ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 12 บทที่ 344 ความยากจน คือคันฉ่องส่องมารของความรัก
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 12 บทที่ 344 ความยากจน คือคันฉ่องส่องมารของความรัก
“ไม่มีทาง ไม่มีทาง พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าไม่มีทางไป นางเคยบอก ไม่ว่าพี่ใหญ่จะสอบผ่านหรือไม่ นางก็จะไม่ไป! ” เซียวจื่อเซวียนปกป้องพี่สะใภ้ใหญ่ของตัวเองอย่างเต็มกำลัง ก่อนหันไปตะคอกใส่เซียวหมิงจู “พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น”
เซียวจื่อเมิ่งก็วิ่งเข้าไป ผ่านไปครู่หนึ่งจึงนำรองเท้าใหม่คู่หนึ่งออกมา กล่าวเสียงสะอื้น “พี่ใหญ่ นี่คือรองเท้าที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำให้ท่าน บอกว่าจะมอบให้ท่านในวันนี้เจ้าค่ะ! ”
นางรอพี่สะใภ้ใหญ่มอบให้พี่ใหญ่มาตลอด แต่ตอนนี้ เซียวจื่อเมิ่งนำรองเท้าออกมา ยื่นไปตรงหน้าเซียวยวี่ราวกับกำลังถือสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น
พื้นรองเท้าสีดำ ด้านบนปักลายใบไผ่สีเขียวมรกตสองใบ
นั่นเป็นงานปักของเซี่ยยวี่หลัว เซียวยวี่เคยลูบคลำเสื้อที่เซี่ยยวี่หลัวมอบให้เขาอยู่หลายครา ใบไผ่บนนั้นเหมือนกับใบไผ่บนรองเท้า ดูประหนึ่งของจริง ราวกับร่วงหล่นจากต้นไผ่ แล้วร่วงลงบนเท้าของเขาโดยบังเอิญ
เซียวจิ้งยี่รีบกล่าว “เจ้าดูสิ ยวี่หลัวเตรียมของขวัญให้เจ้าด้วย นางจะไปได้อย่างไร! ไม่มีทาง ไม่มีทาง! ”
เซียวยวี่ถือรองเท้าไว้ มือทั้งคู่กำลังสั่นเทิ้ม
เซียวหมิงจูที่อยู่ข้างๆ กล่าว “คิดจะมอบรองเท้าให้ในวันนี้ ความหมายแฝงก็คือ ให้พี่อายวี่ไปไกลๆ ไม่ใช่หรือ? ”
เซียวจิ้งยี่โมโหจนแทบทนไม่ไหว “นี่เจ้า…”
เซียวหมิงจูแย้มรอยยิ้มอย่างได้ใจ ไม่สนใจเซียวจิ้งยี่
เมื่อครู่นางยังไม่ได้กล่าววาจาน่าเกลียดเกินไป เดิมทีนางคิดจะบอกว่า เซี่ยยวี่หลัวต้องการให้เซียวยวี่ไสหัวไปให้ไกล!
เซียวยวี่ถือรองเท้าไว้ ตัวเขาสงบลงในชั่วพริบตา
เซียวยวี่รู้ว่าตัวเองใช้เวลาอยู่กับเซี่ยยวี่หลัวไม่นานนัก
แต่ยามเขามองคน เขาไม่ได้มองแค่เปลือกนอก
ก่อนหน้านี้เขาไม่ยินยอมจะเสวนากับเซี่ยยวี่หลัวมากนัก เพราะจากใบหน้าและการเอื้อนเอ่ยวาจา ก็สามารถดูออกว่านางเป็นคนถ่อยที่ยโสโอหัง หยิ่งผยองและลุ่มหลงในอำนาจเงินทอง เซียวยวี่ไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อนางแม้แต่น้อย
ทว่า หลังจากกลับมา เซียวยวี่ได้เห็นเซี่ยยวี่หลัวคนใหม่ เซี่ยยวี่หลัวที่เขาไม่อาจไม่ชอบและไม่รักได้
หากไม่ใช่เพราะทั้งสองคนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน บางครั้งเซียวยวี่ยังคิดว่า เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ยังคงเป็นเซี่ยยวี่หลัวคนเดิมหรือไม่? ความยโสโอหังในอดีตไม่มีทางเป็นการแสร้งทำ ความอ่อนโยนดุจสายน้ำในตอนนี้ก็เป็นของจริง!
