ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 378 โจรเก็บเกสร
เซียวยวี่ไม่เคยลิ้มลองเกสรดอกไม้ที่มีรสดีเช่นนี้มาก่อน เขาที่ไม่ชอบกินรสหวาน กลับสาบานว่า เกสรดอกไม้นี้ เขาอยากลิ้มลองไปชั่วชีวิต
พอปล่อยนางออก ใบหน้าของสตรีตัวน้อยก็แดงก่ำราวกับก้นลิงก็มิปาน ริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำบวมแดงเล็กน้อยเพราะถูกเขากัด แววตาเลื่อนลอย เซียวยวี่รู้สึกสงสารยิ่งนัก จึงจุมพิตริมฝีปากสีแดงที่ถูกเขาทำจนบวมแดง เดิมทีคิดจะลิ้มลองเพียงเล็กน้อยแล้วหยุด ที่ไหนได้ เกสรหอมหวานเกินไป โจรเก็บเกสรอย่างเขา ในที่สุดก็เก็บเกสรอีกครั้งหนึ่ง
ริมฝีปากที่เดิมทีบวมแดงเพียงเล็กน้อย คราวนี้กลับเป็นสีแดงบวม
ระหว่างกินอาหารเที่ยง เด็กสองคนมองริมฝีปากบวมแดงของพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยอาการนิ่งอึ้ง
เซียวจื่อเมิ่งรู้สึกสงสารยิ่งนัก “พี่สะใภ้ใหญ่ ปากของท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ? ทำไมถึงบวมเพียงนี้ ไม่สบายตรงไหนหรือเจ้าคะ? ”
เซียวจื่อเซวียนก็ขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางเป็นห่วงเต็มประดา “พี่สะใภ้ใหญ่ ให้ข้าไปเชิญท่านลุงสองหรือไม่ขอรับ? ”
ปากนี่ หากเชิญคนมาก็คงต้องรู้ว่าบวมแดงได้อย่างไรไม่ใช่หรือ เช่นนั้นนางยังจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
เซี่ยยวี่หลัวถลึงตาใส่เซียวยวี่ซึ่งเป็นตัวต้นเหตุที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยอาการแง่งอน เขาไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่ายามนี้ภายในใจรู้สึกดีเพียงใด
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวเป็นเชิงตำหนิด้วยความขุ่นเคือง “ต้องโทษเจ้าผึ้งที่สมควรตายนั่น ที่กัดปากของข้าทีหนึ่ง”
“แค่กแค่ก…” พอเซียวยวี่ที่กำลังก้มหน้ากินข้าวได้ยิน ก็แทบจะสำลักอาหาร
ผึ้ง เขาเป็นผึ้งที่สมควรตายหรือ?
“ผึ้งหรือเจ้าคะ? พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านยังเจ็บหรือไม่เจ้าคะ? ” พอเซียวจื่อเมิ่งได้ยินว่าเป็นผึ้ง รู้ว่าผึ้งต่อยคนนั้นเจ็บมาก
“ไม่เป็นอะไร ไม่เจ็บ เพียงแค่บวม พรุ่งนี้ก็หาย” เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากให้เด็กสองคนเป็นห่วง จึงรีบอธิบาย “ไม่เป็นอะไร พี่สะใภ้ใหญ่สบายดี! ”
“พี่สะใภ้ใหญ่ ครั้งหน้าหากบ้านเรามีผึ้งอีก ท่านบอกพี่ใหญ่ ให้พี่ใหญ่ไล่มันออกไปนะเจ้าคะ ผึ้งต่อยคนเจ็บมากทีเดียว! ” ระหว่างที่คนตัวเล็กกล่าว ขอบตาก็ร้อนผ่าวจนแดง ราวกับรับรู้ความเจ็บปวด รู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากมาไม่น้อยเป็นแน่
เซี่ยยวี่หลัวคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะทำให้แม่หนูน้อยร้องไห้ ภายในใจได้แต่กล่าวว่าบาปกรรมบาปกรรม “จื่อเมิ่ง ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าดูสิพี่สะใภ้ใหญ่ก็สบายดีไม่ใช่หรือ? ไม่ปวดสักนิดแล้วจริงๆ! ”
เซียวจื่อเมิ่งเห็นพี่สะใภ้ใหญ่มีท่าทางร่าเริง น่าจะไม่ปวดแล้ว จึงยิ้มทั้งน้ำตา ตักไข่ตุ๋นให้พี่สะใภ้ใหญ่อีกสองช้อน “พี่สะใภ้ใหญ่ กินไข่เจ้าค่ะ”
เซียวยวี่เม้มริมฝีปาก คาดว่าคงอยากหัวเราะ
เซี่ยยวี่หลัวมองค้อนเขาวงโต “ต่อไปหากในบ้านมีผึ้งอีก ข้าต้องไล่มันออกไปอย่างไร้เยื่อใยแน่นอน ไม่ให้มันเข้าห้องของข้าตลอดไป”
เซียวยวี่ “…” เขามีความสุขมากเกินไปที่เห็นนางลำบากใจ จึงทำให้นางโมโหหรือ?
