ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 12 บทที่ 358 การโอบกอด เป็นการแสดงความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 12 บทที่ 358 การโอบกอด เป็นการแสดงความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด
เซียวยวี่เห็นเซี่ยยวี่หลัวถอยหลัง หลบเลี่ยงจากการสัมผัสของเขา เขารู้สึกวิตกเป็นอย่างมาก ถึงกับเสียงเปลี่ยน “อาหลัว…”
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งสังเกตเห็นประกายหวาดกลัวบนใบหน้าเซียวยวี่
เขาคงไม่ได้คิดว่านางรังเกียจเขากระมัง?
จึงรีบอธิบาย “บนตัวข้ามีกลิ่นเหม็น! เจ้าอย่าเข้ามาใกล้ข้า หากทำให้เจ้าเหม็นไปด้วยจะไม่ดี” นางลองดมกลิ่น ก่อนแสดงสีหน้ารังเกียจเต็มประดา
เซียวยวี่ได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ “จริงหรือ? ข้าลองดมดู”
กล่าวจบ ก็สาวเท้าก้าวใหญ่เดินขึ้นหน้าสองก้าว โอบกอดเซี่ยยวี่หลัวไว้ในอ้อมอก ก้มหน้าสูดลมหายใจเข้าลึกสองที
เซี่ยยวี่หลัวเบ้ปาก “ใช่หรือไม่? ”
“มีกลิ่นจริงๆ” เซียวยวี่พยักหน้า ก่อนก้มหน้าสูดดมตรงซอกคอเซี่ยยวี่หลัวอีกสองที
เหม็นถึงเพียงนี้ยังจะดมอีก
“เจ้ารีบปล่อยข้า ตัวข้ามีกลิ่นเหม็น”
“ใครบอกว่าเหม็น? กลิ่นหอมชัดๆ! ” เซียวยวี่ทำราวกับเกรงว่าเซี่ยยวี่หลัวจะไม่เชื่อ จึงสูดดมอีกครั้ง
“หอม? ” เซี่ยยวี่หลัวดึงคอเสื้อตัวเองมาลองดม “จมูกของเจ้าคงไม่ได้มีปัญหากระมัง? เป็นกลิ่นเหม็นชัดๆ! ”
ทั้งเหม็นทั้งเปรี้ยว!
“ข้ารู้สึกว่าหอมเสียยิ่งกว่าอะไร! ” เซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว โอบกอดเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
เซี่ยยวี่หลัวคิดว่าจมูกของเซียวยวี่ต้องมีปัญหาแน่นอน
ทั้งที่เหม็นแทบตาย!
ท่านราชบัณฑิตน้อย ในนิยายเขียนไว้ชัดๆ ว่าท่านเป็นโรครักสะอาด แล้วโรครักสะอาดที่คุยกันไว้เล่า?
เด็กสองคนวิ่งออกมา เซียวจื่อเซวียนเห็นทั้งสองคนโอบกอดกัน จึงรีบใช้มือปิดตาเซียวจื่อเมิ่งไว้ เซียวจื่อเมิ่งตะโกนเสียงดังทันที “พี่รอง ท่านปิดตาข้าทำไมเจ้าคะ”
เซี่ยยวี่หลัวและเซียวยวี่หันไป เห็นเซียวจื่อเซวียนใช้มือข้างหนึ่งปิดตาตัวเอง มืออีกข้างหนึ่งปิดตาเซียวจื่อเมิ่ง หัวเราะร่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราไม่เห็นอะไรทั้งนั้นขอรับ! ” ก่อนดึงเซียวจื่อเมิ่งกลับห้องไป
เสียงของเซียวจื่อเมิ่งที่กล่าวด้วยความไม่พอใจยังดังมาจากในห้อง “พี่รอง ท่านปิดตาข้าทำไมเจ้าคะ”
“เจ้าเด็กโง่ ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะเป็นตากุ้งยิงไม่ใช่หรือ? ”
“แล้วทำไมท่านดูได้ แต่ข้าดูไม่ได้เจ้าคะ? ”
“ข้าก็ไม่ได้ดู ข้าก็ปิดตาตัวเองเหมือนกัน! ”
เซียวจื่อเมิ่งเชื่อแล้วจริงๆ “อ่อ”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอยากร้องไห้ “…” เซียวจื่อเซวียนต้องเป็นคนตลกแน่นอน
ตอนนั้นนางเห็นอย่างชัดเจน
มือที่จื่อเซวียนใช้ปิดตาจื่อเมิ่ง นิ้วทั้งห้าปิดอย่างมิดชิด แต่มือข้างที่ปิดตาเขาเอง ปิดบ้าอะไรเล่า!
ร่องระหว่างนิ้วกว้างจนสามารถมองเห็นดวงตาคู่กลมโตที่ดูล่อกแล่กได้อย่างชัดเจน
เซียวยวี่กุมขมับพลางทอดถอนใจ “…” นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหมือนจะลืมไปว่าตัวเองยังมีน้องชายหนึ่งคนและน้องสาวหนึ่งคน ยามนี้เขาหวังเหลือเกินว่าทั้งสองคนจะไม่อยู่!
