ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 371 เจ้าช่วยฝนหมึกให้ข้า
เมื่อท่านป้าสี่เห็นเซียวหยวน ก็กล่าวด้วยความเห็นใจ “อยู่ในศาลบรรพชนคงลำบากมากใช่หรือไม่? มา นี่เป็นไก่ที่ป้าสี่ฆ่าวันนี้ เพิ่งต้มเสร็จ เจ้ารีบกินสองชิ้น! ”
ตอนกลางคืนยังต้องเสียแรงอีกไม่น้อย ควรต้องบำรุงจริงๆ เซียวหยวนหยิบไก่ขึ้นมากัดกินทันที
ท่านป้าสี่ไปดูเซียวหมิงจู สงสารจนน้ำตาไหลริน “ช่วงสองวันนี้หมิงจูสบายดีหรือไม่? ”
นัยน์ตาเซียวหยวนกลอกไปมาทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทางกลัดกลุ้ม “ช่วงแรกไม่ค่อยดีขอรับ”
ท่านป้าสี่ได้ฟังดังนั้นก็ร่ำไห้ทันที “ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า! ”
เซียวหยวนรีบปลอบโยน “ท่านป้าสี่ ท่านอย่าร้องไห้ เมื่อวานไม่ดี แต่วันนี้ดีกว่าเมื่อวานมากแล้วขอรับ ช่วงเย็นบอกจะไม่กิน ข้าก็ป้อนจนกินลงไปชามใหญ่ถึงเพียงนี้ ท่านอย่ากังวลเลย! ”
พอได้ยินว่านางเริ่มกินอาหารแล้ว ทั้งยังกินไปชามใหญ่ เช่นนั้นก็เป็นเครื่องยืนยันว่านางเริ่มดีขึ้นช้าๆ แล้ว จิตใจที่วิตกกังวลของท่านป้าสี่ ในที่สุดก็วางใจ “เช่นนั้นก็ดีเหลือเกิน ข้าจะคุยกับนางเสียหน่อย”
เซียวหยวนขวางนางไว้ทันที “ท่านป้าสี่ พรุ่งนี้ท่านค่อยมาดูเถอะขอรับ! ”
ท่านป้าสี่ “ทำไมหรือ? ทำไมวันนี้ถึงดูไม่ได้? ”
“ไม่ใช่ว่าวันนี้ดูไม่ได้ เพียงแต่ หมิงจูไม่ค่อยสบาย ไม่ง่ายเลยกว่านางจะนอนหลับ ทั้งยังหลับสนิทถึงเพียงนั้น หากท่านปลุกนางให้ตื่นในยามนี้ ถ้านางคิดถึงเรื่องเซียวยวี่ขึ้นมา เกรงว่าคงนอนไม่หลับทั้งคืนอีก” เซียวหยวนกล่าวด้วยท่าทางสงสาร “ข้าสงสารนาง อยากให้นางได้นอนเพิ่มขึ้นอีกหน่อย”
ท่านป้าสี่ได้ฟังดังนั้น ก็รีบพยักหน้าพร้อมกล่าว “ใช่ใช่ใช่ เจ้าพูดถูก ข้าไม่รบกวนนาง ไม่รบกวนนางนอนหลับ เช่นนั้นอาหยวน ข้ากลับไปก่อน เจ้ากินเนื้อไก่ให้มากหน่อย อย่าลืมช่วยข้าดูแลหมิงจูด้วย เด็กคนนั้นต้องไหว้วานเจ้าแล้ว”
เซียวหยวนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านป้าสี่ ท่านวางใจเถอะขอรับ ข้าจะดูแลหมิงจูให้ดีแน่นอน! ”
ท่านป้าสี่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง คิดถึงเรื่องผิดๆ ที่บุตรสาวของตนเองทำไว้ ก่อนดูเซียวหยวนที่ยังคงรักใคร่เอ็นดูนางประหนึ่งสมบัติล้ำค่าก็มิปาน แค่บุญคุณครั้งนี้ แม่หนูนี่จะไปหาคนที่ดีถึงเพียงนี้ได้จากที่ไหนกัน!
