ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 407 ต่อไปข้าจะนวดให้เจ้า
ถึงช่วงดึกแล้ว ร้านริมทางบริเวณรอบข้างต่างทยอยกันปิดร้าน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาประปรายก็พากันกลับบ้าน เซียวยวี่และเซี่ยยวี่หลัวเดินอยู่ในตรอกที่เปลี่ยวและเงียบสงบ โคมไฟที่ถือไว้ในมือส่องทั้งสองคนจนเกิดเงาทอดยาว
“อาหลัว เหนื่อยหรือไม่? ” เซียวยวี่มองดูคนที่ร่างกายครึ่งซีกพิงอยู่บนตัวเขา ก่อนเอ่ยถามด้วยความเอ็นดู
เซี่ยยวี่หลัวเหนื่อยแทบแย่แล้วจริงๆ ตอนเที่ยงยังไม่ได้พักผ่อนเลย!
แต่นางส่ายหน้า พยายามตั้งสติ “ไม่เหนื่อยเลย! “
เซียวยวี่เห็นนางแสร้งทำเป็นไม่เหนื่อย ก็รู้สึกเห็นใจยิ่งนัก จู่ๆ ก็เดินเร็วขึ้นสองก้าว ก้มตัวหยุดอยู่ตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัว “เซียวยวี่…”
เซียวยวี่หันกลับมา ยิ้มพร้อมกล่าว “อาหลัว ขึ้นมา ข้าจะแบกเจ้ากลับบ้าน! “
เซี่ยยวี่หลัวเพียงตอบว่าได้ ก่อนจะเกาะบนไหล่เซียวยวี่อย่างว่าง่าย เซียวยวี่ประคองตัวเซี่ยยวี่หลัวอย่างระมัดระวัง แล้วจึงลุกขึ้นยืน
เซียวยวี่รับผิดชอบแบกนาง เซี่ยยวี่หลัวรับผิดชอบถือโคมไฟ
โคมไฟในมือนางโยกไปมา ทำให้เงาของพวกเขาทอดไปทางซ้ายทีหนึ่ง ทอดไปทางขวาทีหนึ่ง
ทว่า เมื่อครู่ยังมีเงาคนสองเงา บัดนี้เหลือเพียงเงาเดียวแล้ว หากมองจากเงาเพียงอย่างเดียว สามารถมองเห็นรำไรว่าเป็นเงาของสองคน
เงายังคงทอดยาว บัดนี้กลับอยู่ใกล้กันถึงเพียงนั้น
ใกล้จนทั้งสองคนแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน
กลับถึงบ้าน เซียวยวี่เตรียมน้ำร้อนเสร็จแล้ว จึงให้เซี่ยยวี่หลัวไปอาบ เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้าพลางบอกว่ายังไม่อาบ
จากนั้นจึงพาเซียวยวี่ไปนอนลงบนเก้าอี้นอน
เซียวยวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “อาหลัว มีอะไรหรือ? “
เซี่ยยวี่หลัวยกน้ำมาหนึ่งถัง หยิบน้ำยาสระผมมา ยิ้มพร้อมกล่าว “อายวี่ ข้าจะสระผมให้เจ้า”
เซียวยวี่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ข้าสระเองได้ นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ารีบอาบแล้วไปนอนก่อน” กล่าวจบ เขาก็ทำท่าจะลุกขึ้น
เซี่ยยวี่หลัวกดเขาลงที่เดิม จนตัวนางแทบจะพิงอยู่บนกายเขา “บอกว่าให้เจ้านอนลงก็นอนลง เจ้าหลับตา ประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว! “
เซียวยวี่อับจนหนทาง ได้แต่ตอบตกลง “ได้ รีบทำให้เสร็จ เจ้าเหนื่อยแล้ว”
พูดไปพูดมา ก็ยังเห็นอกเห็นใจนาง!
