ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 389 ชีวิตที่มีความฝัน ถึงจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 389 ชีวิตที่มีความฝัน ถึงจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์
ภายในหมู่บ้านเหมือนจะเงียบสงบ ชาวบ้านในหมู่บ้านออกมาทำงานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และพักผ่อนเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ราวกับว่าชีวิตประจำวันยังคงเหมือนเดิม
เซียวจิ้งยี่กำลังเดินไปทางบ้านเซียวจินด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
เรื่องที่ให้เด็กในหมู่บ้านเรียนหนังสือ เขาคิดมานานแล้ว เพิ่งนึกถึงคนหนึ่งขึ้นมาได้
ถึงแม้จะสอบเป็นซิ่วไฉไม่ได้ แต่ทุกคนก็เห็นความสามารถของเขา เซียวยวี่เองก็ไม่เล่าเรียนแล้ว เปิดสถานศึกษาเอกชนแห่งหนึ่ง หากสอนได้ดี ต่อไปไม่แน่ว่าสามารถหาเงินด้วยลู่ทางนี้ได้!
พอเซียวจิ้งยี่คิดถึงเซียวยวี่ ก็หารือกับบิดามารดาของเด็กๆ ทันที พอบิดามารดาของเด็กๆ ได้ยินว่าให้เซียวยวี่สอน เดินจากบ้านของเด็กคนแรกจนถึงคนก่อนสุดท้าย ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย ล้วนยินยอมให้เซียวยวี่สอนบุตรของพวกเขา
บัดนี้เหลือเพียงบ้านสุดท้าย
บ้านสุดท้ายนั้นจัดการได้ยาก เซียวจิ้งยี่ไม่อาจคาดเดาได้
และแล้ว พอได้ยินเขาบอกว่าจะให้เซียวยวี่สอนเด็กๆ เรียนหนังสือ เซียวจินแทบกระโดดขึ้น
“เซียวยวี่สอน? เขาจะสอนให้ดีได้หรือ? ”
เซียวจิ้งยี่พยายามกล่าวด้วยวาจาน่าฟัง “เขาเล่าเรียนมานานหลายปี เรื่องความสามารถและความรู้นั้นไม่ต้องกล่าวถึง สอนเด็กๆ ให้ในบทเรียนแรกเริ่ม ย่อมเป็นเรื่องง่ายมาก! ”
เซียวจินหัวเราะอย่างเย็นเยียบ
เถียนเอ๋อที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะอย่างเย็นเยียบพร้อมกล่าว “ตัวเขาเองยังสอบเป็นซิ่วไฉไม่ได้เลย! เขามีความสามารถหรือ? อย่ามาสอนลูกข้าให้เสียเลย! ”
รอยยิ้มบนใบหน้าเซียวจิ้งยี่พลันแข็งทื่อ!
เถียนเอ๋อกำลังโบกพัด เซียวต้าหมินนั่งพาดขากินแตงโมอยู่บนเตียง พัดของเถียนเอ๋อเอียงออก พัดไม่โดนเขา เซียวต้าหมินก็โวยวายทันที “ท่านพัดไปที่ไหนกัน? ”
เถียนเอ๋อรีบโบกพัดให้เขาต่ออย่างลนลาน หยุดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!
“เจ้าว่าเซียวยวี่สอนไม่ได้? เขาสอนไม่ได้แล้วเจ้าสอนได้หรือ? ต่อให้เขาใช้นิ้วเท้าสอนเด็กก็ยังสอนได้ดีกว่าเจ้า! ” เซียวจิ้งยี่ลุกพรวดขึ้นดังตึ้ง พร้อมตะคอกใส่
เด็กอายุสิบกว่าขวบแล้ว อายุเท่าเซียวจื่อเซวียน ดูสิว่าเซียวจื่อเซวียนว่าง่ายรู้ความเพียงใด แล้วลองดูเซียวต้าหมิน… ถูกบิดามารดาเขาตามใจจนเสียคนแล้ว!
