ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 413 องค์ชายเหิง เขาก็เป็นตัวประกอบไร้ค่าเช่นกัน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 14 บทที่ 413 องค์ชายเหิง เขาก็เป็นตัวประกอบไร้ค่าเช่นกัน
“พวกเจ้าได้ยินหรือยัง? องค์ชายสามแห่งต้าเยว่ องค์ชายเหิงกลับมาแล้ว”
“อ๋อ คนที่ถูกส่งไปเป็นตัวประกันที่ต่างแคว้นนั่นหรือ? ”
“อืม เขานั่นแหละ เจ้าลองคิดดู ฮ่องเต้แห่งต้าเยว่ยังมีพระวรกายแข็งแรง บัดนี้ยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาทด้วยซ้ำ ดูท่า เหล่าองค์ชายคงต้องต่อสู้ห้ำหั่นให้ตายกันไปข้างแล้ว ไม่รู้ว่าสุดท้ายใครจะได้นั่งเก้าอี้มังกร! ”
“เจ้าจะกังวลใจไปทำไม? เป็นคนขายผัก กลับกังวลราวกับเป็นฮ่องเต้ ดูเจ้าสิ ต่อให้กังวลใจเพียงใด เจ้าก็ไม่ได้นั่งเก้าอี้มังกรเสียหน่อย! ชั่วชีวิตนี้เจ้าอย่าได้คิด ต่อให้เป็นชาติหน้าเจ้าก็อย่าได้คิด อย่างเจ้า ชะตาชีวิตกำหนดแล้วว่าต้องขายผัก! ”
“เฮ้ ข้าก็แค่นึกสงสัยไม่ใช่หรืออย่างไร? ”
องค์ชายเหิง?
เซี่ยยวี่หลัวเคยเห็นชื่อองค์ชายเหิงในนิยายเป็นครั้งคราว
เขาเป็นองค์ชายที่ถือกำเนิดจากนางกำนัลคนหนึ่งและฮ่องเต้แห่งต้าเยว่องค์ปัจจุบัน ฮ่องเต้จิ่งเซวียน มารดาผู้ให้กำเนิดมีฐานะต่ำต้อย ให้กำเนิดองค์ชายเหิงแล้วสิ้นชีพทันที ทิ้งให้องค์ชายเหิงต้องอยู่ในวังอย่างยากลำบากเพียงลำพัง ไม่มีมารดาผู้ให้กำเนิดคอยปกป้อง บิดาผู้ให้กำเนิดก็ไม่โปรดปราน แค่คิดก็พอจะรู้ ว่าชีวิตในวังขององค์ชายเหิงน่าเวทนาเพียงใด
หากไม่ใช่เพราะแคว้นศัตรูต้องการตัวประกันหนึ่งคน ฮ่องเต้จิ่งเซวียนคงคิดไม่ถึงว่าเขายังมีบุตรชายที่ไม่เคยพบหน้าอีกหนึ่งคน
ได้ยินมาว่าองค์ชายเหิงผู้นี้ถูกส่งตัวไปยังแคว้นศัตรูตั้งแต่มีพระชันษาเจ็ดถึงแปดขวบ จวบจนพระชันษาสิบเจ็ดถึงสิบแปดจึงได้กลับมา หลังจากกลับมาได้ไม่ถึงสองปี ก็สิ้นพระชนม์
ส่วนจะสิ้นพระชนม์ได้อย่างไร ในนิยายไม่ได้กล่าวถึง เขียนไว้เพียงผิวเผิน ดูท่าองค์ชายเหิงผู้นี้ก็คงเป็นเช่นเดียวกับนาง เป็นตัวประกอบที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านไปเท่านั้น
เซี่ยยวี่หลัวเบ้ปากทีหนึ่ง ก่อนส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ
เซียวยวี่ที่อยู่ข้างๆ เห็นเข้า จึงเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป? ”
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า กล่าวด้วยท่าทางอ่อนใจ “ดูท่าคนในราชวงศ์ ถึงแม้จะสวมใส่เสื้อผ้าชั้นดีได้กินอาหารชั้นเลิศ ไม่ต้องกังวลเรื่องของกินของใช้ แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตอย่างอิสระเหมือนพวกเรา”
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง ก่อนรินน้ำชาให้เซี่ยยวี่หลัวหนึ่งถ้วย “ไม่ต้องสนใจเรื่องของผู้อื่น ใช้ชีวิตของเราให้ดีก็พอแล้ว! ”
เทียบกับโถงใหญ่ที่มีเสียงดังเซ็งแซ่ ชั้นสองเงียบสงบกว่ากันมาก
ซ่งฉางชิงรู้สึกว่าระยะนี้ตัวเองปวดหัวอย่างรุนแรง ภายในใจเหมือนถูกอะไรดึงทึ้ง จิตใจกระวนกระวาย รู้สึกย่ำแย่เป็นอย่างมาก
เขามักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำเรื่องบางอย่างให้แล้วเสร็จ แต่ต้องทำอะไร ซ่งฉางชิงเองก็ไม่รู้
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา หัวใจของเขารู้สึกว่างเปล่า ราวกับมีส่วนที่ขาดหายไป
ซ่งฉางชิงโยนสมุดบัญชีไปอีกด้านหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทางเหนื่อยล้าเล็กน้อย “วันนี้เจ้าไปคิดเงินก็แล้วกัน! ”
ซ่งฝูขึ้นมาส่งน้ำชา เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณชาย ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ? ”
ซ่งฉางชิงส่ายหน้า นวดคลึงหว่างคิ้ว “ไม่เป็นอะไร พักผ่อนครู่หนึ่งก็พอ”
ซ่งฝูพยักหน้าพลางกล่าว “ท่านวางใจได้ ข้าจะตั้งใจคิดเงินขอรับ”
กล่าวจบจึงเริ่มบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
“คุณชาย ท่านรู้หรือไม่ขอรับว่าวันนี้ใครมาที่ภัตตาคารของเรา? ”
ซ่งฉางชิงไม่มีแก่ใจจะสนใจ พิงอยู่ตรงพนักเก้าอี้ เงียบขรึมไม่กล่าวอะไร
ซ่งฝูกล่าวออกมาเอง “พูดไปท่านอาจไม่เชื่อ ฮูหยินเซียวมาขอรับ! ”
ซ่งฉางชิงเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน “เจ้าว่าใครมา? ”
“ฮูหยินเซียวขอรับ นางมากินข้าวที่ภัตตาคารของเรา นั่งอยู่ในโถงใหญ่ชั้นล่างขอรับ” ซ่งฝูกล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ดูไม่ออกว่าดวงหน้าของซ่งฉางชิงกำลังแสดงสีหน้ายินดีหรือโมโห ซ่งฝูกล่าวจบก็ลงไปคิดเงินแล้ว
เขาเพิ่งถึงชั้นล่าง ยืนอยู่หน้าโต๊ะคิดเงิน ซ่งฉางชิงก็เดินมา “เจ้าไปต้อนรับลูกค้าเถอะ ข้าทำเอง”
ซ่งฝูรู้สึกเป็นห่วงยิ่งนัก “คุณชาย ท่านไม่สบายไม่ใช่หรือขอรับ? ”
ซ่งฉางชิงหยิบลูกคิดมา ก้มหน้าคำนวณด้วยลูกคิด “ข้าหายแล้ว”
ซ่งฝูคิดด้วยความฉงน …หายเร็วถึงเพียงนี้เชียว?
แต่คุณชายบอกว่าจะคำนวณเอง ซ่งฝูก็ได้แต่กลับไปต้อนรับลูกค้าในโถงใหญ่ต่อ
ซ่งฉางชิงปราดตามองไปทั่วทั้งโถงใหญ่รอบหนึ่ง ในที่สุดก็เห็นเงาร่างอรชรที่สวมใส่ชุดสีขาวในมุมหนึ่งซึ่งอยู่ริมหน้าต่าง
นางนั่งหันข้างให้เขา ซ่งฉางชิงสามารถเห็นใบหน้าด้านข้างของเซี่ยยวี่หลัวอย่างชัดเจน
สมบูรณ์แบบประหนึ่งงานแกะสลัก ประณีตไร้ที่ติ ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียม
ซ่งฉางชิงเพ่งมองอย่างไม่เกรงกลัว หัวใจที่รู้สึกว่างเปล่ามาตลอด จู่ๆ ก็คล้ายกับถูกอะไรบางอย่างเติมเต็ม
อาหารถูกยกมาอย่างรวดเร็ว เด็กสองคนเพิ่งเคยนั่งกินข้าวในภัตตาคารเป็นครั้งแรก ไม่ได้ส่งเสียงดังหรือเล่นซน นั่งอย่างสำรวมอยู่ตลอด แม้แต่ตอนลูกจ้างหนุ่มยกอาหารมาให้ เด็กสองคนก็กล่าวว่าขอบคุณพี่ชายอย่างอ่อนหวาน ลูกจ้างหนุ่มตกใจที่ได้รับคำขอบคุณ จึงเอ่ยชมว่าเด็กสองคนช่างว่าง่ายและรู้ความนัก
เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวที่แย้มรอยยิ้มประหนึ่งบุปผาเบ่งบาน ภายในใจนอกจากความรักที่มีต่อนางแล้ว ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งไร้ที่สิ้นสุดด้วย
ต้องขอบคุณอาหลัว ที่เด็กสองคนถูกอบรมสั่งสอนจนว่าง่ายรู้ความถึงเพียงนี้
