ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 370 นางกับเซียวยวี่เป็นสามีภรรยา นอนด้วยกันก็ถือว่าปกติมาก
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 370 นางกับเซียวยวี่เป็นสามีภรรยา นอนด้วยกันก็ถือว่าปกติมาก
อาจเพราะสัมผัสได้ว่าคนที่อยู่ข้างๆ ร่างกายสั่นเทิ้มเบาๆ เซียวยวี่ดูครู่หนึ่ง ก็เข้าใจแล้ว
“ตื่นแล้วหรือ? ” คนข้างหลังน้ำเสียงแหบแห้ง ถึงแม้เสียงจะเบา แต่กลับฟังดูชัดเจนเป็นพิเศษในห้องที่เงียบสงัด
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นช่วงกลางดึก นางพยักหน้าเขาก็มองไม่เห็นนี่นา จึงขานตอบทีหนึ่ง
เซียวยวี่ลุกขึ้น ในที่สุดก็ชักมือขวาออกจากช่วงท้องของนาง หันขวับจุดไฟตะเกียงน้ำมันข้างๆ จนสว่าง ห้องสว่างแล้ว
“เป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนใช่หรือไม่? ” เซียวยวี่ไม่กล่าวถึงเรื่องที่เหตุใดเขาถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เหตุใดถึงนอนอยู่บนเตียงเดียวกับนาง
เซี่ยยวี่หลัวลุกขึ้นด้วยอาการหน้าแดง หันหลังให้เซียวยวี่อยู่ตลอด สวมรองเท้าเสร็จ ไม่กล่าวอะไร กลับเดินเข้าไปในห้องเล็ก
เซียวยวี่ก็ไม่อยากถามอีก ลุกขึ้นรินน้ำอุ่นให้เซี่ยยวี่หลัวหนึ่งถ้วย วางไว้ตรงหัวเตียง
เซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ในห้องเล็กจัดการตัวเองเสร็จนานแล้ว เพียงแต่ นาง… ยังไม่กล้าออกไป
เซียวยวี่ยังอยู่บนเตียง!
หากบอกว่าก่อนหน้านี้นางไม่รู้ว่าเขานอนอยู่บนเตียงด้วย ยังสามารถนอนหลับอย่างสบายใจ แต่ตอนนี้รู้ว่าเซียวยวี่ก็นอนอยู่ที่นี่ นางรู้ว่าตัวเองนอนไม่หลับแน่นอน
เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่ที่เดิม มือจับชายเสื้อไว้แน่น ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
เซียวยวี่ที่อยู่ข้างนอกรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อครู่ได้ยินเสียงจากด้านในเล็กน้อย ตอนนี้ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย
นางน่าจะเสร็จแล้ว แต่ไม่ยอมออกมา
เพราะกลัวเขาหรือเพราะเขินอาย?
เซียวยวี่ไม่รู้ เขาสู้ยอมให้นางรู้สึกเขินอาย ดีกว่าให้นางกลัวเขา
รออีกครู่หนึ่ง คนข้างในยังไม่ส่งเสียงใดๆ เซียวยวี่รอไม่ไหวแล้ว จึงใส่รองเท้าลุกขึ้น “อาหลัว เจ้าเสร็จหรือยัง? ”
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งตอบสนอง ตอบอย่างรีบร้อน “เสร็จแล้ว”
พอกล่าวตอบว่าเสร็จแล้วจบ เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกนึกเสียใจภายหลัง เสร็จแล้วนางก็ต้องออกไปแล้วไม่ใช่หรือ? แต่ออกไป ควรเผชิญหน้ากับท่านราชบัณฑิตน้อยอย่างไร?
แต่จะยืนตรงนี้ทั้งคืนก็ไม่ได้ไม่ใช่หรือ?
นางเป็นภรรยาของเซียวยวี่ การร่วมหลับนอนบนเตียงเดียวกันกับเซียวยวี่ถือเป็นเรื่องปกติเสียยิ่งกว่าอะไร
เซี่ยยวี่หลัว เจ้าจะทำเป็นอายไปทำไม? จะกลัวอะไร?