หลังจากไปมาทุกบ้าน ทุกคนล้วนเห็นด้วยที่จะให้เซียวยวี่สอน มีเพียงสามีภรรยาเซียวจินที่ไม่เห็นด้วย เซียวจิ้งยี่โมโหแทบตาย “นี่เป็นผลจากการปรึกษาหารือของทุกคน ทุกคนล้วนเห็นด้วยที่จะให้เซียวยวี่สอน หากเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็ไม่มีวิธีอื่น ในหมู่บ้านสกลุเซียว ข้าก็ไม่อาจหาอาจารย์ที่ดีกว่าเซียวยวี่ได้แล้ว เจ้าส่งต้าหมินของเจ้าไปเล่าเรียนในตัวเมืองเถอะ อาจารย์ที่นั่นต้องสอนได้ดีกว่าแน่! ”
เด็กที่บิดามารดาเช่นนี้คอยสอนสั่ง ไม่สอนก็ช่าง เซียวยวี่เองก็จะได้ไม่ต้องสอนอย่างลำบากใจ
กล่าวจบ ก็เดินไปโดยไม่หันหลังกลับด้วยซ้ำ
เถียนเอ๋อเห็นเขาไปจริง ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย “นี่พ่อต้าหมิน หากไม่ส่งต้าหมินไปเล่าเรียนกับเซียวยวี่ พวกเราจะส่งต้าหมินไปเรียนในตัวเมืองจริงหรือ? ”
เซียวจินไม่อาจกล้ำกลืนฝืนทนความโมโหได้ “ทำไมจะไม่ได้? บ้านเราไม่ขาดเงินเรียนเสียหน่อย? เจ้าตระเตรียมให้ต้าหมิน อีกสองวันพวกเราไปเรียนหนังสือในตัวเมือง! ”
“เช่นนั้นจะให้ลูกอยู่ที่ไหน? ”
“ในสถานศึกษามีที่กินที่อยู่ไม่ใช่หรือ? พวกเราให้ต้าหมินอยู่ที่สถานศึกษา! ”
“แต่เช่นนี้ต้องใช้เงินมากเพียงใดกัน? ” เถียนเอ๋อรู้สึกเสียดายเงิน
เซียวจินยิ้มอย่างเย็นเยียบพร้อมกล่าว “จะเสียเงินมากเท่าไรเชียว? ข้าทนความโมโหนี้ไม่ได้ เซียวยวี่ เซียวยวี่ คนไร้ประโยชน์ที่สอบเป็นซิ่วไฉไม่ได้ ยังจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่นี่ ถุย! ข้าจะส่งต้าหมินไปเรียนหนังสือในตัวเมือง ถึงเวลาลองดูแล้วกัน ว่าเด็กที่เซียวยวี่สอนออกมา มีคนไหนบ้างที่จะเทียบกับต้าหมินของเราได้”
เถียนเอ๋อได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจแล้ว “จริงด้วย จริงด้วย เขาเองเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ถึงเวลาเด็กที่เขาสอนออกมามีความสามารถสิถึงจะแปลก”
เซียวจิ้งยี่นำความเห็นของทุกคนไปบอกเซียวยวี่
พอเซียวยวี่ได้ฟังว่าให้เขาไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ก็เกิดความลังเลขึ้น “นับแต่โบราณมา ในต้าเยว่นั้นมีเพียงบัณฑิตที่สอบผ่านซิ่วไฉถึงจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือได้ แต่ข้า…”
เซียวจิ้งยี่กล่าวเป็นเชิงปลอบใจ “ดูเจ้าสิ จะกลัวอะไร ถึงแม้เจ้าจะสอบไม่ผ่านไม่ได้เป็นซิ่วไฉ แต่เจ้าก็มีความสามารถ เจ้าร่ำเรียนมานานหลายปี สอนเด็กจำนวนหนึ่งในบทเรียนแรกเริ่ม ก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือไม่ใช่หรือ? ”
