ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 374 อาหลัวคือผู้ใด
ตำราของเซียวยวี่มีจำนวนมากเป็นพิเศษ มีมากกว่าร้อยเล่ม หากไม่จัดวางไว้ให้ดี แค่หาตำราก็คงต้องหาแทบตาย
ดังนั้นเซี่ยยวี่หลัวจึงคิดได้วิธีหนึ่ง จัดเรียงตำราตามจำนวนตัวอักษรของชื่อ ตั้งแต่ชื่อหนึ่งตัวที่สั้นที่สุด จนถึงชื่อเจ็ดถึงแปดตัวที่ยาวที่สุด จัดวางโดยแยกประเภท หากเซียวยวี่จะหาตำรา เขาเพียงต้องนับว่าชื่อตำรามีกี่ตัวอักษร จากนั้นจึงหาในหมวดจำนวนตัวอักษรเท่านั้น สะดวกเป็นอย่างยิ่ง
เซียวยวี่ยิ้มทีหนึ่ง “ใช่ สะดวกมากทีเดียว”
เซียวยิงถามต่อว่าควรจัดการเช่นไร เซียวยวี่กล่าวตอบโดยละเอียด เซียวยิงกล่าว “เช่นนั้นกลับไปข้าจะจัดระเบียบชั้นวางตำราของข้าบ้าง วิธีของเจ้าดี จัดระเบียบง่าย เวลาหาก็สะดวก ไม่รู้จริงๆ ว่าในหัวของเจ้าใส่อะไรไว้บ้าง มักจะสามารถคิดถึงวิธีที่ผู้อื่นคิดไม่ถึง”
เซียวยวี่ไม่ได้ถ่อมตัว แต่กล่าวตามจริง “นี่ไม่ใช่วิธีที่ข้าคิดขึ้นมา”
เซียวยิงไม่ได้ยิน ยังคงเดินวนในห้องต่อ
ทุกทางที่มองไป ล้วนเอ่ยชมไม่ขาดปาก
แม้แต่ยามมองเห็นไหดินที่เมื่อก่อนใช้หมักดองอาหาร ในนั้นมีกิ่งไม้ที่เก็บมาจากข้างนอกเสียบอยู่ เซียวยิงก็ยังเอ่ยชมว่าดูงามสง่าไม่หยุด
ภายในใจเซียวยวี่รู้สึกดีจนแทบจะตัวลอย
เซียวยิงเดินวนรอบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าข้างๆ ยังมีอีกห้องหนึ่ง ประตูแง้มไว้เล็กน้อย เซียวยิงผลักเปิดประตูกำลังจะเข้าไป “ข้างในใช้ทำอะไรหรือ? ”
เซียวยวี่รีบดึงเขาไว้ ขวางอยู่ตรงหน้าประตู ยิ้มพร้อมกล่าว “พี่เซียวยิง ดื่มชาดีหรือไม่? ”
เซียวยิงรู้สึกประหลาดใจในการกระทำของเซียวยวี่เล็กน้อย ถึงแม้จะสงสัยว่าด้านในใช้ทำอะไร แต่เซียวยวี่ไม่ให้เขาดู เขาก็จะไม่ดู
เซียวยิงยังคงมีความเชื่อมั่นในการประพฤติตนของเซียวยวี่เป็นอย่างยิ่ง กลางวันแสกๆ คงไม่มีสตรีผู้ใดโผล่ออกมากระมัง!