เซี่ยยวี่หลัวตัดสินใจเด็ดขาด เดินออกมา
เผชิญกับแววตาเป็นห่วงของเซียวยวี่เข้าทันที
นางเข้าไปนานเกินไป นานจนเขาเกิดความกลัว
แสงไฟสลัวสั่นไหวไปมา เปรียบดั่งหัวใจของเซี่ยยวี่หลัว ที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
ยังดีที่แสงไฟไม่สว่างมากนัก ใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวเป็นสีแดงก่ำและร้อนรุ่ม เซียวยวี่น่าจะไม่เห็นกระมัง?
ทั้งสองคนไม่กล่าวอะไร เวลานี้บรรยากาศยังค่อนข้างดูขัดเขิน
จวบจนแสงไฟสั่นไหวพร้อมเสียงดังเปรี๊ยะทีหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวใช้ทั้งมือทั้งเท้าคลานขึ้นบนเตียง
ส่วนเซียวยวี่ เดิมทีได้เตรียมใจว่าจะโดนไล่ออกไปแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล่าวอะไร หัวใจของเขาก็ได้แต่วิตกกังวล กลัวว่านางจะโกรธเคือง กลัวนางไล่เขาไป
ถูกต้อง คืนนี้ เขาเป็นฝ่ายล่วงเกินนาง ยังไม่ได้รับอนุญาตจากนาง ก็ขึ้นเตียงของนางโดยพละการ นางเป็นสตรีที่สำรวมและหนักแน่น อาจโมโหก็เป็นได้!
ก็ถูก หากนางก่นด่าเขา ก็ถือว่าสมควรแล้ว
เซียวยวี่ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ว่าเซี่ยยวี่หลัวจะด่าเขาอย่างไร เขาก็จะไม่โต้ตอบแม้แต่ประโยคเดียว เขาเป็นฝ่ายผิดอย่างชัดเจน
เพียงแต่ เซี่ยยวี่หลัวขึ้นเตียงไป ก็ไม่กล่าวอะไรกับเซียวยวี่แม้แต่คำเดียว
ไม่ด่าเขา ไม่ได้ตำหนิเขา ไม่ได้รั้งเขาไว้!
ทว่า อาหลัวก็ไม่ได้ไล่เขาไปนี่นา!
เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ เซียวยวี่ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรง
เซี่ยยวี่หลัวขึ้นเตียงไปแล้ว นำผ้านวมมาห่อตัวพลางขดม้วนตัว แม้แต่ศีรษะ ก็คลุมโปงด้วย
เช่นนี้ ไม่อึดอัดหรือ?
เซียวยวี่เดินไป นั่งลงข้างเตียง
เซี่ยยวี่หลัวได้ยินเสียงของเขา หัวใจสั่นไหวทีหนึ่ง จากนั้น หัวใจเต้นแรงประหนึ่งรัวกลอง เต้นแรงราวกับจะกระโดดออกมาจากช่องอกอย่างไรอย่างนั้น
เซียวยวี่ยกน้ำที่ตัวเองรินไว้เมื่อครู่มา ลองจิบเล็กน้อย เป็นน้ำอุ่น ดื่มได้พอดี
“จะดื่มน้ำหรือไม่? ” เซียวยวี่เอ่ยถาม
เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคลุมโปงศีรษะตนเองไว้ ประโยคคำถามของเซียวยวี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังถามนาง
นางไม่เปิดผ้านวมด้วยซ้ำ เพียงตอบกลับว่าไม่ดื่ม
เสียงตอบกลับอู้อี้ดังมาจากใต้ผ้านวม เซียวยวี่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาดื่มเองหนึ่งคำ จากนั้นจึงเป่าไฟให้ดับ ก่อนเอนตัวลงนอน
คราวนี้เขาไม่กล้าทำอะไรอีก เพียงนอนหันหลังให้เซี่ยยวี่หลัว
ทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่ฟากนี้ของเตียง อีกคนหนึ่งอยู่ฟากโน้นของเตียง นอนโดยหันหลังให้กัน ต่างมีความคิดในใจ ครึ่งคืนหลัง จึงผ่านไปเช่นนี้เอง
หลังจากผ่านช่วงเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนไปด้วยอาการสับสนมึนงง ยามนี้เซียวหมิงจูก็ค่อยๆ ตั้งสติได้ เซียวหยวนกล่าวอะไร นางก็สามารถกล่าวตอบได้แล้ว
“หมิงจู มา เจ้าดื่มน้ำหน่อย! ” เซียวหยวนเป่าน้ำจนเย็นด้วยความเอาใจใส่ ก่อนยื่นส่งให้เซียวหมิงจู
เซียวหมิงจูรับมา ยกถ้วยขึ้นมาดื่มคำเล็ก
เซียวหยวนดูอยู่ข้างๆ
“เมื่อคืนนี้ เจ้า… หลับสบายหรือไม่? ได้ยินเสียงอะไรหรือไม่? ” เซียวหยวนไม่ค่อยมั่นใจ เมื่อวานท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเซียวหมิงจูเป็นเพียงการแสร้งทำหรือหมดอาลัยตายอยากจริง เมื่อไม่แน่ใจ ย่อมต้องถามเซียวหมิงจูให้ชัดเจน
เซียวหมิงจูดื่มน้ำหมดแล้ว เพียงส่ายหน้า “ข้าวิงเวียนศีรษะ จึงนอนหลับตลอด ไม่ได้ยินอะไรเลย”
เซียวหยวนไม่ได้กล่าวอะไร ยิ้มพลางกล่าว “หิวแล้วใช่หรือไม่? มา นี่เป็นอาหารที่ส่งมาตอนเย็น เจ้ากินสักหน่อยเถอะ! ”
เซียวหมิงจูส่ายหน้า “ข้ากินไม่ลง! ”
“จะไม่กินได้อย่างไร? ต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้าถึงจะได้กินอาหารอีก ไม่กินอาหารหากหิวจนเสียสุขภาพจะทำอย่างไร! ” เซียวหยวนกล่าวด้วยความเป็นห่วง “ถ้าอย่างไรเอาอย่างนี้ เจ้าเพียงอ้าปาก ข้าจะป้อนเจ้าเอง ดีหรือไม่? ” ไม่รอให้เซียวหมิงจูตอบตกลง เซียวหยวนตักข้าวหนึ่งช้อน กล่อมเซียวหมิงจูราวกับกำลังกล่อมเด็กก็มิปาน “มา เด็กดี อ้าปาก! ”
เซียวหมิงจูอ้าปากกินข้าวเข้าไป
เซียวหยวนยิ้ม “เช่นนี้ถึงจะเป็นเด็กดีไม่ใช่หรือ? กินข้าวแล้วถึงจะมีแรง เด็กดี อ้าปาก...”
เซียวหมิงจูอ้าปากอย่างว่าง่าย หลังจากกินข้าวหนึ่งชามจนหมดเกลี้ยง เซียวหยวนวางชามและตะเกียบลง ยิ้มไม่หุบ “มา ดื่มน้ำอีกหน่อย”
ท่านป้าสี่อาศัยจังหวะที่ฟ้ามืดทุกคนนอนหลับแล้ว แอบนำชามไปยังศาลบรรพชน
ทางศาลบรรพชนมืดสนิท ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย
“หมิงจู หมิงจู…” ท่านป้าสี่เอ่ยเรียกอย่างอดใจรอไม่ไหว ประตูหน้าต่างของศาลบรรพชนปิดสนิท ไม่เห็นด้านในแม้แต่น้อย
พอเซียวหยวนได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นดัง “ตึ้ง”
ท่านป้าสี่มา
เซียวหยวนรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย รีบหันมองไปทางเซียวหมิงจู
ยามนี้เซียวหมิงจูนอนอยู่บนเสื่อฟาง หลับสนิทราวกับสุกรก็มิปาน
เซียวหยวนไม่กล้ารีรอช้า รีบวิ่งไปเปิดประตู เมื่อเห็นคนที่มา จึงพยายามยิ้มออกมา “ท่านป้าสี่ ท่านมาได้อย่างไรขอรับ? “