ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 320 คาถาที่รั้งเขาไว้ คือเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ตรงหน้า
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 11 บทที่ 320 คาถาที่รั้งเขาไว้ คือเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ตรงหน้า
เซียวจื่อเมิ่งเห็นว่าพี่สะใภ้ใหญ่มีพี่ใหญ่คอยดูแลแล้ว จึงวิ่งออกไปปลอบใจพี่รอง
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก นั่งเท้าคางอยู่หลังเตาไฟ ครุ่นคิดอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจ
เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา เหตุใดวันนี้พี่ใหญ่ถึงดุกับเขานัก?
เซียวจื่อเมิ่งไม่เข้าใจยิ่งกว่า “พี่รอง วันนี้พี่ใหญ่เป็นอะไรไปเจ้าคะ? ” พี่รองทำได้ดีมากนี่นา ไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย ทำไมพี่ใหญ่ถึงว่ากล่าวพี่รองตลอดเล่า?
เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า “หากข้ารู้ ข้าก็คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้”
“เฮ้อ…” เด็กสองคนทอดถอนใจพร้อมกัน
พี่ใหญ่คงเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ล้มป่วย ทั้งเป็นห่วงทั้งวิตกกังวลเป็นแน่
โจ๊กใส่หมูหนึ่งชาม เซียวยวี่ป้อนช้อนแล้วช้อนเล่า ไม่นานก็หมดชาม
เซี่ยยวี่หลัวกินจนท้องกลมโต ลูบท้องที่กลมโต สุดท้ายเซี่ยยวี่หลัวก็ปริปากถาม “จื่อเซวียนทำอะไรผิดเช่นนั้นหรือ? หากเขาทำอะไรผิด เจ้าสามารถพูดคุยกับเขาให้เข้าใจ อย่าดุเขา”
เด็กเล็กอาจคิดฟุ้งซ่านได้
เซียวยวี่วางชามไว้ข้างๆ ก้มหน้าห่มผ้านวมให้เซี่ยยวี่หลัว เขาไม่กล้าเงยหน้า และไม่กล้ามองเซี่ยยวี่หลัว ในห้วงความคิดเต็มไปด้วยภาพไหล่มนเรียบเนียนและกระดูกไหปลาร้าที่น่าหลงใหล ประหนึ่งคาถารัดเกล้าที่ถังเซิงสวดให้ซุนวู่คง และคาถาที่รั้งเขาไว้ ก็คือเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ตรงหน้า
“ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรเจ้ายังจะทำเช่นนี้กับเขาอีก? ข้าเห็นสีหน้าของจื่อเซวียนเปลี่ยนไปเลย” เซี่ยยวี่หลัวใจเย็นกับเด็กเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่อาจทนเห็นเซียวยวี่กระทำการหยาบกระด้างกับเด็กเช่นนี้
เซียวยวี่ส่งเสียงเย็นทีหนึ่ง กัดฟันกรอด “ตัวเขาเองไม่มีภรรยาหรืออย่างไร? ”
ตอนนี้ยังไม่มี ในอนาคตย่อมต้องมี ทำไมต้องเอาใจใส่ภรรยาของข้าถึงเพียงนี้ด้วย!
แค่คิดก็รู้สึกน่าหงุดหงิดแล้ว!