เซียวยวี่ยังคงกังวล “แต่ข้า…” เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะสอนได้ดี
เซียวจิ้งยี่เห็นเขากังวลเรื่องนั้นวิตกเรื่องนี้ ก็ทอดถอนใจก่อนกล่าว “อายวี่ ไม่ใช่ข้าจะว่าเจ้า นี่เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง เจ้าอย่าคิดอีกเลย ถึงแม้เจ้าจะสอบไม่ผ่านซิ่วไฉ แต่เจ้ามีความสามารถนี้ หากต่อไปเด็กๆ ที่เจ้าสอนประสบความสำเร็จ ต่อให้เจ้าไม่มีฐานะซิ่วไฉแล้วอย่างไร ก็ยังสอนได้ดีกว่าเหล่าซิ่วไฉไม่ใช่หรือ? ”
เซียวยวี่ได้ฟังดังนั้น ไม่ได้กล่าวอะไรอีก
เซียวจิ้งยี่กล่าวต่อ “ต่อไปหากชื่อเสียงแพร่ออกไป เจ้าก็จะไม่ได้มีนักเรียนแค่หกคนนี้ ถึงเวลา สถานศึกษาเอกชนของเจ้าใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านแล้ว เจ้าว่าถูกหรือไม่? ”
คราวนี้เซียวยวี่ไม่ลังเลอีก พยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง “ได้! ” ขอเพียงสามารถหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว ไม่ให้อาหลัวลำบากถึงเพียงนั้น ให้เขาทำอะไรเขาก็ยินยอม
เซียวจิ้งยี่หัวเราะพลางตบไหล่เซียวยวี่ “เช่นนั้นก็ดี ตกลงตามนี้ เรื่องห้องเรียนข้าก็คิดไว้แล้ว บ้านข้ามีเรือนสองห้องที่ว่างอยู่ ในนั้นไม่มีอะไรแม้แต่อย่างเดียว ให้เจ้าใช้ได้พอดี! ”
เซียวยวี่รู้สึกตื้นตันยิ่งนัก “ขอบคุณมากขอรับหัวหน้าหมู่บ้าน”
“ขอบคุณอะไร เรื่องที่ข้าต้องขอบคุณเจ้ายังมีอีกมาก การเรียนของเด็กหกคนในหมู่บ้านของเรา ต้องไหว้วานเจ้าแล้ว บิดามารดาของพวกเขาก็ไม่ได้คิดอยากให้เด็กเหล่านี้สอบเป็นซิ่วไฉในอนาคต แค่รู้หนังสือบ้าง ไม่เป็นคนไม่รู้หนังสือเลยก็พอแล้ว”
เซียวยวี่ส่งเซียวจิ้งยี่ออกไป ก็ยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง นิ่งอึ้งเล็กน้อย จากนั้น ความรู้สึกยินดีพลันประดังเข้ากลางใจ เซียวยวี่ไปหาเซี่ยยวี่หลัวด้วยความดีอกดีใจ
เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวกำลังนอนหลับกับเซียวจื่อเมิ่ง เซียวยวี่ผลักเปิดประตูเข้าไปทันที
นางนอนอยู่ขอบนอก นอนตะแคงหันหน้ามาทางเซียวยวี่พอดี กำลังนอนหลับสนิท
เซียวยวี่ย่อตัวลง มองดูใบหน้ายามนอนหลับของเซี่ยยวี่หลัว อารมณ์ดีเสียยิ่งกว่าอะไร จู่ๆ ก็นึกอยากแกล้งนางขึ้นมา
เขาบีบปลายจมูกของเซี่ยยวี่หลัวไว้เบาๆ
เซี่ยยวี่หลัวหายใจไม่ออก สูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง จึงสะดุ้งตื่น เพิ่งอ้าปาก จู่ๆ เซียวยวี่ก็ขยับเข้าไปหา จุมพิตริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำ ไม่มีอะไรขวางกั้น ลิ้นยาวจึงสอดแทรกเข้าไป เกี่ยวกระหวัดริมฝีปากและลิ้นของเซี่ยยวี่หลัวก่อนดูดดึงเข้าไปลึก