“ได้ เช่นนั้นเจ้ากินแล้วรีบพักผ่อน ป้าสี่ไปก่อน” ก่อนท่านป้าสี่จะไป ก็มองหมิงจูที่กำลังหลับสนิทด้วยความสงสาร ปวดใจจนหยาดน้ำตาไหลรินอีกครั้ง
เซียวหยวนส่งนางออกไป จากนั้นจึงกินน่องไก่ทั้งสองน่องจนหมดเกลี้ยง เช็ดคราบน้ำมันบนมือ แล้วจึงไปนอน
กลางดึก ประตูถูกคนเปิดออก เซียวหยวนอยู่ในอาการสะลึมสะลือ มืออ่อนนุ่มข้างหนึ่งยื่นเข้ามาในเสื้อของเขา
เซียวหยวนไม่จำเป็นต้องลืมตาด้วยซ้ำ จับตัวคนผู้นั้นไว้ ก่อนจะกดทับบนตัว
ศาลบรรพชนที่มืดมิด ด้านหนึ่งเป็นคนที่หลับสนิท อีกด้านหนึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ระหว่างชายหญิงที่ทำให้คนอายจนหน้าแดง
แม้แต่ดวงดาวมากมายยังต้องแอบ
ท้องฟ้าภายนอกสว่างแล้ว ส่องแสงจนเซี่ยยวี่หลัวปวดตา นางลืมตาขึ้น ก็เห็นมุ้งสีขาว
หันมองไปข้างๆ ข้างกายนางว่างเปล่าไม่มีผู้ใดแล้ว
หากไม่ใช่เพราะเมื่อคืนเซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่กับตาตัวเอง นางคงไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังฝันอยู่หรือไม่
สายมากแล้ว เสียเลือดมากเกินไป แม้แต่ตอนนอนยังต้องนอนนานขึ้น
เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากขยับ จึงหลับตาพักผ่อนอยู่บนเตียงอีกครู่หนึ่ง
ก่อนหน้านี้นางนอนอยู่ด้านใน นอนหันหน้าเข้าหากำแพงมาตลอดคืน
บัดนี้เซียวยวี่ไปแล้ว เงียบกริบจนไม่มีเสียงแม้แต่น้อย
ตะเกียงน้ำมันวางไว้บนโต๊ะ เซี่ยยวี่หลัวจำได้ ว่าตะเกียงน้ำมันนั่น เมื่อคืนวางอยู่ข้างเตียงชัดๆ ได้ยินว่านางตื่นแล้ว เซียวยวี่จึงพลิกตัว จุดไฟจนสว่าง
เซี่ยยวี่หลัวมองหมอนข้างๆ ด้วยอาการเหม่อลอย
เส้นผมสีดำสนิทดุจน้ำหมึกพาดอยู่บนปลอกหมอน บางทีเมื่อคืนนี้ เซียวยวี่นอนอยู่ตรงนี้ เส้นผมของนางและเส้นผมของเซียวยวี่ ก็เกี่ยวพันกันอยู่ประมาณนี้
นางเอื้อมมือไปลูบปลอกหมอนข้างๆ จู่ๆ ก็แย้มรอยยิ้ม
หลังจากยิ้มเสร็จ เหมือนจะพบว่าตัวเองดูเหมือนคนสติไม่เต็มเต็ง จึงผงะไป จากนั้น ใบหน้าขาวเนียนพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอยู่คนเดียว จากนั้นจึงดึงผ้านวมมา คลุมโปงตัวเองไว้อย่างมิดชิด
อาหารเช้าเซียวยวี่เป็นคนทำ ต้มโจ๊กและไข่ไก่ ทั้งยังทำแตงกวาผัดเนื้อหมู
ตัวเขาเองยังไม่กิน แต่เรียกให้เด็กสองคนมากินก่อน เขายกน้ำสะอาดเข้าไปในห้อง
เห็นได้ชัดว่าภายใต้ผ้านวมผืนบางมีคนผู้หนึ่งซ่อนตัวอยู่ ทั้งยังมีเสียงหัวเราะคิกคักดังลอดออกมา
จู่ๆ เซียวยวี่ก็นึกอยากขำ
“อาหลัว…” เซียวยวี่เอ่ยเรียกเสียงเบา “ลุกขึ้นมาล้างหน้าบ้วนปาก กินข้าวได้แล้ว”
เขาคาดว่าเซี่ยยวี่หลัวน่าจะตื่นแล้ว นางตื่นแล้วจริงๆ
เซี่ยยวี่หลัวเปิดผ้านวมออก ก็เห็นเซียวยวี่กำลังจ้องมองนาง ข้างๆ มีน้ำร้อนที่ใช้ล้างหน้าบ้วนปาก เซียวยวี่บิดผ้าเช็ดหน้าจนหมาด ก่อนยื่นส่งมา เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ เซียวยวี่นั่งตรงหัวเตียง คอยดูแลนางอย่างละเอียดทั่วถึง
