ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 412 กินอาหารในภัตตาคาร
เมื่อกลับถึงโรงผลิต จึงพบว่าเด็กสองคนตื่นนานแล้ว ข้างนอกแดดแรงเกินไป แต่ภายในเรือนยังเย็นสบายเช่นเดียวกับอยู่ที่บ้าน เด็กสองคนกำลังฝึกเขียนหนังสืออยู่ข้างใน
เมื่อเห็นเด็กสองคนว่าง่ายรู้ความถึงเพียงนี้ ผู้ใหญ่ทั้งสองที่อยู่ข้างนอกก็รู้สึกยินดียิ่ง
“จื่อเซวียน จื่อเมิ่ง ข้ากับพี่ใหญ่กลับมาแล้ว! ” เสียงของพี่สะใภ้ใหญ่ดังขึ้นจากด้านนอก เด็กสองคนวางพู่กันก่อนวิ่งออกไป
“พี่สะใภ้ใหญ่…”
“พี่สะใภ้ใหญ่…” เด็กสองคนเอ่ยเรียกพี่สะใภ้ใหญ่พร้อมกัน ไม่มีคนไหนเรียกพี่ใหญ่เลย!
เซียวยวี่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เขารู้ดีว่าที่เขาปฏิบัติต่อเด็กสองคน ไม่อาจเทียบกับหนึ่งในสิบส่วนของอาหลัวได้เลย
เด็กสองคนชอบอาหลัวมากกว่า เขาเองก็ยินดีให้เป็นเช่นนั้น
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านทำธุระเสร็จหรือยังขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
ตอนเช้าสีหน้าของพี่ใหญ่ดูเคร่งเครียด ประหนึ่งว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะมีเรื่องสำคัญมาก
“ธุระอะไรหรือ? ตอนเช้าพี่สะใภ้ใหญ่ไปเที่ยวตลาดกับพี่ใหญ่ของเจ้า วันนี้มีตลาด สนุกถึงเพียงนั้น แต่พวกเจ้ากลับไม่ตื่น! ” เซี่ยยวี่หลัวหยิบของออกมาพลางกล่าวอย่างเสียดาย
เซียวจื่อเซวียน “…”
เซียวจื่อเมิ่ง “…”
ตอนเช้าพี่ใหญ่ไม่ได้กล่าวเช่นนี้ เขาบอกว่า พี่สะใภ้ใหญ่มีธุระสำคัญต้องทำ ไม่สะดวกจะพาพวกเขาไปด้วย แต่พวกเขา… แต่พวกเขากลับไปเที่ยวตลาด! เมื่อได้ฟังจากวาจาของพี่สะใภ้ใหญ่ จึงเข้าใจว่านางคิดจะพาพวกเขาไปด้วย!
เซี่ยยวี่หลัวเห็นสีหน้าท่าทางของเด็กสองคนดูผิดปกติเป็นอย่างมาก “…”
เซียวจื่อเมิ่งเบะปาก เสี้ยววินาทีต่อไปก็จะร้องไห้แล้ว
เซียวยวี่กล่าวในยามนี้เอง “รีบเขียนหนังสือให้เสร็จ ประเดี๋ยวออกไปกินข้าวข้างนอก หากอยากเที่ยวเล่น กินข้าวเสร็จแล้วเล่นได้อีกครู่หนึ่ง”
เซียวจื่อเมิ่งไม่ร้องไห้ เซียวจื่อเซวียนก็ไม่ร้องแล้วเช่นกัน แม้แต่ของขวัญก็ไม่ทันได้ดู รีบวิ่งกลับห้องไปเขียนหนังสือ
เขียนหนังสือเสร็จจะได้ออกไปกินข้าว ทั้งยังได้ออกไปเที่ยวเล่นอีก ดีเหลือเกิน!
เซี่ยยวี่หลัว “เด็กสองคนนี้เป็นอะไรไป? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าพวกเขาไม่ค่อยดีใจนัก? ”
จะดีใจได้อย่างไร?
สองคนที่เดิมทีจะได้ไปด้วย กลับถูกเขากล่าวจนไม่ได้ไป
เซียวยวี่ไม่กล่าวอะไร ยิ้มพลางจูงมือนางมาริมน้ำ “มา ล้างมือ” หยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนกล่าวต่อ “บางทีอาจเพราะนอนมากเกินไป สติยังไม่แจ่มชัดกระมัง”
เซี่ยยวี่หลัวขานตอบทีหนึ่ง ปล่อยให้เซียวยวี่ล้างมือให้นาง
ตอนเช้าบอกว่านอนไม่พอ ตอนนี้บอกว่านอนมากเกินไป เด็กสองคนนี้ ตอนอยู่ในหมู่บ้านไม่ได้เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ!