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งตื่น ยังสะลึมสะลือ ตอบรับริมฝีปากและลิ้นของเซียวยวี่ เกี่ยวกระหวัดคลอเคลียกับเขา
ลืมเรื่องที่ข้างหลังตัวเองยังมีเซียวจื่อเมิ่งนอนอยู่ไปเสียสนิท
เซียวยวี่ปล่อยเซี่ยยวี่หลัวออก เซี่ยยวี่หลัวยังอยู่ในอาการสติเลื่อนลอยเล็กน้อย
พอลืมตาแล้วพบว่าตอนนี้อยู่ในห้องของนาง นางพลิกตัวตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นคนตัวเล็กที่ยังนอนหันหลังอยู่ข้างๆ นาง เซี่ยยวี่หลัวก็ลุกพรวดขึ้นทันที เกือบจะส่งเสียงออกมา
“เซียวยวี่ เจ้า…” พอเซี่ยยวี่หลัวคิดว่าการกระทำเหลวไหลระหว่างนางกับเซียวยวี่เมื่อครู่นี้ อาจโดนเซียวจื่อเมิ่งเห็นเข้า เซี่ยยวี่หลัวก็อายจนหน้าแดงถึงหู รีบสวมใส่รองเท้าอย่างร้อนรน
เพิ่งสวมรองเท้าเสร็จ ก็ถูกเซียวยวี่ดึงออกไปข้างนอกแล้ว
ใต้ชายคามีสายลมพัดผ่าน ข้างนอกอากาศร้อนจนแทบหายใจไม่ออก แต่ต่อให้ร้อนเพียงใด เซียวยวี่ก็รู้สึกว่าไม่ร้อนรุ่มเท่าหัวใจของเขา
เขาดึงเซี่ยยวี่หลัวกลับไปยังห้องของตัวเอง เพิ่งเข้าไป เซียวยวี่ก็ลงกลอนประตู ใช้ร่างกายตัวเองดันนางเข้าหาประตู มือขวาประคองท้ายทอยเซี่ยยวี่หลัวไว้ มือซ้ายโอบเอวบางของนาง ร่างกายของทั้งสองคนแนบติดกัน เซียวยวี่ไม่สนใจสิ่งอื่นใด จุมพิตอีกครั้ง
เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะคำนึงถึงเซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ เขาคงสอดเข้าไปลึกยิ่งขึ้น จุมพิตนานขึ้นอีก
เซี่ยยวี่หลัวเพียงรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่สะดวก หัวใจเต้นอย่างรุนแรง ราวกับจะกระโดดออกมาจากช่องอกอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนระทวยราวกับเหลวเป็นน้ำ หากไม่ใช่เพราะเซียวยวี่กดนางไว้กับประตู เกรงว่าคงนองอยู่บนพื้นนานแล้ว
เซียวยวี่เองก็ไม่ได้ดีกว่ากันมากนัก ร่างกายร้อนรุ่ม ประหนึ่งมีไฟแผดเผาร่างกายของเขาอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่แทบจะถึงขีดจำกัดแล้ว กลับยังไม่อาจตัดใจจากความหวานละมุนอ่อนนุ่มนั่น
แทบอยากแปลงกายเป็นหมาป่า กลืนกินความหอมหวานและตัวนางลงไปทั้งกระดูก
ไม่รู้ว่าจุมพิตนี้คงอยู่นานเพียงใด นานจนร่างกายของทั้งสองคนอ่อนระทวยราวกับเพียงดึงทึ้งเบาๆ ก็อาจแตกสลายได้ เซียวยวี่โอบกอดนางไว้ในอ้อมอก กดไว้กับประตู คอยปรับลมหายใจอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของเขาร้อนรุ่มราวกับเป็นเหล็กตีตราก็มิปาน ถึงแม้เขาอยากแนบชิดกับเซี่ยยวี่หลัว แต่พอคิดถึงสิ่งผิดปกติของตนเอง ก็ได้แต่ถอยหลังเล็กน้อยด้วยท่าทางแข็งทื่อ
เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันเห็น นางพิงอยู่ตรงอกเซียวยวี่ สัมผัสถึงเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างรุนแรง ราวกับรัวกลองก็มิปาน ดัง “ตึกตึกตึก” ไม่หยุด
ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบสภาวะอารมณ์ได้ เซียวยวี่จึงพานางไปยังห้องหนังสือ
หากยังอยู่ในห้องต่อ เขาเกรงว่าตัวเองคงได้เสียสติจริงๆ
ทั้งสองคนนั่งคุกเข่าลงบนฟูก นั่งหันหน้าเข้าหากัน เซี่ยยวี่หลัวหยิบกาน้ำขึ้นมา รินน้ำคนละหนึ่งถ้วย
ไม่มีแก่ใจจะสนใจว่าน้ำนี่เย็นหรือไม่ อย่างไรเสียก็ต้องรีบดับไฟก่อน
ทั้งสองคนดื่มสองถึงสามถ้วยติดต่อกัน น้ำในกาน้ำหมดแล้ว สภาวะจิตใจของเซียวยวี่สงบลง จึงกล่าว “อาหลัว หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่าในหมู่บ้านมีเด็กหลายคนอยากเรียนหนังสือ ให้ข้าเป็นอาจารย์สอนหนังสือ เจ้าคิดว่าได้หรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัววางถ้วยน้ำชาลง ตอบโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “ได้แน่นอน นี่เป็นเรื่องดี! ”
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม เขารู้ ไม่ว่าเขาอยากทำอะไร นางก็จะไม่คัดค้าน เว้นแต่เรื่องที่จะไม่เล่าเรียนต่อ
เหมือนเรื่องที่เขาจะไปปลูกพืชผล ทำได้ แต่ต้องปลูกพืชผลและเล่าเรียนไปด้วย
และแล้ว…
“แต่นอกจากสอนหนังสือ เจ้าห้ามทำเรื่องอย่างอื่นอีก เวลาว่างก็ต้องอ่านตำราดีๆ อย่าให้เรื่องอื่นทำให้เสียสมาธิ! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
เซียวยวี่ส่ายหน้าพลางยิ้มขม “…ได้”
เขาชอบอ่านตำราแน่นอน แทบอยากอยู่กับตำราทุกวัน
ภายในใจเขามีอุดมการณ์กว้างไกล นางเข้าใจเขา และคอยเคี่ยวเข็ญเขา ให้มุ่งตรงไปยังความฝันของตัวเอง
ชีวิตที่มีความฝัน ถึงจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ตัวนางราวกับเป็นแสงสว่าง นำพาเขาให้เดินออกจากความมืดมิดและหมอกควัน นำทางเขาให้มุ่งตรงสู่แสงสว่างและความหวัง
“อาหลัว…” เซียวยวี่เอ่ยเรียกชื่อนางเบาๆ กล่าวเสียงเบาราวกับเสียงในความฝันก็มิปาน “ข้าเซียวยวี่มีความดีความสามารถเช่นไร ถึงได้มีภรรยาที่ดีเยี่ยงเจ้า! ”
สายลมพัดเบา เป่าเสียงพึมพำเบาของเซียวยวี่ให้กระจายหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ภายในใจเซียวยวี่ เซี่ยยวี่หลัวกลายเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในร่างกายเขาแล้ว ชั่วชีวิตนี้ ไม่อาจแยกจากได้อีก!