เซี่ยยวี่หลัวเบ้ปากทีหนึ่ง ภายในใจรู้สึกดีใจราวกับได้กินน้ำผึ้งก็มิปาน
เซียวยวี่นอนลงบนเก้าอี้ เซี่ยยวี่หลัวปล่อยผมของเขาให้สยายออก เส้นผมดำขลับลู่ลง แช่ลงไปในอ่างไม้ทั้งหมด
เซี่ยยวี่หลัวใช้กระบวยตักน้ำมาสองกระบวย หลังจากราดจนเส้นผมของเซียวยวี่เปียกชุ่ม บิดน้ำออกเล็กน้อย เปิดขวดน้ำยาสระผมที่นางทำขึ้นเอง เทออกมาเล็กน้อย ถูไปบนฝ่ามือให้เกิดฟอง จากนั้นจึงถูไปบนเส้นผมเซียวยวี่
นางเริ่มขยี้เบาๆ อย่างอ่อนโยน โดยเลียนแบบวิธีนวดของคนในยุคปัจจุบัน ใช้นิ้วมือทั้งคู่นวดคลึงเบาๆ บนหนังศีรษะของเซียวยวี่
เซียวยวี่นึกว่าเพียงแค่สระผม คิดไม่ถึง ว่ามือของเซี่ยยวี่หลัวจะประหนึ่งมีเวทมนตร์ก็มิปาน เพียงกดลงไปบนศีรษะของเขาเบาๆ ความอ่อนล้าทั้งหมดก็ราวกับถูกสายลมพัดผ่าน ปัดเป่าให้หายไปจนสิ้นในทันใด
เซียวยวี่รู้สึกสบายจนส่งเสียงออกมาเบาๆ ทั้งร่างกายและจิตใจล้วนรู้สึกผ่อนคลาย สบายจนภายในใจมีเพียงความคิดเดียว สบายเหลือเกิน!
เซี่ยยวี่หลัวได้ยินเซียวยวี่ส่งเสียงออกมา นางรู้ว่าระยะนี้เขาเหนื่อยล้าเกินไป ดังนั้นจึงคิดวิธีอาศัยเรื่องที่จะช่วยสระผมเพื่อนวดให้เขา
นางออกแรงตรงปลายนิ้วเบาๆ นวดคลึงจากหน้าผากจนถึงหลังใบหูและจุดไท่หยาง [1] มือของนางไม่แรงหรือเบาเกินไป ออกแรงได้อย่างพอเหมาะ
“อาหลัว มือของเจ้ามีวิชาอาคมหรืออย่างไร? ตำแหน่งที่เจ้านวดผ่าน รู้สึกสบายมาก! ” เซียวยวี่กล่าวเสียงเบา
เซี่ยยวี่หลัวขยับเข้ามาใกล้ จุมพิตสันจมูกโด่งของเซียวยวี่เบาๆ จากนั้นจึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “เช่นนั้นต่อไปข้านวดให้เจ้าทุกวัน ดีหรือไม่? ”
การนวดศีรษะสามารถบรรเทาความเหนื่อยล้าได้ดี เซี่ยยวี่หลัวอยากทำอะไรเพื่อเซียวยวี่บ้าง
เซี่ยยวี่ยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ดี”
เซี่ยยวี่หลัว “เมื่อครู่บอกว่าสบายมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่เอา? ”
เซียวยวี่ยิ้มพลางกล่าว “ต่อไปเว้นสักหลายวันค่อยนวด นวดทุกวัน ข้ากลัวว่ามือเจ้าจะทนไม่ไหว”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกกล่าวอะไรไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวออกมาว่า “ได้”
ไม่ว่าจะเผชิญกับเรื่องอะไร สิ่งที่เขาคิดถึง ก็ยังคงเป็นนาง
หลังจากสระเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวถามความรู้สึกของเซียวยวี่ด้วยความตื่นเต้น “เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? หอมหรือไม่? รู้สึกว่าสระผมได้สะอาดหรือไม่? ”
เซียวยวี่พยักหน้า ลองสัมผัสดู “รู้สึกว่าเส้นผมไม่แห้งกร้านเหมือนก่อนหน้า เรียบลื่นขึ้นไม่น้อย”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ข้าใส่น้ำมันในนั้นเล็กน้อย! ”
เซียวยวี่มองดูของในมือเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางสงสัย เป็นของเหลวข้นใส่ไว้ในชามหนึ่งใบ ไม่รู้ว่าคืออะไร รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “นี่คือสิ่งใด? ”