อาหารสี่อย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างถูกยกมา ทั้งสี่คนจึงเริ่มกินข้าว
เซียวยวี่ตักน้ำแกงให้คนละหนึ่งถ้วยก่อน
อาหลัวเคยกล่าวไว้ ดื่มน้ำแกงก่อนกินข้าว เอวบางและแข็งแรง
เขารู้ว่าแข็งแรงเป็นเช่นไร แต่เอวบางนี่? ระหว่างที่ดื่มน้ำแกง เขามองท้องน้อยของตัวเองโดยไม่ตั้งใจ อาหลัวเคยบอกไว้ ทำเช่นนี้จะไม่มีท้องน้อยง่ายๆ
เวลานี้เอง ด้านหลังมีคนผู้หนึ่งลุกขึ้นยืน ตะโกนเสียงดัง “เสี่ยวเอ้อ เอาเนื้อหมูอีกสองที่ พิเศษทั้งสองที่! ” น้ำเสียงมีพลังเต็มเปี่ยม ดังก้องเป็นพิเศษ
เซียวยวี่หันมองไปยังด้านหลัง ก็เห็นบุรุษท้องโตคนหนึ่ง เพราะอากาศร้อน เขาจึงถกแขนเสื้อขึ้นทั้งหมด ยามนั่งลง ท้องโตจนต้องเลื่อนเก้าอี้ไปด้านหลังไม่น้อยถึงจะนั่งลงไปได้
ท้องโตถึงเพียงนี้…
เช่นนั้นคงไม่เรียกว่าท้องน้อยแล้ว ต้องเรียกว่าท้องโต!
จู่ๆ เซียวยวี่ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา หากตัวเองตัวอ้วนเช่นนี้ อาหลัวยังจะชอบเขาอยู่หรือไม่?
เขาหันมองไปทางเซี่ยยวี่หลัว นางกำลังดื่มน้ำแกงอยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเซียวยวี่ที่มองมาอย่างพินิจ จึงเงยหน้าขึ้นเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป? ”
เซียวยวี่ยิ้มทีหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไร
อย่าถามจะดีกว่า ตัวเขาที่เป็นเช่นนั้น เขาเองยังไม่ชอบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหลัว!
เซี่ยยวี่หลัวมองเซียวยวี่ที่ยิ้มให้นาง รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก เจ้าหมอนี่ เป็นอะไรไปอีก?
ดื่มน้ำแกงเสร็จ เซียวยวี่ตักข้าวให้อาหลัวหนึ่งชาม เขาไม่ได้สนใจเด็กสองคน โตถึงเพียงนี้ ก็จัดการเอง มีเสื้อผ้าอาหารให้อย่างครบครันแล้ว
ปลาเป็นอาหารที่ทุกคนชอบกิน เซียวยวี่คีบเนื้อตรงท้องปลา คีบก้างปลาภายในออกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะวางไว้ในชามของเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวกำลังกินเนื้อปลาส่วนหลังปลา ตรงนั้นมีก้างเยอะ นางเหลือส่วนท้องปลาให้เด็กสองคนกินเสมอมา
เมื่อเห็นเนื้อส่วนท้องปลาที่ดีที่สุด เซี่ยยวี่หลัวจึงคีบขึ้นมา “เนื้อชิ้นนี้ไม่มีก้าง ให้จื่อเมิ่งกิน”
กล่าวจบ จึงคีบไปวางในชามของเซียวจื่อเมิ่ง
เซียวยวี่เพียงมองแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบสงบ ไม่ได้กล่าวอะไร ก่อนคีบเนื้อส่วนท้องอีกด้านหนึ่งมา
คีบก้างออก แล้วจึงวางในชามเซี่ยยวี่หลัวอีกครั้ง
เซี่ยยวี่หลัวเห็นท้องปลาอีกครึ่งหนึ่งถูกใส่ไว้ในชามของนางอีกครั้ง รู้สึกเห็นใจ ยังมีเด็กอีกคนหนึ่ง!
“ชิ้นนี้… ถ้าอย่างไรให้จื่อเซวียนกิน? ”
เซียวจื่อเซวียนกะพริบตาปริบๆ รอให้เนื้อปลาถูกคีบมาวางในชามของตัวเอง
เซียวยวี่คีบเนื้อส่วนอื่นบนตัวปลา วางไว้ในชามของเซียวจื่อเซวียน ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “เขาโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องดูแลอย่างละเอียดถึงเพียงนั้น”