นางเกลี้ยกล่อมเซียวยวี่ “เด็กสองคนนี้ว่าง่ายมาก บางทีอาจเพราะเมื่อคืนนอนดึกเกินไป คืนนี้ให้พวกเขานอนเร็วหน่อยแล้วกัน! พรุ่งนี้เช้ายังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อกลับหมู่บ้านอีก! ”
เซียวยวี่ยิ้ม “ได้! ” เจ้ากล่าวอะไรก็จะทำตาม!
เขาคลำของที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อทีหนึ่ง มองดูด้านนอก ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ และไม่มีผู้ใดมา จึงหยิบของออกมา ยื่นให้เซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าเป็นกล่องไม้ เรียบง่ายดูดี รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “อะไรหรือ? ”
เซียวยวี่ยิ้ม “เจ้าลองเปิดดู! ”
ในนั้นเป็นปิ่นปักผมหยกรูปทรงดอกไห่ถัง
ไม่ใช่หยกชั้นดี แต่งานแกะสลักกลับประณีต!
“งามเหลือเกิน! ” เซี่ยยวี่หลัวอุทานด้วยความตื่นเต้น “ดอกไห่ถังนี่ ราวกับของจริงก็มิปาน! ”
เซียวยวี่ยิ้ม “ข้าจะปักให้เจ้า! ”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางก้มศีรษะลง เซียวยวี่ปักปิ่นในมวยผมของเซี่ยยวี่หลัว นางคลำดู ก่อนยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบาน “ดูดีหรือไม่? ”
“ดูดี” เซียวยวี่กอดนางไว้ ดีใจราวกับเป็นเจ้าทึ่มก็มิปาน!
คนงามกว่าดอกไม้มากนัก
เด็กสองคนเขียนหนังสือเสร็จ ลองดูข้าวของที่เซี่ยยวี่หลัวซื้อกลับมา ดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร หลังจากแต่งตัวเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวและเซียวยวี่ต่างจูงมือหนึ่งคน ออกจากประตูบ้านไป
ผู้ใหญ่สองคนยังสะกดความรู้สึกไหว แต่เด็กสองคนไม่อาจสะกดความรู้สึกนั้นไว้ได้เลยแม้แต่น้อย ดีอกดีใจจนกระโดดโลดเต้น
จะไม่ดีใจได้หรือ?
อย่าว่าแต่เซียวจื่อเมิ่งเลย แม้แต่เซียวจื่อเซวียน ตั้งแต่จำความได้ ก็ไม่เคยกินข้าวข้างนอกมาก่อน
นี่เป็นครั้งแรกของเซียวจื่อเมิ่ง เมื่อก่อนนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภัตตาคารเป็นเช่นไร แต่เวลานี้นางกำลังจะได้เข้าไปกินข้าวที่นั่นแล้ว เด็กสองคนตะโกนพูดคุยเรื่องที่เที่ยงนี้จะกินอะไรไปตลอดทาง เซียวยวี่ถือร่มไว้ในมือ บดบังแสงแดดแรงกล้าเหนือศีรษะเซี่ยยวี่หลัว
วันนี้เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้สวมหมวก เดินอยู่ข้างกายเซียวยวี่ ก่อนมองดูเด็กสองคนตรงหน้าที่วิ่งอยู่ท่ามกลางแสงแดดโดยไม่เกรงกลัวต่อความร้อนแม้แต่น้อย เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกดีใจยิ่งนัก
“อายวี่ ตอนเที่ยงข้าอยากกินของอร่อย! ”
“ได้! ” เซียวยวี่ไม่เคยละสายตาจากตัวเซี่ยยวี่หลัว แย้มรอยยิ้มที่แฝงเร้นด้วยความรักลึกซึ้งและรักมั่น
ในเมืองโยวหลัน เซียนจวีโหลวนับเป็นภัตตาคารที่ดีที่สุด ไม่ง่ายเลยกว่าที่เด็กๆ จะได้เข้ามาในตัวเมือง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางไม่ขาดเงิน ย่อมต้องพาเด็กสองคนไปที่เซียนจวีโหลว
พอถึงเซียนจวีโหลว ทั้งสี่คนเดินตรงเข้าไป
ลูกจ้างตรงหน้าประตูรู้จักเซี่ยยวี่หลัว เห็นนางมา จึงรีบพานางเข้าไปด้านใน
ซ่งฝูกำลังต้อนรับลูกค้าอยู่ในโถงใหญ่ ตาไวจนเห็นคนที่กำลังเข้ามาทางประตู รู้สึกเบื้องหน้าสว่างวาบในทันใด “ฮูหยินเซียว ท่านกับคุณชายเซียวมาแล้วหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางกล่าวทักทาย “ใช่ พวกเรามากินข้าว รบกวนท่านซ่งน้อยหาที่นั่งให้พวกเราด้วย! ”
ซ่งฝู “ชั้นบนยังมีห้องพิเศษอีกห้องหนึ่ง ฮูหยินเซียวโปรดตามข้ามาขอรับ”
เซี่ยยวี่หลัวมองดูโถงใหญ่ที่คึกคัก ก่อนส่ายหน้า “พวกเราไม่ต้องการห้องพิเศษ นั่งในโถงใหญ่ก็แล้วกัน! ”
“แต่โถงใหญ่มีคนเยอะ ข้าเกรงว่าจะรบกวนฮูหยิน! ” บัดนี้ซ่งฝูเห็นเซี่ยยวี่หลัวเหมือนดาวนำโชคของครอบครัวตระกูลซ่ง เขาย่อมต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เซี่ยยวี่หลัว!