“น้ำยาสระผม ข้าทำเอง! ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางกล่าว “ข้าเองก็ลองใช้แล้วเช่นกัน ใช้ได้ดีมากทีเดียว วันนี้ข้าแบ่งให้ฮวาเหนียงส่วนหนึ่ง ลองดูว่านางใช้แล้วเป็นอย่างไร! หากใช้ได้ดี ข้าคิดจะทำเพิ่มอีกหน่อย นำไปขายที่เมืองหลวง! ต้องขายดีแน่! ” ดวงตาของเซี่ยยวี่หลัวมีชีวิตชีวา ฉายประกายแสงสะดุดตา “ข้ายังทำน้ำยาอาบน้ำไว้ด้วย ใช้อาบน้ำ ประเดี๋ยวเจ้าลองใช้ดู ใช้ดีกว่าสบู่มากนัก”
เซียวยวี่ย่อมเชื่อภรรยาของตัวเอง “เจ้าทำได้แน่! ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่สว่างเซียวยวี่ก็ลุกแล้ว
ถึงแม้จะมีรถม้าส่งเขากลับหมู่บ้าน แต่เขายังมีธุระต้องจัดการอีกไม่น้อย
เริ่มจากล้างทำความสะอาดและจัดวางข้าวของที่ต้องใช้ในห้องครัวให้เสร็จ เซียวยวี่ซื้อเตาขนาดเล็กมาด้วย ตักข้าวใส่ในหม้อ ต้มโจ๊ก ล้างไข่จนสะอาด ใส่ไว้ในหม้อ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนพร้อมโจ๊ก รออาหลัวตื่นขึ้น โจ๊กกับไข่ก็เสร็จแล้ว
จากนั้นจึงนำเสื้อผ้าที่ตากไว้ใต้ชายคาเมื่อคืนไปตากไว้ในลานบ้าน เขาเห็นเสื้อผ้าของตนเองและเสื้อผ้าของอาหลัวที่แขวนไว้ด้วยกันถูกสายลมพัดผ่านแผ่วเบา เสื้อสองตัวพลิ้วไหวไปตามสายลม เป็นดังที่อาหลัวเคยกล่าวไว้จริงๆ คล้ายกับว่าพวกมันกำลังร่ายรำ
หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เซียวยวี่จึงกลับเข้าห้อง ถึงแม้จะไม่อยากแต่ก็ต้องปลุกเซี่ยยวี่หลัวให้ตื่น “อาหลัว ข้าไปแล้ว เจ้าลุกขึ้นมาลงกลอนประตูก่อน”
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่ที่สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว รู้สึกเห็นใจยิ่งนัก “ลุกแล้วหรือ? ”
“อืม ต้องกลับไปแล้ว ข้าเคี่ยวโจ๊กกับไข่ไว้ในหม้อเล็กในห้องครัว เจ้านอนต่ออีกครู่หนึ่ง ตื่นมาก็น่าจะกินได้พอดี ชามกับตะเกียบข้าล้างจนสะอาดแล้ว เจ้าใช้ได้เลย”
เซี่ยยวี่หลัวกะพริบตาปริบๆ
ตอนนางจะมา เซียวยวี่ทำไข่ตุ๋นให้นาง ป้อนนางกินทีละคำก่อนจะปล่อยให้นางมา บัดนี้เซียวยวี่จะไป ยังคงเป็นเขาที่ลุกขึ้นมาทำอาหารให้นางเสร็จ แล้วจึงกลับไป
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่า นางที่เป็นภรรยา ยังไม่ละเอียดอ่อนและขยันขันแข็งเท่าเซียวยวี่ที่เป็นสามีเลย
“นอกจากนั้น ตอนเย็นท่านลุงเก๋อจะไปรับเก๋อเหลียงหยวน เจ้าไม่ต้องกลับไป ข้ามาเอง” เซียวยวี่เห็นใจไม่อยากให้นางตื่นเช้าเกินไป เขาจึงมาเอง ให้นางได้นอนเพิ่มอีกกว่าครึ่งชั่วยาม
“แต่เด็กสองคน…”
“พวกเขาล้วนโตแล้ว ย่อมดูแลตัวเองได้” เซียวยวี่พูดขัดนาง ก่อนกล่าว “ตอนเย็นอย่าไป ข้ามาเอง เข้าใจหรือไม่? ”
เซียวยวี่รู้ว่าที่เขาไม่อยากให้อาหลัวกลับไป นอกจากกลัวว่านางเดินทางไปกลับจะลำบาก ตื่นเช้าเกินไปจนเหนื่อย ยังมีความเห็นแก่ตัวของเขาด้วย
นี่คืออาหลัวของเขา เขาไม่อยากแบ่งปันกับผู้อื่น ต่อให้เป็นน้องชายน้องสาวของเขาก็ไม่ได้
เขาอยากอยู่กับนางทุกเมื่อทุกเวลา!
