ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 390 ทำความสะอาดสถานศึกษา
เรื่องห้องเรียนถูกกำหนดไว้แล้ว เซียวจิ้งยี่มอบกุญแจเรือนสองห้องที่ไม่มีคนอยู่ให้เซียวยวี่
ทั้งสี่คนนำไม้กวาด ถังน้ำ และผ้าขี้ริ้วในบ้านไปทำความสะอาด
เรือนหลังนี้ของเซียวจิ้งยี่ มีห้องเพียงสองห้อง ด้านหลังมีสุขาหนึ่งห้อง ด้านหน้าเป็นลานบ้าน ปลูกต้นพุทราไว้หนึ่งต้น คาดว่าต้นพุทรานี้มีอายุหลายปีแล้ว บนนั้นมีพุทราออกผลเต็มต้น ใบไม้ก็ขึ้นอย่างหนาทึบ
ทั้งสองห้องว่างเปล่า ในนั้นไม่มีอะไรแม้แต่อย่างเดียว เช่นนี้ทำความสะอาดง่าย
ทั้งสี่คนแบ่งงานกันทำ เซียวจื่อเซวียนรับผิดชอบหาบน้ำ เซียวยวี่รับผิดชอบทำความสะอาดหยากไย่บนเพดาน เซียวจื่อเมิ่งรับผิดชอบทำความสะอาดลานบ้าน เซี่ยยวี่หลัวรับผิดชอบทำความสะอาดฝุ่นผงภายในเรือน
เซียวยวี่ตัวสูงมาก ทว่า ถึงแม้จะถือไม้กวาดไว้ ก็ยังอยู่ห่างจากเพดานอีกมาก ได้แต่ใช้เก้าอี้หนึ่งตัว เหยียบบนนั้นเพื่อทำความสะอาด
เซี่ยยวี่หลัวกวาดพื้นอยู่ข้างๆ หันมองเซียวยวี่ทำความสะอาดเพดานเป็นครั้งคราว พร้อมกับกล่าวกำชับ “เจ้าระวังหน่อย”
เซียวยวี่ยิ้ม “เข้าใจแล้ว”
เซียวยวี่ระวังมากจริงๆ แต่เมื่อเห็นอาหลัวที่คอยส่งสายตาเป็นห่วงมาเป็นครั้งคราว ภายในใจก็รู้สึกดียิ่งนัก อาหลัวช่างเอาใจใส่เขาจริงๆ!
“อาหลัว…” จู่ๆ เซียวยวี่ก็โยนไม้กวาดทิ้งไป พร้อมตะโกนเรียก
เซี่ยยวี่หลัวถึงกับตกใจสะดุ้ง โยนของในมือทิ้งก่อนวิ่งมาหา “เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น? “
“อาหลัว มีฝุ่นเข้าตา! ” เซียวยวี่ใช้มือปิดตาขวาไว้ กล่าวด้วยท่าทางทรมาน
“รีบเอามือออก ให้ข้าดูก่อน! ” เซี่ยยวี่หลัวดูตาของเซียวยวี่
มีของเข้าตาไม่ใช่หรือ? ตาแดงแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกสงสารยิ่ง “ข้าจะเป่าให้เจ้า แล้วเจ้าค่อยกะพริบตาอีกสองครั้ง! “
เซียวยวี่ไม่ขยับเขยื้อน โน้มตัวปล่อยให้เซี่ยยวี่หลัวเลิกหนังตาของเขาขึ้น ก่อนบุ้ยปากเป่าไปทางตาของเขา
ริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำ ประหนึ่งดอกกุหลาบเลื้อยสีแดงสดที่เบ่งบานอยู่ในสวนหลังบ้านช่วงฤดูร้อน รวมถึงกลิ่นหอมสดชื่นบนกายนางยามได้อยู่ใกล้ พอได้กลิ่นก็ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
เซียวยวี่ก้มหน้า งับริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำไว้…
“ตาของเจ้า…” เซี่ยยวี่หลัวผลักเขาออก กล่าวด้วยความเห็นใจ
เซียวยวี่ไม่สนใจแม้แต่น้อย “ไม่เป็นอะไร คราวนี้มันไม่มีประโยชน์” จะจุมพิต ปากต่างหากที่ต้องใช้ ส่วนตาแค่หลับตาไว้ก็พอ! ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีตาของเขาก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว
เซี่ยยวี่หลัว “…อือ”
วาจาของท่านราชบัณฑิตน้อยเหมือนจะกล่าวไม่ผิด เพียงแต่ เหตุใดนางถึงรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอกให้ติดกับเล่า?
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ น้ำมาแล้วขอรับ…” เซียวจื่อเซวียนตะโกนจากด้านนอก
เซี่ยยวี่หลัวลนลาน ออกแรงผลักเซียวยวี่ออก
เซียวจื่อเซวียนผลักเปิดประตูเข้ามา คิดแต่จะหาบน้ำ ไม่ทันเห็นทั้งสองคนที่แยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว
เห็นเพียง…
“พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดใบหน้าของท่านถึงแดงขนาดนั้นขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
เซี่ยยวี่หลัวขานตอบทีหนึ่ง “อากาศร้อนเกินไป ร้อนจนหน้าแดง”
“พี่ใหญ่ เหตุใดใบหน้าของท่านถึงแดงเช่นกันขอรับ? ” หันมองใบหน้าของพี่ใหญ่ เป็นสีแดงเหมือนผลผิงโผกั่วเช่นกัน เช่นนี้แดงเกินไปแล้วกระมัง!
“ข้าก็รู้สึกว่าร้อนเกินไป” เซียวยวี่พยักหน้าพลางกล่าว
เซียวจื่อเซวียนหันมองสภาพอากาศภายนอก วันนี้เป็นวันฟ้าครึ้ม! ต่อให้ร้อน ก็ไม่น่าจะร้อนจนหน้าแดงขนาดนี้กระมัง!
ทว่า พี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากมากเป็นแน่
ดังนั้น นับตั้งแต่เวลานี้ไป เซียวจื่อเซวียนก็คอยอยู่ช่วยเซี่ยยวี่หลัวตลอด เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกที่ทำความสะอาด จวบจนออกจากเรือนหลังนั้น เซียวจื่อเซวียนอยู่ในสายตาเซี่ยยวี่หลัวตลอด มีงานหนักอะไรเขาก็แย่งทำทั้งหมด ท่าทางเหมือนกลัวว่าเซี่ยยวี่หลัวจะเหนื่อยเกินไปอย่างไรอย่างนั้น
เซียวยวี่ที่เดิมทีคิดจะฉวยโอกาสตอนทำความสะอาดเพื่อทำอะไรอีก นับตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีโอกาสอีกเลย
ขอเพียงเขาคิดจะทำอะไร เซียวจื่อเซวียนก็จะพุ่งพรวดออกมา “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านวางของลง ข้านำไปทิ้งเองขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านดื่มน้ำก่อน ข้าเช็ดเองขอรับ…”
เจ้าเด็กนี่ ตามราวีไม่เลิกเสียจริง!
เซียวยวี่ที่รู้สึกอัดอั้นตันใจ ได้แต่จ้องมองเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างหน้าโดยมีคนล้อมด้านซ้ายหนึ่งคนด้านขวาหนึ่งคน เขาไม่มีทางแทรกเข้าไปได้เลย เฮ้อ เหมือนว่าเขาจะไม่ได้จูงมือภรรยาตัวเองมานานแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการลิ้มลองริมฝีปากหอมหวานนั่น…
มีเด็กเพียงหกคน บวกกับเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่ง นั่งโต๊ะละสองคน บวกกับโต๊ะที่อาจารย์ใช้ ต้องใช้โต๊ะห้าตัว เก้าอี้เก้าตัว ทั้งยังต้องซื้อพู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึก รวมทั้งตำราสำหรับสอนเด็กๆ ในบทเรียนแรกเริ่ม สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องไปซื้อในตัวเมือง
เช้าวันรุ่งขึ้น เซียวยวี่และเซี่ยยวี่หลัวจึงตื่นแต่เช้า บอกกล่าวกับเด็กสองคน เหลืออาหารไว้ในหม้อ จากนั้นทั้งสองคนจึงเข้าไปในตัวเมืองด้วยความเร่งรีบ
ฟ้าเพิ่งสว่าง ทั้งคู่ก็มาถึงเมืองโยวหลันแล้ว
ทั้งสองคนไปยังร้านขายเครื่องเรือน ซื้อโต๊ะห้าตัว เก้าอี้สิบตัว ก่อนจะไปซื้อตำราจำนวนหนึ่งที่ร้านขายตำรา
ตอนนี้เซี่ยยวี่หลัวยังแต่งชุดสตรีอยู่ ย่อมอยากไปที่ร้านหนังสือซิงหลง แต่เซียวยวี่กลับกล่าว “เถ้าแก่ห้องหนังสือซานเว่ยเป็นบัณฑิต ต้อนรับลูกค้าอย่างมีมารยาท ข้าเคยซื้อของที่เขาสองหน เป็นบัณฑิตที่สนทนาด้วยง่าย ที่เขาก็มีตำราจำนวนมาก ถ้าอย่างไรเราไปซื้อที่เขาดีหรือไม่? “
เซี่ยยวี่หลัวมองดูเสื้อผ้าบนกายตัวเอง ได้แต่พยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้นก็ได้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร ถ้าอย่างไรข้ารอเจ้าอยู่ข้างนอกก็แล้วกัน! “
เซียวยวี่รู้ว่าภรรยาของตัวเองชอบตำรา บัดนี้จะไปร้านขายหนังสือกลับบอกว่าไม่เข้าไป จึงรู้สึกประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ แต่เขาไม่ได้คิดมาก เพียงคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่อยากเข้าไป จึงไม่ได้กล่าวอะไร
เมื่อถึงหน้าประตูห้องหนังสือซานเว่ย เซี่ยยวี่หลัวเดินตรงไปยังร้านขายน้ำชาข้างๆ สั่งน้ำชาสองถ้วย ขนมหนึ่งจาน นั่งรอเซียวยวี่ตรงปากทาง
เซียวยวี่เข้าไปในห้องหนังสือซานเว่ย หลิ่วสวินเหมี่ยวเดินมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ที่แท้ก็เป็นคุณชายนี่เอง? “
“เถ้าแก่รู้จักข้าหรือ? ” เซียวยวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“รู้จักแน่นอน คุณชายเคยมาที่ร้านข้าสองหนแล้ว ย่อมจำได้อย่างแม่นยำ” หลิ่วสวินเหมี่ยวยิ้มพร้อมกล่าว
จะไม่ให้จำได้ได้อย่างไร?
คุณชายตรงหน้า บุคลิกดูดี รูปลักษณ์หล่อเหลา บนกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายงามสง่าของบัณฑิต บุคคลเช่นนี้ เคยพบสองครั้ง ใครเล่าจะลืมได้?
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม “เถ้าแก่ช่างมีความจำดีเสียจริง”
“ครั้งนี้คุณชายอยากซื้อตำราอะไรหรือ? ” หลิ่วสวินเหมี่ยวคอยดูแลลูกค้าอยู่ข้างๆ “ซีโหยวจี้เล่มสามออกมาแล้ว คุณชายจะเอาหรือไม่? “
พอได้ยินว่าซีโหยวจี้เล่มสุดท้ายออกมาแล้ว เซียวยวี่จึงพูดโพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น “เอาเอาเอา! ให้ข้าเล่มหนึ่ง! ” เขารอมานานมากแล้ว ตำราที่อ่านไม่จบ ทำให้รู้สึกจิตใจว้าวุ่น กระวนกระวายใจ แทบอยากอ่านตำราให้จบในคราเดียว
หลิ่วสวินเหมี่ยวหยิบตำราเล่มสุดท้ายบนชั้นวางออกมา “คุณชายมาถูกเวลามากทีเดียว นี่อย่างไร นี่คือเล่มสุดท้าย หากซื้อครั้งนี้ไม่ทัน ก็ต้องรออีกสิบวัน! “
เซียวยวี่ลูบตัวหนังสือสามตัวที่งดงามประหนึ่งมังกรบินเหินหงส์ร่ายระบำบนปก รู้สึกตื่นเต้นราวกับในใจมีคลื่นน้ำถาโถมไม่หยุด