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่หรอก นั่งที่นี่ จะได้ครึกครื้น”
เห็นเซี่ยยวี่หลัวยืนกรานเช่นนี้ ซ่งฝูจึงได้แต่ทำตาม แต่ยังคงหาตำแหน่งริมหน้าต่างที่ค่อนข้างเงียบสงบให้ พาทั้งสี่คนเดินไป
หลังจากนั่งลง ก็มีลูกจ้างหนุ่มนำชาร้อนและเมล็ดทานตะวันมาให้ทันที
“ฮูหยินเซียวจะสั่งอะไรขอรับ? ”
เซี่ยยวี่หลัวหันมองเซียวยวี่ที่นั่งตรงข้าม “อายวี่ เจ้าอยากกินอะไร? เจ้าสั่งก็แล้วกัน! ”
เซียวยวี่เริ่มสั่งอาหาร “เอาปลาตุ๋นน้ำแดงหนึ่งที่ ไข่ตุ๋นหมูสับอีกหนึ่งที่ เต้าหู้ห่อใบบัวหนึ่งที่ น้ำแกงอีกหนึ่งอย่าง ไม่มันเลี่ยนจนเกินไป! ”
ซ่งฝูจดไว้ทั้งหมด ก่อนกล่าวว่าให้รอสักครู่ แต่เมื่อกำลังจะไป เซี่ยยวี่หลัวก็เรียกเขาไว้เสียก่อน “ท่านซ่งน้อย รบกวนเอาหมูผัดพริกหยวกอีกอย่างหนึ่ง ไม่เอาเนื้อติดมัน เอาหมูเนื้อแดง! ”
เซียวจื่อเมิ่งหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข “พี่ใหญ่ชอบกินอาหารรสเผ็ดเจ้าค่ะ! ”
อาหารที่เซียวยวี่สั่งเมื่อครู่นี้ ล้วนแต่เป็นอาหารไม่เผ็ด ให้เซี่ยยวี่หลัวและเด็กสองคนกิน เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าอาหารที่เซียวยวี่สั่งล้วนเป็นของที่พวกเขากิน ย่อมต้องตอบแทน สั่งอาหารรสเผ็ดให้เขาอย่างหนึ่ง
นางกินอาหารรสเผ็ดได้ เพียงแต่กินน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยยวี่หลัวได้กินอาหารข้างนอก จึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ชะเง้อคอสอดส่ายสายตามองไปทั่ว กิจการของเซียนจวีโหลวช่างดีเหลือเกิน มีคนนั่งเต็มทุกโต๊ะ
โต๊ะข้างๆ กำลังพูดคุยเรื่องบางอย่างเสียงดังพอดี เซี่ยยวี่หลัวหันมองแวบหนึ่ง ก่อนเงี่ยหูฟัง
เซียวยวี่มองนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตลอด “นี่เป็นความลับของผู้อื่น”
เซี่ยยวี่หลัวบุ้ยปายพลางกล่าว “วาจาที่กล่าวออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายจะเป็นความลับได้อย่างไร? เขากล่าวได้ เหตุใดข้าจึงฟังไม่ได้? ”
วาจาที่กล่าวอ้างเหตุผลอย่างดื้อดึงเช่นนี้ เซียวยวี่ไม่อาจโต้แย้งได้เลย
ทำได้เพียงส่ายหน้ายิ้มขมด้วยความจนใจ เขาไม่ได้ว่านางแอบฟังเป็นเรื่องไม่ดี เพียงแค่ไม่อยากให้นางฟังก็เท่านั้น
ชีวิตคนแสนสั้น เขามีวาจามากมายที่อยากพูดคุยกับอาหลัว!
แต่หากนางอยากฟัง เขาเพียงแค่กุมมือนางไว้ ก็มีความสุขเช่นกัน