เซี่ยยวี่หลัวเพียงคิดว่าเซียวยวี่ไม่อยากให้นางเหนื่อยเกินไป จะคาดเดาได้อย่างไรว่าเจ้าหมอนี่จะหึงกระทั่งน้องชายน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง เพียงกะพริบตาพลางตอบกลับว่าได้
ยังคงส่งเขาถึงหน้าประตู เซียวยวี่รอนางลงกลอนประตูเสร็จ บอกกล่าวจากด้านนอกว่าข้าไปก่อน แล้วจึงจากไปอย่างนึกเสียดาย
เซี่ยยวี่หลัวคลุมเสื้อไว้ตัวหนึ่ง ไปห้องครัวก่อน ข้าวของที่เซียวยวี่ซื้อมาถูกจัดเก็บโดยแยกประเภทไว้เรียบร้อย โจ๊กบนเตาเล็กมีไอน้ำร้อนลอยขึ้นแล้ว ส่งกลิ่นหอมกรุ่นของข้าวออกมาเป็นระลอก
พอหันกลับมา ก็เห็นเสื้อผ้าที่เดิมทีตากอยู่ใต้ชายคาถูกนำไปตากไว้ในลานบ้านแล้ว
หัวใจของเซี่ยยวี่หลัวถูกความสุขเติมเต็มจนพองโต ความรู้สึกที่ถูกคนรักและเอาใจใส่ ทำให้รู้สึกอยากเป็นเช่นนี้ไปชั่วชีวิตเสียจริง
เก๋อวั่งพาเก๋อเหลียงหยวนมาแล้ว ตอนพบกับเซียวยวี่ ไม่ต้องให้เก๋อวั่งกล่าวกำชับ เก๋อเหลียงหยวนคุกเข่าลงบนพื้นดังตุ้บ คำนับเซียวยวี่เป็นอาจารย์ทันที “ท่านอาจารย์ โปรดรับการคำนับจากศิษย์ด้วย! ”
หลังจากเก๋อเหลียงหยวนคำนับอาจารย์เสร็จ ก็เท่ากับเป็นศิษย์ของเซียวยวี่แล้ว
“เด็กคนนี้ชอบเรียนหนังสือ แต่ก่อนหน้านี้ที่บ้านไม่มีเงิน ตอนนี้ที่บ้านดีขึ้นบ้างแล้ว ข้าที่เป็นบิดา ก็จะได้ทำให้ฝันของเขาเป็นจริงเสียที อาจารย์เซียว ลูกของข้าคนนี้ ข้าขอไหว้วานท่านด้วย ครอบครัวของเราเป็นเกษตรกรมาทุกรุ่น ในบรรพชนแปดรุ่นไม่เคยมีคนเป็นบัณฑิต ข้าเองก็ไม่คาดหวังว่าเด็กคนนี้จะประสบความสำเร็จอะไร เพียงหวังว่าเด็กคนนี้จะได้เรียนหนังสือบ้าง ต่อไปรู้หนังสือ ก็จะไม่ถูกคนหลอกลวง” เก๋อวั่งกล่าววาจาจากใจ จนสุดท้ายก็คิดจะคุกเข่าให้เซียวยวี่ด้วยอีกคน
เซียวยวี่รีบเดินขึ้นหน้าไปพยุงคนที่กำลังจะคุกเข่าให้ลุกขึ้น “ท่านลุงเก๋อจะทำอะไร? การเรียนหนังสือเป็นสิทธิ์ของทุกคน เด็กคนนี้ข้าแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ไม่แน่ว่า ในอนาคตอาจประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงแบบที่ท่านคาดไม่ถึงก็เป็นได้”
เก๋อวั่งเช็ดขอบตา ยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ว่าต่อไปจะประสบความสำเร็จก็ดี ไม่ประสบความสำเร็จก็ช่าง เป็นอาจารย์หนึ่งวันเสมือนเป็นบิดาชั่วชีวิต ท่านก็คือบิดาอีกคนของเขา”
รับนักเรียนเพิ่มอีกหนึ่งคน พอส่งคนถึงที่ เก๋อวั่งยืนอยู่ด้านนอกมองดูท่าทางของบุตรชายที่เรียนหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ เก๋อวั่งเช็ดคราบน้ำตาอีกครั้ง จากนั้นจึงขับรถม้ามุ่งตรงไปยังตัวเมืองเพื่อรอลูกค้า
ต่อไปบุตรชายต้องใช้เงิน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องหาเงินเพิ่มอีก
เขาไม่คาดหวังว่าในอนาคตบุตรชายจะไต่เต้าจนได้ดี ขอเพียงรู้หนังสือบ้าง ต่อไปไม่ถูกผู้ใดดูหมิ่นรังแก ไม่เหมือนกับเขา ตอนเพิ่งออกมาทำงานนับเงินยังไม่เป็น มีแต่ถูกผู้อื่นหลอกลวง
เชิงอรรถ
[1] จุดไท่หยาง คือรอยบุ๋มที่อยู่ระหว่างหางคิ้วและหางตา