หลังกินอาหาร เซียวจื่อเซวียนไปล้างชามที่ห้องครัว เซียวจื่อเมิ่งตามเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในห้อง
พอมาคิดดู นางไม่ได้นอนกับพี่สะใภ้ใหญ่มาสองวันแล้ว และไม่ได้ฟังพี่สะใภ้ใหญ่เล่านิทานด้วย หลังจากเข้าห้อง เซียวจื่อเมิ่งกลัวว่าตัวเองจะโดนพี่ใหญ่ไล่ไปอีก ถอดรองเท้าแล้วจึงขึ้นเตียงทันที “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าอยากฟังนิทานเจ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัวก็ขึ้นเตียง “ได้สิ! ”
มีแม่หนูน้อยอยู่ น่าจะสลัดเจ้าผึ้งตัวใหญ่นั่นได้แล้วกระมัง!
พอคิดถึงเซียวยวี่ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวอีกครั้ง จับริมฝีปากบวมแดงอย่างอดไม่ได้ หัวใจของเซี่ยยวี่หลัว เต้นแรงราวกับรัวกลองก็มิปาน
“พี่สะใภ้ใหญ่ ทำไมหน้าของท่านถึงแดงอีกแล้วเจ้าคะ? ” เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ระยะนี้พี่สะใภ้ใหญ่ช่างประหลาดนัก หากไม่ใช่ปากบวม ก็หน้าแดงเป็นประจำ หรือจะเป็นเพราะร่างกายไม่สบาย?
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกกระดากอายนัก ได้แต่ทำเป็นพูดเปลี่ยนเรื่อง “อยากฟังนิทานไม่ใช่หรือ? วันนี้พี่สะใภ้ใหญ่เล่านิทานเรื่องมนุษย์ขนมขิงดีหรือไม่? ”
เด็กเล็กนั้นหลอกง่าย หลอกง่ายกว่าเซียวจื่อเซวียนมากนัก พอได้ยินว่าจะได้ฟังนิทาน เซียวจื่อเมิ่งก็ลืมเรื่องที่เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่ถึงหน้าแดงไป พิงอยู่ในอ้อมอกเซี่ยยวี่หลัวด้วยความตื่นเต้นดีใจ ฟังนิทานอย่างมีความสุข
เซียวจื่อเซวียนล้างชามเสร็จ จึงตามเข้าไปด้วย เขาเองก็ชอบฟังนิทานเช่นกัน
เขาคลานขึ้นเตียง นั่งอยู่ตรงริมเตียง ตั้งอกตั้งใจฟังเซี่ยยวี่หลัวเล่านิทาน
เซียวยวี่ไปซักผ้าปูที่นอน หลังจากตากผ้าปูที่นอนแล้ว เขาก้าวเท้าเดินไปทางห้องของเซี่ยยวี่หลัว
พอเปิดประตู ศีรษะทั้งสามและดวงตาทั้งหกต่างหันมองมาทางเขา รอยยิ้มตรงมุมปากของเซียวยวี่พลันหายไป…
คนเยอะถึงเพียงนี้ คิดว่าอยู่ในตลาดหรืออย่างไร?