ทั้งที่เป็นคนเดียวกัน เหตุใดความรู้สึกที่เขามีต่อสองคนนี้ถึงต่างกันราวฟ้ากับดิน?
คนหนึ่งทำให้เขาอยากหลีกหนีให้ห่าง อีกคนทำให้เขาอยากอยู่ใกล้ชิด
ราวกับเป็นสองคนที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
หากเป็นเซี่ยยวี่หลัวในอดีต ต้องหนีไปไกลเพราะเขาสอบไม่ผ่านแน่ แต่เซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้…
เซียวยวี่ไม่เชื่อ
เขาไม่เชื่อว่านางจะไป!
“ข้าไม่เชื่อ อาหลัวไม่มีทางไปแน่! ” เซียวยวี่กล่าวด้วยความมั่นใจและเด็ดขาด
ยามนี้เขาเชื่อมั่นในตัวเซี่ยยวี่หลัวมากกว่าในเวลาอื่นใด
เซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้ คนที่อ่อนโยนและเข้มแข็งถึงเพียงนั้น ไม่มีทางไปเด็ดขาด!
เมื่อเซียวหมิงจูที่แอบรู้สึกดีใจมาตลอดได้ยินว่าเซียวยวี่ยังคงเชื่อมั่นในตัวเซี่ยยวี่หลัว ก็โมโหจนใบหน้าแดงก่ำ “พี่อายวี่ เซี่ยยวี่หลัวไปแล้ว นางไปแล้ว”
เซียวยวี่เงยหน้าขึ้น เพ่งมองห้องที่เซี่ยยวี่หลัวเคยอยู่อาศัย น้ำเสียงหนักแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ข้าไม่เชื่อ ข้าจะออกไปหานาง”
กล่าวจบ ไม่สนใจเสียงเรียกจากคนรอบข้าง เซียวยวี่วิ่งออกไป
เขาไม่เชื่อ!
เมื่อเห็นเซียวยวี่วิ่งออกจากบ้านไป ไม่ว่าเซียวหมิงจูจะตะโกนอยู่ข้างหลังอย่างไรเขาก็ยังคงวิ่งออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“เซียวยวี่ เพื่อสตรีอย่างเซี่ยยวี่หลัวมันคุ้มกันแล้วหรือ? สักวันเจ้าจะได้รู้ ว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่ใช่คนดี นางไม่คู่ควร! ” เซียวหมิงจูโมโหจนแทบคลั่ง แผดเสียงตะโกนดังลั่น
แต่เขาไปไกลแล้ว ไม่มีเสียงตอบกลับแม้แต่ประโยคเดียว
ต่อให้เซียวยวี่ยังไปไม่ไกล เขาก็ไม่มีทางตอบกลับนางแม้แต่คำเดียว
“ความยากจน ก็คือคันฉ่องส่องมารของความรัก เซี่ยยวี่หลัวทนความยากจนไม่ได้ เซียวยวี่ก็สอบไม่ผ่าน อาศัยรูปลักษณ์หน้าตาของนาง คิดจะหาคนเช่นไหนก็ได้ เฮ้อ คราวนี้เซียวยวี่ถือว่า…” เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง
ดูจากท่าทางของเซียวยวี่ น่าจะมีความรักต่อเซี่ยยวี่หลัวแล้วจริงๆ
แต่สตรีผู้นี้ กลับเป็นคนที่มีจิตใจโหดร้าย!