“คือ วันนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว ไม่ปวดแล้ว ข้าลุกเองได้! ” เซี่ยยวี่หลัวเปิดผ้านวมกำลังจะลุกขึ้น จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองสวมใส่เพียงเสื้อซับในผืนบาง เพราะกลัวว่าจะร้อน เสื้อตัวนี้ทั้งบางและสั้น ตอนกลางคืนเห็นไม่ชัดเจน แต่ตอนกลางวันนั้นต่างกัน
เซียวยวี่สายตาดี เซี่ยยวี่หลัวตกใจจนรีบดึงผ้านวมขึ้น เหลือเพียงดวงตาทั้งคู่ กลอกตาไปมาอยู่ด้านนอก มองเซียวยวี่ด้วยความเขินอาย
“เจ้าเปลี่ยนเสื้อก่อน ข้าจะออกไปรอเจ้า” เซียวยวี่ออกไปแล้วจริงๆ เซี่ยยวี่หลัวรีบลุกขึ้น หาเสื้อมาเปลี่ยน
สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จจึงรีบล้างหน้าบ้วนปาก เมื่อเปิดประตู เซียวยวี่ก็ยืนอยู่ข้างนอก หันกลับมามองนาง
“หิวแล้วใช่หรือไม่? อาหารเช้าทำเสร็จแล้ว ไปกินเถอะ! ” เซียวยวี่ยื่นมือไปจูงมือเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวปล่อยให้เขาจูงมืออย่างว่าง่าย ทั้งสองคนเข้าไปในห้องโถง
“จื่อเซวียนกับจื่อเมิ่งเล่า? เหตุใดถึงไม่มากินข้าว? ” เซี่ยยวี่หลัวเข้าไปก็พบว่าเด็กสองคนไม่อยู่ จึงเอ่ยถาม
เซียวยวี่ “พวกเขากินเสร็จแล้ว ตอนนี้ออกไปซักเสื้อผ้าแล้ว”
เซี่ยยวี่หลัว “…” นางมีระดู แม้แต่อาหารก็ไม่ต้องทำ เสื้อผ้าก็ไม่ต้องซัก
เซียวยวี่ตักโจ๊กให้นางหนึ่งชาม ปอกไข่ไก่เสร็จ จึงบดจนแหลก ผสมในโจ๊ก จากนั้นจึงดันไปตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว “กินข้าวสิ”
เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้า ถอนหายใจทีหนึ่ง
ข้าวก็ไม่ต้องตัก ไข่ไก่ก็ไม่ต้องปอก การปฏิบัติดูแลเช่นนี้…
นี่เป็นการปฏิบัติดูแลระดับไทเฮาเลย จะสวมเสื้อผ้าเพียงยื่นมือ จะกินอาหารเพียงอ้าปาก
กินอาหารเช้าเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวอยากไปล้างชาม มีหรือที่เซียวยวี่จะยอมให้นางไป “เจ้ากลับห้องไปพักผ่อน! ”
“ข้าแค่จะล้างชามสักสองใบ” เซี่ยยวี่หลัวนอนมาหนึ่งวันแล้ว หากนอนอีกจะขึ้นราอยู่แล้ว “เจ้าควรปล่อยให้ข้าทำอะไรบ้างกระมัง? ”
เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันรู้ตัว ว่าแม้แต่น้ำเสียงของนางก็แฝงเร้นด้วยความออดอ้อน
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม เงยหน้ามองเซี่ยยวี่หลัวที่มีท่าทางอัดอั้นใจ “อยากทำงานหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “ใช่แล้ว”
เวลานี้นางไม่ต้องซักเสื้อผ้า อาหารก็ไม่ต้องทำ ชามก็ไม่ต้องล้าง รู้สึกราวกับนางทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
เซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว “เช่นนั้นก็ช่วยข้าฝนหมึกแล้วกัน! ”
นั่นเป็นงานถนัดของนาง ต้องทำได้ดีเป็นแน่