“พี่ใหญ่ ท่านรีบมาฟังนิทานสิเจ้าคะ นิทานเรื่องมนุษย์ขนมขิง สนุกมากเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งเห็นพี่ใหญ่มาแล้ว จึงกวักมือเรียกอย่างมีความสุข
เซียวยวี่ “…” เขาไม่อยากฟังนิทาน เขาอยากให้พวกเจ้าไปให้พ้นเสีย
ทว่า เขายังคงเดินเข้าไป นั่งลงข้างโต๊ะอย่างเงียบสงบ
ฟังนิทานจบ เซี่ยยวี่หลัวลงจากเตียงก่อน ไปยังห้องเล็ก
เป็นช่วงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแถบผ้าซับเป็นประจำ
เซียวจื่อเซวียนลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว กลับไปนอนด้วยความรู้สึกเสียดาย เพิ่งเดินไปเพียงสองก้าว ก็ได้ยินพี่ใหญ่เอ่ยถาม “เจ้าลืมอะไรหรือไม่? ”
เซียวจื่อเซวียนได้ฟังดังนั้น หันกลับไปมองบนเตียง เขาไม่ได้ทิ้งอะไรไว้นี่นา?
“ไม่มีขอรับ ของของข้ายังอยู่ครบ! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าว บนตัวเขาก็ไม่มีข้าวของอะไรนี่นา!
เซียวจื่อเมิ่งนอนลงแล้ว
“พาจื่อเมิ่งกลับไป! ” เซียวยวี่กล่าว
เซียวจื่อเมิ่งได้ฟังดังนั้น ก็คัดค้านทันที “ข้าไม่ไปเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้นอนกับพี่สะใภ้ใหญ่นานแล้ว”
“พี่สะใภ้ใหญ่ไม่สบาย รอให้นางหายแล้วเจ้าค่อยมา” เซียวยวี่พยายามกล่าวกับนางดีๆ
เซียวจื่อเมิ่งเป็นเด็กว่าง่าย พอได้ยินว่าพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่หาย จึงรีบลงจากเตียง ตามเซียวจื่อเซวียนไปด้วย
“เช่นนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ต้องรีบหายดี ข้ายังอยากนอนกับพี่สะใภ้ใหญ่อีกเจ้าค่ะ! ” ระหว่างที่เซียวจื่อเมิ่งไป ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น
เซียวยวี่ไม่ได้กล่าวอะไร
คิดจะกลับมาแย่งภรรยาของเขาอีก? นับแต่วันนี้ไป อย่าแม้แต่จะคิดเลย
เซี่ยยวี่หลัวเปลี่ยนเสร็จแล้ว ตอนออกมาจากห้องเล็ก ก็เห็นเพียงเซียวยวี่ที่นั่งอ่านตำราอยู่ข้างโต๊ะ
เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวออกมา เซียวยวี่รีบวางตำราลง เดินเข้าไปหาด้วยใบหน้ายินดี
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรู้สึกขัดเขินก่อนหน้านี้หายไปจนสิ้น
รู้เพียงแค่ว่าผึ้งนั้นไม่อาจแยกจากเกสรดอกไม้ เซียวยวี่เดินเข้าไปหาก่อนกอดนางไว้ในอ้อมอก จุมพิตเกสรดอกไม้นั่นอีกครั้ง
เก็บเกสรไม่หยุด จุมพิตจนเซี่ยยวี่หลัวหายใจไม่ออก
จุมพิตนี้ แฝงเร้นด้วยความปรารถนา แต่ก็เหมือนจะเป็นการลงโทษด้วย
“รู้หรือไม่ว่าผิดเรื่องอะไร? ” ในที่สุดเซียวยวี่ก็ปล่อยเซี่ยยวี่หลัว เอ่ยถามเสียงเบาข้างหูนาง
เขารังแกคนจนเคยชิน รู้ว่านางไม่อาจทนต่อการหยอกเย้าเช่นนี้ได้
น้ำเสียงของเซียวยวี่น่าหลงใหลประหนึ่งมหาสมุทรกว้าง ทำให้เซี่ยยวี่หลัวยินยอมจะจมดิ่งลงไป
“เรื่องอะไรหรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวพิงอยู่ตรงอกเซียวยวี่ หางเสียงแผ่วเบามีเสน่ห์ชวนหลงใหล
“ตำราที่คัดให้พี่เซียวยิง เงินที่ให้ท่านอาเซียวเหลียงส่งไป เหตุใดถึงไม่กล่าวตามจริง ว่าเจ้าเป็นคนทำ? ” เซียวยวี่แทบอยากบดนางให้ละเอียด แล้วหลอมรวมเข้ามาในเลือดเนื้อและกระดูกของเขาเสีย
การกระทำของนาง ทำให้เขารู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก