ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 402 นางคงไม่ได้เจอกับท่านราชบัณฑิตน้อยตัวปลอมกระมัง
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 14 บทที่ 402 นางคงไม่ได้เจอกับท่านราชบัณฑิตน้อยตัวปลอมกระมัง
ผลักเปิดประตูห้อง ในยามนี้ ไอร้อนจากช่วงกลางวันหายไปจนสิ้น ต่อให้เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของฤดูร้อน แต่หากอยู่ท่ามกลางภูเขา เมื่อถึงช่วงค่ำก็จะค่อนข้างเย็นสบาย
เซี่ยยวี่หลัวคลุมเสื้อไว้ตัวหนึ่ง ปิดประตูห้องเบาๆ
เมื่อเห็นว่าไฟในห้องหนังสือของเซียวยวี่ยังสว่างอยู่ แม้เซี่ยยวี่หลัวจะไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใด แต่ในเมื่อไฟยังสว่างอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องดี
เซียวยวี่คงไม่ใช่ว่ากำลังอดนอนเพื่ออ่านตำราอีกแล้วกระมัง!
เซี่ยยวี่หลัวโมโหเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ไม่นานนางเพิ่งว่ากล่าวเขาไปหนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะไม่สนใจคำพูดของนาง
เดิมทีคิดจะว่ากล่าวเซียวยวี่อีกสักหนหนึ่ง แต่พอถึงห้องหนังสือ เห็นเซียวยวี่ที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ วาจาที่ถึงปากแล้วกลับกล่าวไม่ออก เหลือไว้เพียงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
“เซียวยวี่…” เซี่ยยวี่หลัวเดินขึ้นหน้า ปลุกเขาให้ตื่นเสียงเบา
เซียวยวี่ครุ่นคิดเรื่องที่จะทำอย่างไรให้อาเมิ่งนอนคนเดียวอยู่ตลอด อาจเพราะคิดอยู่นาน ไม่ทันระวังจึงนอนหลับไป ระหว่างที่สะลึมสะลือรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอาหลัวกำลังเรียกเขา เซียวยวี่จึงตื่นขึ้นมาทันที
“อาหลัว…” ไม่ได้ฝันไป อยู่ที่นี่จริงๆ!
“เหตุใดถึงไม่ไปนอนบนเตียง? อ่านตำราจนเหนื่อยแล้วใช่หรือไม่ ลุกขึ้นนอนบนเตียงเถิด! นอนตรงนี้ไม่สบาย! ” เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเห็นใจยิ่งนัก
เซียวยวี่ออดอ้อน กอดเอวเซี่ยยวี่หลัวไว้ กล่าวด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ “เจ้าไม่อยู่ นอนตรงไหนก็เหมือนกัน! ”
เซี่ยยวี่หลัว “…”
“จื่อเมิ่งชวนข้าคุยอยู่ตลอด หลังจากนอนแล้วนางยังดึงข้าไว้ไม่ให้ไป ข้าเองก็ไม่กล้ากวนนางจนตื่น หลังจากนอนหลับไปตื่นหนึ่ง เห็นว่านางไปนอนอีกฝั่งหนึ่งแล้ว ข้าจึงรีบมาทันที! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวตามจริง
เซียวยวี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความสุขยิ่งนัก แหงนหน้าเอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัว “รู้สึกว่าละเลยข้าไปใช่หรือไม่? ”
ท่าทางออดอ้อนนั่น เซี่ยยวี่หลัวเห็นแล้วชักไม่แน่ใจว่าเป็นท่านราชบัณฑิตน้อยตัวปลอมหรือไม่
ทั้งที่เป็นบุรุษโหดเหี้ยมเหลี่ยมจัด กลับออดอ้อนเป็นด้วย!
เซี่ยยวี่หลัวเม้มริมฝีปาก ดวงตาสว่างสดใส เห็นได้ชัดว่ายิ้มอย่างมีความสุข
“ใช่แล้ว รู้สึกว่าละเลยเจ้าไป ดังนั้นจึงมาหาเจ้าไม่ใช่หรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหัวใจอ่อนยวบ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเซียวยวี่ บัดนี้นางเกิดความรู้สึกอยากมอบใจทั้งดวงให้เขา
ลองคิดดู เซียวยวี่เองก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับนาง!
เซียวยวี่รู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร โอบเอวเซี่ยยวี่หลัวไว้ ถูไปมาในอ้อมอกนาง ราวกับเป็นลูกสุนัขขนฟูที่กำลังออดอ้อนอยู่ในอ้อมอกเจ้าของก็มิปาน
เซี่ยยวี่หลัวโอบคอเซียวยวี่ไว้ ก้มหน้าลง ประทับจุมพิตไปบนศีรษะเซียวยวี่
เป็นจุมพิตที่เบาบาง เพียงครู่เดียวก็ผละออก เซี่ยยวี่หลัวใช้คางถูไปมาบนศีรษะเซียวยวี่
ถึงแม้จุมพิตจะเบามาก แต่เซียวยวี่ก็ยังสัมผัสได้
สัมผัสได้ถึงความรักที่เซี่ยยวี่หลัวมีต่อเขา
เขาเงยหน้าขึ้นจากอกเซี่ยยวี่หลัว จ้องมองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักลึกซึ้ง ท่ามกลางแสงไฟสว่างไสว แสงจากเบื้องลึกแววตาของเขาสุกสกาวประหนึ่งดวงดารา “อาหลัว จุมพิตข้า…”
เมื่อเห็นประกายอ่อนโยนในแววตาเขา หัวใจของเซี่ยยวี่หลัวก็แทบละลาย
สีท้องฟ้ายามราตรีดูลุ่มลึก พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวลอยคว้างอยู่บนท้องนภา รอบข้างมีหมู่มวลดารา ธารดาราสว่างพร่างพราย มีเพียงจิ้งหรีดจำนวนนับไม่ถ้วนในพุ่มหญ้าและผืนป่าที่ยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุด ราวกับกำลังเฉลิมฉลองอะไรอยู่
เงาจันทร์ทอดไปทางทิศตะวันตก เห็นเพียงสองคนในห้องหนังสือที่ยืนคนหนึ่งและนั่งคนหนึ่ง ร่างกายโอบกอดกันอย่างแนบแน่น
ดวงจันทร์คล้ายกับจะมองจนรู้สึกเขินอาย เมื่อเมฆดำก้อนหนึ่งลอยผ่านมา ดวงจันทร์ที่เขินอายก็รีบหลบเข้ากลีบเมฆ ไม่กล้ามองอีก
เซี่ยยวี่หลัวหายใจไม่ออก หากจุมพิตต่อไป เสี้ยววินาทีถัดมานางคงขาดอากาศหายใจเป็นแน่ ยังดีที่เซียวยวี่ปล่อยนางออกในเวลาเช่นนี้ ใบหน้าของนางแดงก่ำราวกับดื่มสุราจนเมามายก็มิปาน ดวงตาฉายประกายเลื่อนลอย ปล่อยเซี่ยยวี่หลัวออกแล้วยังคงรู้สึกเสียดาย จึงประคองท้ายทอยนางเอาไว้ ดึงเข้าหาตัวเองและจุมพิตแผ่วเบาลงไปอีกครั้ง
ใช้ปลายลิ้นตัวเองลูบผ่านริมฝีปากบวมแดงของเซี่ยยวี่หลัวไม่หยุด
จุมพิตจนบวมอีกแล้ว…
ถึงแม้เซียวยวี่จะรู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย และไม่คิดจะปล่อยผ่านด้วยการจุมพิตเบาหวิวเช่นนี้
เซี่ยยวี่หลัวใกล้จะยืนไม่ไหวแล้ว ขาอ่อนแรงราวกับเป็นเส้นบะหมี่สองเส้นก็มิปาน ไม่อาจต้านทานความปรารถนาในใจได้อีก
เพียงดึงเบาๆ เซี่ยยวี่หลัวก็นั่งลงบนตักเซียวยวี่ มือทั้งคู่โอบคอเขาไว้
เซียวยวี่ไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่ามอีก เขารู้ว่าหากตัวเองจุมพิตต่อ สิ่งที่เขาอยากได้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้!
เซียวยวี่กอดนางไว้ มือค้ำหลังศีรษะเซี่ยยวี่หลัว ออกแรงเบาๆ ดึงนางให้ซบลงตรงอกตัวเอง
เสียงหัวใจเต้นรุนแรงประหนึ่งเสียงรัวกลองที่ดังสนั่นเหมือนอสนีบาตฟาด “ตึกตึกตึก…” ดังไม่หยุด
ระหว่างทั้งสองคนไม่ได้เปล่งเสียงใดๆ ออกมาอีก ทั้งยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เช่นกัน เซียวยวี่เพียงกอดนางอยู่อย่างนี้ ไม่กล่าวอะไร และไม่ทำอะไร
“เซียวยวี่…” เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกไม่เข้าใจ
เซียวยวี่เพียงกอดนางไว้เช่นนี้ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก ร่างกายแข็งเกร็งเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงขยับตัวทีหนึ่ง ขยับบั้นท้ายเล็กน้อย
“อาหลัว…” จู่ๆ เซียวยวี่ก็ส่งเสียงเรียก น้ำเสียงแหบแห้งราวกับเส้นเสียงถูกไฟแผดเผา ทั้งสะกดกลั้นทั้งทุ้มต่ำ
“เซียวยวี่? ” เซี่ยยวี่หลัวเกิดความสงสัย
“อาหลัว อย่าขยับอีก! ”
หากขยับอีกเขาจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!
“อะไรนะ? ”
“เด็กโง่ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะกินเจ้าเสีย? ” จู่ๆ เซียวยวี่ก็กัดใบหูของเซี่ยยวี่หลัวทีหนึ่ง น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยความกระหายเลือดอย่างรุนแรงเฉกเช่นหมาป่า แต่ประกายปรารถนาเบื้องลึกในแววตากลับแฝงเร้นด้วยความรักและอ่อนโยน ทำให้เซี่ยยวี่หลัวเข้าใจทันทีว่าวาจาของเซียวยวี่หมายถึงอะไร!
จู่ๆ นางก็รู้สึกอายจนหน้าแดง
มือจับชายเสื้อของตัวเองบิดไปมา หัวใจเต้นเร็วประหนึ่งกวางตัวน้อยที่พุ่งชนไปทั่ว เซี่ยยวี่หลัวกัดริมฝีปาก ก่อนกล่าวเสียงเบา “เดิมทีพวกเราก็เป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว! ”
เรื่องการร่วมรัก ไม่ใช่สิ่งที่สามีภรรยาควรทำหรอกหรือ?
เซียวยวี่กลับเบิกตากว้างจ้องมองเซี่ยยวี่หลัว เบื้องลึกแววตาฉายประกายยินดีเต็มประดา เขาส่งเสียงหัวเราะออกมา
ที่แท้ นางก็เหมือนกับเขา!
เซียวยวี่กอดเซี่ยยวี่หลัวพลางจุมพิตลงไปเบาๆ อีกหลายทีด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะกล่าวด้วยระดับเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน “เด็กโง่ เจ้ายังเล็กเกินไป”
ตอนแรกเซี่ยยวี่หลัวนึกว่าเซียวยวี่หมายถึงนางอายุน้อย เมื่อลองคิดดูก็เพิ่งรู้ตัวว่า ที่แท้นางเพิ่งอายุสิบห้าปี อายุสิบห้าปี…
เซี่ยยวี่หลัวเขินอายจนหน้าแดง ขดตัวในอ้อมอกเซียวยวี่ทีหนึ่ง
เซียวยวี่เพียงคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวเขินอายเท่านั้น จึงกล่าว “รอให้เจ้าผ่านวันเกิดอายุสิบหกปี พวกเราค่อย…”
ไม่ได้กล่าวอะไรอีก แต่เซี่ยยวี่หลัวเข้าใจว่าเซียวยวี่หมายถึงอะไร เพียงขานตอบเสียงเบาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เวลานี้นางไม่ได้คิดว่าเมื่อไรจะถึงวันเกิดอายุสิบหกปี นางกอดเซียวยวี่ไว้ ภายในใจรู้สึกหวานชื่นราวกับได้กินน้ำผึ้งก็มิปาน
เซียวยวี่สูดลมหายใจเข้าลึกสองครั้ง พยายามทำให้ลมหายใจของตัวเองสงบลงโดยเร็ว
แต่ก่อนตอนที่เขาเล่าเรียนอยู่ในสถานศึกษา เคยได้ยินลูกผู้ลากมากดีจำนวนไม่น้อยพูดคุยเรื่องเที่ยวเสเพล เวลานั้นเขาเพียงรู้สึกว่าเป็นเรื่องรกหู เว้นเสียแต่ว่าจะได้ยินเรื่องเหล่านั้นโดยไม่ตั้งใจ มิเช่นนั้น เขาไม่มีทางฟังเรื่องเช่นนี้แม้แต่คำเดียว
พวกเขาเคยกล่าวไว้ ว่าสตรีเล็กเกินไป ก็จะทนรับความต้องการของบุรุษได้ยาก หากออกแรงมากเกินไป จะทำให้สตรีบาดเจ็บ
เซียวยวี่เคยได้ยินมาเพียงประโยคเดียว ถึงแม้ตอนนั้นจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องโสมม แต่บัดนี้หากลองคิดดู ยังดีที่ได้ฟังมาประโยคหนึ่ง มิเช่นนั้น เขาคงทำให้อาหลัวบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัว
เซียวยวี่นึกว่าคนเหล่านั้นหมายถึงสตรีอายุน้อย ร่วมรักเร็วเกินไปจะทำให้สตรีบาดเจ็บ จวบจนในภายหลังเขาถึงได้รู้ ต่อให้อายุมากขึ้น บางตำแหน่งก็ยังคงไม่ใหญ่ขึ้น ในภายหลังได้ยินมาอีกว่า สตรีเล็กเกินไป ที่เล็กนั้นไม่ได้หมายถึงอายุ แต่หมายถึง…
เขาคิดอยากจับเด็กเสเพลที่พูดจาเพ้อเจ้อเหลวไหลในตอนนั้นมาแขวนไว้และใช้แส้ฟาดสักหนึ่งร้อยที ทำให้เขาต้องฝืนทนนานถึงเพียงนี้โดยใช่เหตุ
แต่เซี่ยยวี่หลัวนั้นไร้เดียงสายิ่งกว่า เพียงนึกว่าเซียวยวี่หมายถึงนางอายุน้อยเกินไปเท่านั้น