เซียวจื่อเซวียนยกน้ำชามา กาน้ำชาขนาดเล็ก ประกอบกับถ้วยเล็กดูงามประณีตสองใบ วางไว้บนโต๊ะยาวตรงริมหน้าต่าง ทั้งสองคนนั่งลงบนฟูก มองดูภูเขาและต้นไม้สีเขียวด้านนอก เริ่มสนทนากัน
“ข้าไม่ได้กลับมาเพียงสองเดือนกว่ากระมัง? เหตุใดบ้านเจ้าถึงเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงถึงเพียงนี้? ช่างอยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ! ” เซียวยิงดื่มชาหนึ่งคำ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เซียวยวี่ ชานี่…”
รสชาติไม่เหมือนชาที่เขาดื่มตามปกติ เซียวยิงรู้ว่าตัวเองน่าจะไม่เคยดื่มมาก่อน
เซียวยวี่รินให้ตัวเองหนึ่งถ้วย จิบหนึ่งคำ ยิ้มพร้อมกล่าว “นี่คือชาใบอ่อนเก๋ากี้”
“ชาใบอ่อนเก๋ากี้? ” เซียวยิงไม่เคยได้ยินมาก่อน เปิดฝากาน้ำชาดู ในนั้นมีใบอ่อนสีเขียวมรกตลอยอยู่จำนวนหนึ่งจริง น้ำชาเป็นสีเขียวอ่อน ได้กลิ่นขมที่แฝงเร้นด้วยความหวาน “นี่คือสิ่งใด? ”
“นี่คือใบอ่อนที่เพิ่งแตกใบบนต้นเก๋ากี้ เด็ดเอาส่วนที่อ่อนที่สุดมา ตากแดดจนแห้งแล้วเก็บไว้ สามารถชงดื่มเป็นชา ทั้งยังสามารถต้มเป็นน้ำแกง ชานี้บำรุงเส้นเอ็นและกระดูก ดีต่อสายตา คลายร้อนล้างพิษ” เซียวยวี่กล่าวโดยละเอียด เรื่องเหล่านี้ เขาฟังเซียวจื่อเซวียนมาอีกที
คิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เซียวยวี่ตวัดมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ตอนที่เซียวจื่อเซวียนยกชาโถนี้มาให้เขา ก็มองมันประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าก็มิปาน
บอกว่าพี่สะใภ้ใหญ่ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากจึงทำได้หนึ่งโถ
พอเซียวยวี่ได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวทำเองกับมือ เวลานั้นยังไม่มีความรู้สึกมากเท่าไร เพียงให้เซียวจื่อเซวียนวางไว้ เขายังไม่เคยดื่มสักครั้ง ไม่รู้ว่าวางไว้ที่ไหน
ในภายหลัง เขาและอาหลัวเกิดความรักต่อกัน เขาจึงนึกถึงชาโถนี้ขึ้นมาได้ เปิดฝาชงดื่ม ชานี้รสขมคุณสมบัติหวานและเย็น บำรุงสายตาและคลายร้อน อาหลัวบอกว่า เป็นห่วงว่าเขาอ่านตำราจนใช้สายตามากเกินไป ชานี่จะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าและปวดเมื่อยได้
พอคิดถึงเรื่องที่อาหลัวทำเพื่อเขา เซียวยวี่แย้มรอยยิ้มอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ด้วยกลัวว่าจะโดนเซียวยิงหยอกล้อ จึงแสร้งทำเป็นดื่มชาเพื่อปกปิดรอยยิ้มตรงมุมปาก
“นี่เป็นของดีจากที่ไหนกัน? เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน นำมาจากจังหวัดจิ้นชางหรือ? ” เซียวยิงเอ่ยถาม เขาไม่เคยเห็นของดีเช่นนี้ในเมืองโยวหลันหรืออำเภอกว่างชางมาก่อน
ตอนเพิ่งเริ่มดื่ม รู้สึกว่าลิ้นมีรสขมจริง แต่หลังจากดื่มเพิ่มอีกสองคำ ก็จะรู้สึกว่าในความขมมีรสหวานแฝงเร้น ช่วงหลายวันนี้เซียวยิงรู้สึกร้อนอบอ้าว ภายหลังได้ดื่มชานี้ เพียงรู้สึกว่าความร้อนในกายถูกขจัดออกไปไม่น้อย จึงดื่มอีกสองถ้วยอย่างอดไม่ได้ ก่อนกล่าวอย่างชื่นชม “เป็นของดีจริงๆ”
เซียวยวี่ยิ้ม “ชานี่ไม่ได้ซื้อมา! ”