“เจ้าว่า เซียวยวี่จะหาเซี่ยยวี่หลัวพบหรือไม่? ”
“ข้าเดาว่ายาก สตรีผู้นั้น… เฮ้อ ตอนแต่งเข้ามาเป็นเช่นไร ทุกคนใช่ว่าจะไม่รู้ เรื่องที่อาละวาดจนครอบครัวตระกูลเซียววุ่นวายมีน้อยที่ไหนกัน? ”
“แต่ในภายหลัง…”
“เจ้าต้องดูว่าภายหลังจากอะไร ในยามนั้น เซียวยวี่ไปสอบแล้ว บางทีอาจรู้สึกยินดีเต็มประดาคิดว่าเซียวยวี่สอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉ ต่อไปนางจะได้เป็นฮูหยินขุนนาง จึงเก็บซ่อนโฉมหน้าที่แท้จริง จงใจทำตัวดีก็เป็นได้! ”
“ไม่กระมัง ความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงถึงเพียงนี้? ข้าคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้” ท่าทางของเซี่ยยวี่หลัวในช่วงหลัง ไม่เหมือนเป็นการแสร้งทำเลยแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นเราก็รอดูกันต่อ ดูว่าเซียวยวี่จะหาเซี่ยยวี่หลัวพบหรือไม่ ข้ากล้าเดิมพัน ว่าชั่วชีวิตนี้เซียวยวี่คงหาเซี่ยยวี่หลัวไม่พบอีก! ”
กลุ่มคนต่างพากันทอดถอนใจ
ครอบครัวตระกูลเซียว ช่วงหลายปีนี้ช่างไม่ราบรื่นเลยจริงๆ!
เซียวยวี่รู้ว่าเด็กสองคนหาในหมู่บ้านแล้วหนหนึ่ง หาไม่พบ เซียวยวี่จึงไปยังภูเขาด้านหลัง
เด็กสองคนบอกว่า พี่สะใภ้ใหญ่เคยแอบบอกพวกเขา ว่านางจะเตรียมอาหารมื้อใหญ่ตอนเที่ยง
เซียวยวี่เชื่อนางจากใจจริง นางไม่มีทางจากไป ไม่มีทาง!
ยามอาหลัวมองเขา แววตาเต็มไปด้วยความยินดีที่เห็นได้ชัดถึงเพียงนั้น นางจะตัดใจไปจากเขาได้อย่างไร?
เซียวยวี่ไม่เชื่อ
เขาวิ่งขึ้นภูเขาไป เอ่ยเรียกชื่อเซี่ยยวี่หลัวประหนึ่งคนเสียสติ
“อาหลัว อาหลัว…”
ฝนเพิ่งกระหน่ำตกไป อากาศยังคงร้อนอบอ้าว ไอน้ำร้อนระอุที่ลอยขึ้นจากพื้นดินราวกับจะย่างคนจนสุกอย่างไรอย่างนั้น เดิมทีเซียวยวี่ตากฝนจนเปียกโชกไปทั้งตัวอยู่แล้ว ตอนนี้เหงื่อออกท่วมตัวอีก เพราะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา บนใบหน้าจึงปรากฏสีแดงเลือดฝาด
ไม่ย่ำแย่เหมือนเมื่อครู่ ที่สีหน้าขาวซีดไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย
“อาหลัว อาหลัว…”
เซียวยวี่เหยียบไปบนพื้นดินโคลน เดินอย่างยากลำบากพลางตะโกนเรียกเสียงดัง
หลังฝนตก พื้นดินบนภูเขากลายเป็นดินโคลน หากไม่ระวังก็อาจไถลตกหน้าผาได้
เซียวยวี่ไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเองถึงมายังภูเขาด้านหลัง แต่เขาอยากมายังภูเขาด้านหลัง
เขายังจำได้ ครั้งแรกที่เขากับเซี่ยยวี่หลัวออกบ้านด้วยกัน ก็มาบนภูเขาด้านหลัง
พวกเขาไปบนภูเขาฝั่งตรงข้ามเพื่อเก็บดอกจินหยิน เขาเดินนำข้างหน้า นางตามอยู่ข้างหลัง เขาเพ่งสมาธิจดจ่อกับเสียงฝีเท้าข้างหลัง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเบาลง เขาก็ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง หากได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เขาจึงเดินมุ่งตรงไปข้างหน้า
เขาเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับตัวนางทั้งหมด ไม่อยากให้นางได้รับอันตรายใดๆ
“อาหลัว อาหลัว…” เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา
ลมภูเขาโบกพัด หอบเอาเสียงของเซียวยวี่ ลอยล่องไปทั่วทุกมุมของภูเขา นกน้อยที่หลบซ่อนอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้หนาทึบเพื่อพักผ่อน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังกึกก้อง ก็ตกใจจนโบกสะบัดปีกบินหนีไป