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกราวกับสมองของนางตื้อเพราะพิษไข้ หรือไม่ก็ถูกงูทำให้ตกใจจนสติเลอะเลือน ได้ยินไม่ชัด “เจ้าว่าอะไรนะ? ”
เซียวยวี่ตบมือของเซี่ยยวี่หลัวเบาๆ ฝ่ามือร้อนรุ่มจนเซี่ยยวี่หลัวแทบถูกลวก
“เจ้าพักผ่อนดีๆ ข้าจะไปต้มยาให้เจ้า กลางคืนดื่มอีกหนึ่งชุด พรุ่งนี้เช้าตื่นมาก็จะหาย” เซียวยวี่ลุกขึ้น เดินออกไป
เซี่ยยวี่หลัวลูบมือของตัวเองที่แทบถูกลวกเมื่อครู่
เมื่อครู่นี้เซียวยวี่ทั้งอ่อนโยนและเอาใจใส่อย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน อ่อนโยนประหนึ่งปุยเมฆ ทั้งที่มองเห็นอย่างชัดเจน แต่กลับรู้สึกว่าคว้าจับอย่างไรก็ไม่อาจคว้าไว้ได้
ความอ่อนโยนนั่น ทำให้เซี่ยยวี่หลัวที่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักระหว่างชายหญิงรู้สึกปรารถนา แต่ก็ทำให้นางไม่กล้าคิดเกินเลย
นางรู้ถึงจุดจบของตัวเองในนิยาย ทั้งยังรู้จุดจบของเซียวยวี่
ในอนาคตอีกไม่ไกลต่อจากนี้ เซียวยวี่ก็จะพบกับคนที่ชะตากำหนดไว้
ต้องตาเมื่อแรกพบ ต้องใจเมื่อได้พบอีกครั้ง แต่งงานครองคู่ รักใคร่กลมเกลียว อยู่คู่กันชั่วชีวิต จวบจนแก่เฒ่าก็ไม่แยกจาก
ส่วนนางนั้น ได้แต่พยายามอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนแปลงจุดจบของเจ้าของร่างเดิมที่ต้องตายอย่างน่าเวทนา
นางเชื่อว่านางสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมอันน่าอนาถของตัวเองได้ ทว่า นางไม่อาจเปลี่ยนแปลงเซียวยวี่ ทั้งยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของนางเอกในนิยายด้วย
การพบพานของพระเอกและนางเอก เป็นสิ่งที่ต้องเกิด
และการจากไปของนาง ก็ต้องเกิดขึ้นเช่นกัน
ยังไม่เคยเห็นตัวประกอบหญิงที่ไร้ชื่อคนใดได้กุมมือเดินไปกับพระเอกชั่วชีวิต เช่นนั้นยังจะเรียกตัวประกอบได้อย่างไร ถือเป็นบทนางเอกชัดๆ !
ไม่มีชะตาจะได้เป็นนางเอก กลับคิดฝันจะได้พระเอกมาครอง เซี่ยยวี่หลัว เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวเอนตัวลงนอน จ้องมองมือที่เมื่อครู่ถูกเซียวยวี่จับครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่อาจสงบใจเป็นเวลานาน
เซียวยวี่เข้าไปในห้องครัว เด็กสองคนยังนั่งอยู่ในห้องครัวด้วยท่าทางห่อเหี่ยว
เห็นเซียวยวี่เข้ามา เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนรีบลุกขึ้นยืน น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “พี่ใหญ่…”
เซียวยวี่หวนคิดถึงวาจาของเซี่ยยวี่หลัวเมื่อครู่นี้ นางบอกว่าต้องปฏิบัติต่อเด็กดีๆ
เขาพยายามฝืนแย้มรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้านอนแล้ว พวกเจ้าก็เหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ”
เซียวจื่อเซวียน “…”
เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ใหญ่ถึงดุกับเขาขนาดนั้น!
