อเหนียวเหนอะหนะ ราวกับเพิ่งอาบน้ำในแม่น้ำมาอย่างไรอย่างนั้น
เหนียวเหนอะหนะไปหมด อึดอัดจนแทบทนไม่ไหว
นางลืมตาที่พร่ามัวขึ้น ในที่สุดก็เห็นเซียวยวี่ที่นั่งอยู่ข้างเตียง เขากำลังก้มหน้า เช็ดเหงื่อตรงแขนและลำคอของนางอย่างระมัดระวัง
“เซียวยวี่…” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยเรียก ถึงแม้เสียงจะแผ่วเบา แต่สำหรับเซียวยวี่ที่เพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับนาง กลับรู้สึกราวกับได้ยินเสียงสวรรค์ก็มิปาน
เซียวยวี่ตื่นเต้นจนพูดแทบไม่เป็นคำ “เจ้า… เอ่อ ตื่นแล้ว? หิวหรือไม่ จะกินข้าวก่อนหรือไม่? บนกายเจ้าเต็มไปด้วยเหงื่อ จะอาบน้ำก่อนหรือไม่? ”
“ฮะ…” เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะเสียงเบา ถึงแม้จะล้มป่วยก็ไม่ลืมที่จะหยอกเย้า “เช่นนั้นเจ้าอยากให้ข้าทำอะไรก่อน? ”
ให้อาบน้ำก่อนหรือกินข้าวก่อน?
เซียวยวี่จ้องมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร “เจ้าอยากอาบน้ำก่อนหรือกินข้าวก่อน ข้าล้วนตามใจเจ้า! ”
น้ำร้อนก็มี โจ๊กที่ต้มเสร็จแล้วก็มี
เสื้อผ้าแทบจะแนบติดบนกาย เปียกชุ่มจนรู้สึกอึดอัดนัก เซี่ยยวี่หลัวขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกอึดอัดยิ่งกว่าเดิม “ข้าอยากอาบน้ำก่อน”
“ได้ เจ้านอนก่อน ข้าจะไปยกน้ำมา ครู่เดียวก็เสร็จ” เซียวยวี่รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก แม้แต่ฝีก้าวยังดูเบาหวิว
ออกจากประตู เด็กสองคนได้ยินเสียง จึงรีบมาทางนี้ “พี่ใหญ่…”
“พี่สะใภ้ใหญ่ตื่นแล้ว จื่อเซวียน เจ้าไปตักโจ๊กให้พี่สะใภ้ใหญ่ครึ่งชาม วางให้เย็นก่อน ตอนจะกินค่อยเติมโจ๊กร้อนอีกครึ่งชาม” เซียวยวี่คิดอย่างละเอียดรอบคอบ
เซี่ยยวี่หลัวนอนอยู่ด้านใน ได้ยินเสียงจากด้านนอก ก็แย้มรอยยิ้มทันที ราวกับได้กินน้ำผึ้งก็มิปาน
ไม่นานน้ำก็ถูกยกเข้ามา น้ำร้อนหนึ่งถัง น้ำเย็นสองถัง เซียวยวี่ลองดูอุณหภูมิน้ำ กำลังพอเหมาะ เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวยืนกรานจะเดินไปอาบเอง ที่ไหนได้ เซียวยวี่ออกมาแล้วก็อุ้มนางโดยช้อนใต้วงแขนและใต้เข่าทันที เซี่ยยวี่หลัวตัวโยกทีหนึ่ง ตกใจจนรีบใช้มือคู่โอบคอเซียวยวี่ไว้แน่น
อุ้มเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในห้องเล็ก คราวนี้ค่อนข้างยากแล้ว
อุ้มคนเข้ามานั้นไม่มีปัญหา แต่จะอาบอย่างไรเล่า?
ด้วยสภาพของเซี่ยยวี่หลัวตอนนี้ที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เกรงว่าแค่ถอดเสื้อยังไม่อาจถอดได้ นางอาบคนเดียวจะไหวหรือ?
“เจ้าอาบคนเดียวได้หรือไม่? ” เซียวยวี่เอ่ยถามด้วยความเห็นใจ
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้าด้วยท่าทางอ่อนเพลีย “ข้าอาบไหว”
เซียวยวี่กัดริมฝีปาก เพิ่งชักมือกลับหลังจากปล่อยนางออก ตัวเซี่ยยวี่หลัวก็เซไปมา เซียวยวี่ตกใจจนรีบอุ้มนางไว้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้ เจ้าเป็นเช่นนี้อาบไม่ได้”
เซี่ยยวี่หลัว “…ข้า ข้าอยากอาบน้ำ”
นางเกรงว่าเซียวยวี่จะไม่ยินยอมให้นางอาบ หากไม่อาบอีกนางจะรู้สึกรังเกียจตัวเองอยู่แล้ว
บนตัวจะเหม็นเน่าแล้ว
“อาบ ต้องอาบแน่” เซียวยวี่ใช้มือหนึ่งโอบเซี่ยยวี่หลัวไว้ พร้อมครุ่นคิดวิธีอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้เซียวจื่อเซวียนจะอายุน้อย แต่ก็เป็นบุรุษ ให้เขามาไม่ได้แน่ เซียวจื่อเมิ่งยังเป็นเด็กผู้หญิงอายุหกขวบ นางยังอาบเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำ จะช่วยอาบให้ผู้อื่นได้อย่างไร
ถึงเวลาอาจล้มทั้งคู่ก็เป็นได้
คิดไปคิดมา ภายในบ้านก็มีเพียงเขา…
เซียวยวี่เอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัว “เจ้าเชื่อข้าหรือไม่? ”
“อะไรนะ? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ นางเห็นเซียวยวี่หลับตาทั้งคู่
“ข้าจะไม่มองอะไรทั้งนั้น ข้าช่วยถอดเสื้อให้เจ้าก่อน” เซียวยวี่ปิดตาพลางอธิบาย
เซี่ยยวี่หลัวจะไม่เชื่อได้อย่างไร
ถึงแม้ท่านราชบัณฑิตน้อยจะโหดเหี้ยมอำมหิต แต่กลับเป็นคนที่มีสัจจะยึดมั่นในวาจายิ่ง เขาบอกว่าจะไม่มอง ย่อมไม่มอง
“ข้าเชื่อเจ้า” เซี่ยยวี่หลัวไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย พูดโพล่งออกมาโดยไม่คิดก่อนด้วยซ้ำ
เซียวยวี่เพียงกล่าวว่าได้
มือข้างหนึ่งโอบเซี่ยยวี่หลัวไว้ มืออีกข้างหนึ่ง คลำไปยังช่วงเอวของเซี่ยยวี่หลัว
ถึงแม้เซี่ยยวี่หลัวจะอ่อนเพลีย แต่ยังมีสติแจ่มชัด นางสัมผัสได้ว่าหลังจากมือนั่นคลำเจอผ้าคาดเอวก็ดึงออกทันที จากนั้นใช้เพียงปลายเล็บถอดเสื้อนางออก แม้แต่มือซ้ายที่โอบเซี่ยยวี่หลัวไว้ ก็โอบผ่านเสื้อหนึ่งชั้นตลอดเวลา
จวบจนเซี่ยยวี่หลัวก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำ นั่งอย่างมั่นคงแล้ว เซียวยวี่จึงดึงเสื้อออก เขายังคงปิดตาสนิท หันหลังไป กล่าวเพียงประโยคหนึ่งก็พุ่งพรวดออกไปทันที
“เจ้าอาบเสร็จแล้วเรียกข้า”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้ลืมตาแม้แต่ครั้งเดียว