จวบจนด้านในไม่มีเสียงพูดคุย ทั้งสองคนจึงสบตาพร้อมหัวเราะด้วยท่าทางเก้อเขิน
เซียวยวี่แอบคิดในใจ ต่อไปตอนอยู่กับอาหลัว ต้องหลบให้ห่างจากเด็กสองคน อย่างไรเสีย ระหว่างเขาและอาหลัว การโอบกอดเป็นการแสดงความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด!
ในอนาคตยังมีอะไรที่เด็กๆ ไม่ควรเห็นไม่ควรได้ยินมากกว่านี้อีก!
“ข้าจะอาบน้ำแล้ว” เพื่อป้องกันไม่ให้เซียวยวี่เข้ามากอดอีก เซี่ยยวี่หลัวจึงกล่าวทันที “หากไม่อาบอีก ข้ารู้สึกเหม็นจนใกล้หมดสติอยู่แล้ว”
ต้องอาบตั้งแต่หัวจรดเท้าให้สะอาดเสีย
“ได้ เจ้าไปหยิบเสื้อผ้า ข้าจะไปเตรียมน้ำให้เจ้า จำไว้ว่าอย่าให้โดนบาดแผลบนขา” เซียวยวี่กล่าว กำชับนางอย่างเอาใจใส่ว่าให้ระวังแผลบนขา “หากโดนน้ำก็ไม่เป็นอะไร ข้าจะเปลี่ยนยาให้เจ้า”
มีคนเตรียมน้ำอาบให้นางเช่นนั้นหรือ ช่างดีเหลือเกิน
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แต่ข้ารู้สึกหิวเล็กน้อย! ”
“เจ้าไปอาบก่อน ข้าจะไปทำอาหาร เจ้าอยากกินอะไร? ” เซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว
“ผ่านช่วงเที่ยงไปแล้ว ถ้าอย่างไรตอนเที่ยงพวกเรากินบะหมี่ไปก่อน ตอนเย็นพวกเราค่อยกินของอร่อย? ” เซี่ยยวี่หลัวเสนอ
เซียวยวี่พยักหน้า ยิ้มพร้อมตอบรับ “ได้ ตอนเที่ยงกินบะหมี่” เจ้าว่าอย่างไรก็เอาตามนั้น
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกกระปรี้กระเปร่า อุ่นสบายไปทั้งตัว และกินจนอิ่มคิดจะนอนหลับ เซียวยวี่ก็อาบน้ำเสร็จแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้ามาหานาง
บนกายเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกจินหยิน ทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย
คาดว่าคงง่วงนอนแล้ว!
“เรื่องในวันนี้ เจ้าโมโหหรือไม่? ” เซียวยวี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัวที่นอนอยู่บนเตียง
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “ไม่โมโห! ”
“เพราะเหตุใด? ” เซียวยวี่ไม่ค่อยเข้าใจนัก
เขาถูกเซียวหมิงจูใส่ร้ายปรักปรำขนาดนั้น เหตุใดนางถึงไม่โมโหเขาเล่า?
“ทำไมข้าต้องโมโหด้วย? ” เซี่ยยวี่หลัวใช้มือค้ำศีรษะ มองไปทางเซียวยวี่ “ข้าไม่เชื่อเจ้า จะให้ข้าเชื่อนางหรืออย่างไร? ”
เซียวยวี่ “…”
เซี่ยยวี่หลัวมองดูท่าทางนิ่งอึ้งของเซียวยวี่ ก่อนกล่าวต่อ “เจ้าเป็นสามีของข้า ข้าจะเชื่อเพียงเจ้า ไม่เชื่อผู้อื่น”
นางเชื่อในอุปนิสัยของเซียวยวี่
หากเซียวยวี่เป็นคนถ่อย ในภายภาคหน้าเขาไม่มีทางขึ้นสู่ตำแหน่งสูง มีอำนาจในราชสำนัก ตำแหน่งของท่านราชบัณฑิตน้อย อาศัยแค่การวางแผนและเล่ห์กล ไม่มีทางขึ้นไปได้แน่นอน
และในนิยายก็เคยกล่าวถึง ว่าในภายหลังเซียวยวี่ได้ทำคุณงามความดีอีกไม่น้อย เป็นที่รักและได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างมาก
เรียกได้ว่า ในนิยายนั้น ความโกรธแค้นของคนผู้นี้มอบให้เซี่ยยวี่หลัวทั้งหมด ส่วนความดีของคนผู้นี้ มอบให้กับปวงชนต้าเยว่ทั้งหมด
“อาหลัว…” น้ำเสียงของเซียวยวี่แหบแห้งเล็กน้อย เขาไม่เคยคาดคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวจะเชื่อใจเขาอย่างไร้เงื่อนไข
“ทว่า ต่อไปข้าหวังว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก” เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะ ก่อนกล่าววาจาประจบประแจงเซียวยวี่ “เจ้ารูปลักษณ์หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกงามสง่าประหนึ่งต้นหยกท่ามกลางสายลม ต่อไปต้องมีสตรีชอบเจ้าอีกไม่น้อยแน่ ข้าหวังว่าคงไม่ใช่ไล่เซียวหมิงจูไปคนหนึ่ง จะยังมีเซียวเจินจูหรือเซียวไฉ่จูอะไรมาอีก! ”
เซียวยวี่รู้สึกตื้นตันใจเสียยิ่งกว่าอะไร โอบกอดเซี่ยยวี่หลัวไว้ พร้อมกล่าวอย่างหนักแน่น “ไม่มีแน่นอน! ”
เซี่ยยวี่หลัวขานตอบ “ได้ ข้าเชื่อเจ้า”
นางย่อมเชื่อมั่นในตัวเซียวยวี่
คนที่จะมีชะตาผูกพันกับชะตาชีวิตของนาง ผู้เป็นสามีของนาง นางจะไปเชื่อผู้อื่นได้อย่างไร
เซียวยวี่หัวใจเต้นเร็วมาก เร็วจนเหมือนทำนองกล่อมนอน กล่อมจนเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกงัวเงีย
ช่างง่วงนอนเหลือเกิน อยากนอนหลับแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวดันเซียวยวี่ทีหนึ่ง “นอนหลับเถอะ? ข้าง่วงแล้ว”
เซียวยวี่รู้สึกใจเต้น นางกำลังชวนให้เขานอนลง หรือให้เขากลับห้อง?