“ไม่ได้ซื้อมา ถ้าไม่ได้ซื้อเช่นนั้นเอามาจากที่ใดกัน? ”
“อาหลัวเก็บใบอ่อนเก๋ากี้สดใหม่มาตากแห้งทำเป็นชา! ” เซียวยวี่อธิบาย
เซียวยิงขานตอบทีหนึ่ง “อ่อ นำใบอ่อนเก๋ากี้สดใหม่มาตากหรอกหรือ! ” เขายังไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติในประโยคของเซียวยวี่ ดื่มต่ออีกสองคำ ก่อนเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าชานี่ใครเป็นคนทำ? ”
เซียวยวี่กะพริบตาปริบๆ “อาหลัว! ”
“อาหลัวคือผู้ใด? ” เซียวยิงได้ยินชื่อนี้ ทวนซ้ำหนหนึ่ง มั่นใจว่านี่น่าจะไม่ใช่ชื่อของบุรุษ “นี่เป็นชื่อของสตรี? ”
เซียวยิงทำสีหน้าประหลาดใจ พระอาทิตย์ต้องขึ้นทางทิศตะวันตกเป็นแน่ นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวยิงได้ยินชื่อสตรีผู้หนึ่งจากปากเซียวยวี่
เมื่อเห็นท่าทางของเซียวยิงที่เหมือนรอฟังเรื่องสนุก เซียวยวี่เพียงแย้มรอยยิ้ม ตอนกำลังจะกล่าวออกมา ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากห้องข้างๆ
เซียวยวี่สีหน้าเปลี่ยนไป ยังไม่ทันตอบคำถามของเซียวยิง ก็ลุกขึ้นจะเดินไป “รอข้าครู่หนึ่ง”
กล่าวจบ จึงสาวเท้าก้าวเดินอย่างรวดเร็ว มาถึงประตูห้องเล็ก เปิดประตูที่ปิดอยู่ จากนั้นจึงปิดประตู เซียวยิงตามไปด้วย อยากแอบดูว่าในนั้นมีอะไรกันแน่ แต่เพิ่งถึงหน้าประตูก็เกือบโดนปิดประตูใส่จมูก
เซียวยิงสีหน้าหดหู่ ได้แต่ยืนรออยู่หน้าประตูต่อ
เซี่ยยวี่หลัวตื่นแล้ว เสียงเมื่อครู่นางเป็นคนทำเอง
อาจเพราะไม่เคยหลับสบายเช่นนี้มาก่อน สบายจนเซี่ยยวี่หลัวลืมเรื่องที่ตัวเองมีระดู นี่เพิ่งวันที่สอง ระดูมาอย่างหนักและมีปริมาณมาก เซี่ยยวี่หลัวหลับลึกเกินไป ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
เมื่อหลับจนเต็มอิ่ม เซี่ยยวี่หลัวลืมตาตื่นขึ้น ก็ถึงกับตกใจสะดุ้ง นี่ไม่ใช่ห้องของนาง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นห้องของเซียวยวี่
นี่ยังไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่สุด เรื่องที่น่าตื่นตกใจที่สุดคือ พอนางเปิดผ้านวม ก็เห็นคราบสีแดงบนเตียง
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าตัวเองแย่แล้ว!
ทำเลือดเลอะบนเตียงเซียวยวี่เสียแล้ว
สวรรค์ทรงโปรด!
เซี่ยยวี่หลัวกำลังถอดผ้าปูที่นอนด้วยอาการลนลาน เซียวยวี่ก็มาแล้ว เห็นว่านางกำลังเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เขาก็พอจะคาดเดาอะไรได้
เม้มริมฝีปากแย้มรอยยิ้ม เดินเข้าไปหา
เซี่ยยวี่หลัวเงยหน้าก็เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเซียวยวี่ ส่วนนางได้แต่ทำสีหน้าขมขื่น แทบจะร้องไห้ “…ข้าทำเตียงเจ้าเลอะ”
บอกความจริงจะดีกว่า!
เซียวยวี่มองผ้าปูที่นอนในมือเซี่ยยวี่หลัวที่เพิ่งเปลี่ยนออก ยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่เป็นอะไร”
เขากล่าวจบก็จะดูด้านหลังของนาง เซี่ยยวี่หลัวรีบเบี่ยงตัวหลบ สีหน้าดูอัดอั้นตันใจยิ่งนัก
แม้แต่เตียงยังเลอะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสื้อผ้า!
“ในห้องข้ามีน้ำร้อน เจ้ารอข้าไปหยิบเสื้อผ้าสะอาดมาให้”