ทว่า จวบจนหลายปีให้หลัง เซียวจื่อเซวียนก็มีความรัก มีคนที่ถูกตาต้องใจ พอเห็นบุรุษอื่นยักคิ้วหลิ่วตาให้คนที่เขามีใจให้ จู่ๆ เขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดพี่ใหญ่ถึงทำสีหน้าเย็นชาใส่เขาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ
ตอนค่ำเซี่ยยวี่หลัวดื่มยาอีกครั้ง จากนั้นจึงนอนต่อถึงวันที่สอง
ตอนนางตื่น ด้านนอกยังมืดสนิทอยู่ ภายในห้องเงียบมาก เซี่ยยวี่หลัวจับดูข้างๆ ไม่มีคน ดูท่าเมื่อคืนจื่อเมิ่งไม่ได้นอนที่นี่
ในเมื่อไม่ได้นอนที่นี่ เช่นนั้นเซี่ยยวี่หลัวก็ไม่กลัวว่าจะรบกวนผู้อื่น ลุกขึ้นทันที นางอยากถ่ายเบาพอดี
เซี่ยยวี่หลัวลุกขึ้น หาวทีหนึ่ง สวมรองเท้าเสร็จ เพิ่งเดินขึ้นหน้าเพียงหนึ่งก้าว เหมือนจะเตะโดนอะไร ตัวเซี่ยยวี่หลัวสะดุดไปด้านหน้า ฝีก้าวไม่มั่นคง กำลังจะล้มลงไป
เซียวยวี่ถูกเตะจนตื่น
เมื่อคืนเขาเพิ่งนอนหลังเที่ยงคืน
หลังจากกินยา เซี่ยยวี่หลัวก็หลับสนิท เซียวยวี่ยังรู้สึกไม่วางใจ จึงเฝ้าอยู่ข้างๆ ตลอด เฝ้าถึงช่วงหลังเที่ยงคืนจนเฝ้าต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงนำเครื่องนอนมาปูนอนบนพื้น
เช่นนี้จะสะดวกเวลาเซี่ยยวี่หลัวเป็นอะไร เขาจะรู้ได้ทันที
มีอะไรบางอย่างเตะใส่เขา เซียวยวี่หลับไม่ลึก จึงสะดุ้งตื่นทันที ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจของเซี่ยยวี่หลัว รวมถึงเงาร่างหนึ่งที่กำลังล้มลงมา
เซียวยวี่รีบลุกขึ้นนั่ง อุ้มเซี่ยยวี่หลัวที่ล้มลงมาไว้ แต่เซี่ยยวี่หลัวพุ่งลงมาแรงเกินไป เซียวยวี่เองก็พลอยถูกทับจนล้มลงไปด้วย
ยังดีที่ท้ายทอยด้านหลังล้มใส่หมอนอ่อนนุ่ม เพียงแค่รู้สึกเจ็บเล็กน้อย เซียวยวี่ไม่มีแก่ใจจะสนใจความเจ็บ กอดเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น โอบนางไว้ในอ้อมกอด ด้วยเกรงว่านางจะได้รับความกระทบกระเทือน แม้แต่ตอนล้มลงบนพื้น เซียวยวี่ก็จะเป็นเบาะรองให้นาง
ไม่ให้นางบาดเจ็บ ไม่ให้นางกระแทกกับอะไร
ตอนเซี่ยยวี่หลัวล้มลงไป รู้ตัวว่าคราวนี้หากไม่ล้มหัวกระแทกจนสมองได้รับความกระทบกระเทือนก็คงล้มจนหน้าคะมำ จวบจนตรงเอวมีมือหนึ่งโอบกอดนางไว้แน่น ทั้งสองคนล้มลงไป จวบจนฟันของเซี่ยยวี่หลัวกัดใส่อะไรบางอย่างที่แข็งทื่อ
“ซี้ด…” คนที่อยู่ด้านล่างส่งเสียงเจ็บ เสียงฟังดูคุ้นหูเสียยิ่งกว่าอะไร
ฟ้ายังมืดอยู่ ก่อนหน้านี้มองเห็นไม่ชัด ตอนนี้คุ้นชินกับความมืดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวเบิกตากว้าง ดวงตากลมโตมองเห็นคนที่เป็นเบาะรองให้นางอย่างชัดเจน