วาจาของนาง ไม่ได้บอกให้เขากลับห้องนี่นา!
เซียวยวี่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อเห็นเตียงอีกครึ่งหนึ่งข้างกายเซี่ยยวี่หลัวที่ยังว่างอยู่ เซียวยวี่อยากถามให้ชัดเจน กำลังจะเอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงกรนเบาหวิวแล้ว
เซียวยวี่ “…”
ความเร็วในการนอน เร็วเกินไปแล้วกระมัง
เซียวยวี่รู้สึกว่าน่าขัน จึงนั่งลงข้างเตียง มองต่ออีกครู่หนึ่ง
ยามคนตัวเล็กนอนหลับ ดวงหน้าประณีตงดงามดูผ่อนคลาย ขนตาประหนึ่งใบพัดก่อให้เกิดเงาบนเปลือกตา แก้มที่ไม่แต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉม ขาวผ่องดุจเครื่องกระเบื้องเคลือบชั้นดี
ยังมีริมฝีปากที่เม้มอยู่เล็กน้อย ไม่ได้แต่งแต้มด้วยสีใดๆ กลับมีสีแดงดุจโลหิต ดูเย้ายวนถึงขีดสุด
เซียวยวี่เอื้อมมือไป…
“พี่ใหญ่ ข้าง่วงแล้ว อยากนอนแล้วเจ้าค่ะ” เซียวจื่อเมิ่งชะโงกศีรษะเล็กเข้ามา
เซียวยวี่ยังแตะไม่โดน ก็ต้องรีบชักมือกลับ นั่งอย่างเรียบร้อย “พี่รองของเจ้าเล่า? ”
“พี่รองพักผ่อนแล้วเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส
“ไปหาพี่รองของเจ้า! ” เซียวยวี่กล่าว
เตียงใหญ่แค่นี้ หากอาเมิ่งนอน เขาจะนอนตรงไหน
การนอนหลับก็ควรมีลำดับก่อนหลังกระมัง
เซียวจื่อเมิ่งยังจะกล่าวอะไรอีก แต่เห็นพี่ใหญ่นอนลงบนเตียงแล้ว เซียวจื่อเมิ่งจึงรีบปิดตา ไม่กล้ามองอีก พี่รองบอกไว้ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ทำอะไรก็ห้ามดู หากดูแล้วจะเป็นตากุ้งยิง
ไม่ง่ายเลยกว่านางจะหลบออกไปได้ ก็รีบวิ่งแจ้นไปหาพี่รองทันที
เซียวจื่อเซวียนอยู่ในอาการงัวเงียใกล้หลับเต็มที พอได้ยินว่าเซียวจื่อเมิ่งจะนอนที่นี่ จึงขยับเข้าไปด้านในเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าถึงไม่นอนกับพี่สะใภ้ใหญ่? ”
เซียวจื่อเมิ่งถอดถุงเท้ารองเท้า “ไม่มีที่ให้นอนเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ? ” เซียวจื่อเซวียนไม่เข้าใจ เตียงของพี่สะใภ้ใหญ่กว้างมากทีเดียว ปกติทั้งสองคนก็นอนด้วยกันไม่ใช่หรือ ปกติยังนอนได้ เหตุใดวันนี้ถึงไม่มีที่ให้นอน
เซียวจื่อเมิ่งขึ้นเตียง เอนตัวลงนอน ก่อนกล่าวเสียงใส “พี่ใหญ่ก็อยู่ ที่ไม่พอนอนเจ้าค่ะ”
เซียวจื่อเซวียนได้ฟังดังนั้น ความง่วงพลันหายไปจนสิ้น ดวงตาลุกวาวทันที