ไม่ใช่เซียวยวี่ยังจะเป็นใครได้อีก
ส่วนของแข็งที่อยู่ตรงริมฝีปากนาง คือจมูกโด่งของท่านราชบัณฑิตน้อยนั่นเอง
นางกัดจมูกของท่านราชบัณฑิตน้อยเสียแล้ว
เสียงเจ็บ “ซี้ด” เมื่อครู่นี้ เป็นเสียงร้องโอดโอยของท่านราชบัณฑิตน้อย
เซี่ยยวี่หลัวรีบอ้าปาก ปล่อยจมูกของท่านราชบัณฑิตน้อย ฟ้ามืดจึงมองไม่เห็น ไม่รู้ว่ากัดจนมีสภาพอย่างไร เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกกระวนกระวาย “ขอโทษ ขอโทษ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? ”
เซียวยวี่เพิ่งส่งเสียงร้องเสร็จ ก็เอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัวทันที “เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่”
ทั้งสองคนกล่าวพร้อมกัน ภายในใจเป็นห่วงแต่ความปลอดภัยของอีกฝ่าย
“ข้าไม่เป็นอะไร”
“ข้าไม่เป็นอะไร”
ต่างเอ่ยตอบพร้อมกันอีกครั้ง กลับทำให้ทั้งคู่หัวเราะขำขัน
หลังจากทั้งคู่หัวเราะเสร็จ บรรยากาศรอบข้างก็ดูน่ากระอักกระอ่วน
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งพบว่า นางยังทับอยู่บนตัวเซียวยวี่ อยู่ใกล้เซียวยวี่มากเป็นพิเศษ ใกล้จนทั้งสองคนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นร้อนได้อย่างชัดเจน
ท่าที่สตรีอยู่บน บุรุษอยู่ล่าง…
ช่างน่ากระอักกระอ่วนใจนัก
เซี่ยยวี่หลัวรีบถอยลุกไปด้านหลัง ใครจะรู้ว่ามือของเซียวยวี่ยังโอบเอวนางไว้ เซี่ยยวี่หลัวออกแรง กลับไม่สามารถดิ้นหลุด การออกแรงลุกอย่างรวดเร็วทำให้นางล้มกลับมาด้านหน้าอีกครั้ง ปากที่อ้าอยู่เล็กน้อยกัดใส่จมูกเซียวยวี่อีกหน
“ซี้ด…” เสียงร้องดังขึ้นอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอับอายเสียยิ่งกว่าอะไร กัดใส่จมูกของเซียวยวี่สองครั้งติดกัน…
“ข้าคงจะ… รู้สึกหิวเล็กน้อย! ” เซี่ยยวี่หลัวรีบอธิบาย เพิ่งสิ้นเสียง เซียวยวี่ก็มองนางด้วยท่าทางนิ่งอึ้ง เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งตระหนักว่าตัวเองเอ่ยวาจาที่ฟังดูโง่เขลาเพียงใดออกมา
รู้สึกหิวเล็กน้อยจึงกินจมูกเซียวยวี่หรือ?
เช่นนั้นถ้ารู้สึกหิวมากเป็นพิเศษเล่า?
ไม่ว่าในภายหลังเซี่ยยวี่หลัวจะอธิบายเช่นไร เซียวยวี่ก็คิดว่าเซี่ยยวี่หลัวหิวแล้ว เขารีบไปห้องครัว ต้มบะหมี่ใส่หมูมาหนึ่งชาม
เซี่ยยวี่หลัวมองดูบะหมี่ใส่เนื้อหมูที่มีไอร้อนลอยขึ้น ก่อนมองเซียวยวี่ที่นั่งโดยเว้นระยะกับนางค่อนข้างห่าง ทั้งยังใช้ผ้านวมห่อตัวเอาไว้ เซี่ยยวี่หลัวได้แต่ส่ายหน้าพลางทอดถอนใจด้วยความจนใจ ก้มหน้ากินบะหมี่
จบกัน เซียวยวี่ต้องนึกว่านางปรารถนาในร่างกายของเขาเป็นแน่