ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 416 เที่ยวตลาดยามค่ำคืน
เด็กสองคนเที่ยวเล่นกว่าครึ่งชั่วยามจึงกลับไป
เซี่ยยวี่หลัวซื้อของที่เด็กสองคนอยากได้ไว้ทั้งหมดแล้ว เด็กทั้งสองเป็นเด็กว่าง่าย คราวนี้จึงไม่ได้ซื้ออะไรอีก เซี่ยยวี่หลัวไม่อาจทนดูดาย จึงซื้อปิงถังหูหลู่ให้คนละหนึ่งไม้ เด็กสองคนเดินไปพลางกินไปพลางอยู่ด้านหน้า รู้สึกดีอกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร
เซี่ยยวี่หลัวซื้อให้ตัวเองหนึ่งไม้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีของเซียวยวี่ด้วย
เซียวยวี่เอื้อมมือรับมา
เขาไม่ชอบกินอาหารรสหวาน แต่ตอนนี้ ขอเพียงเป็นของที่อาหลัวให้เขา เขาก็กินทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นของที่เขาชอบกินหรือไม่ชอบกิน ขอเพียงเป็นของที่อาหลัวให้ เขาก็ชอบทั้งนั้น
น้ำตาลที่หวานจนฟันแทบหลุดผสมกับซานจาที่มีรสเปรี้ยว รสชาติที่เข้มข้นสุดขั้วสองรสระเบิดออกบนต่อมรับรส เซี่ยยวี่หลัวชอบรสชาตินี้ยิ่งนัก
เซียวยวี่เองก็ค่อยๆ กัดกินคำเล็ก มือข้างหนึ่งถือปิงถังหูหลู่ มืออีกข้างหนึ่งกางร่มให้นาง เห็นสตรีตัวน้อยกระโดดโลดเต้นไปมาข้างกายเขา เข้าใกล้เป็นบางครั้ง ออกห่างเป็นบางครา เซียวยวี่แทบอยากมีมือเพิ่มอีกข้างหนึ่ง เอาไว้โอบนางโดยเฉพาะ ไม่ให้นางออกห่างจากตัวเองแม้แต่ก้าวเดียว เช่นนั้นสิถึงจะดี!
ทว่า…
เซียวยวี่กัดกินปิงถังหูหลู่หนึ่งไม้จนหมดอย่างรวดเร็ว ทิ้งไม้เสียบไป ก่อนจะเปลี่ยนมือที่ถือร่มทันที ส่วนมืออีกข้างหนึ่งโอบไหล่เซี่ยยวี่หลัวไว้ ดึงนางเข้าหาตัวเองเบาๆ เซี่ยยวี่หลัวเห็นเขากินหมดแล้ว นึกว่าเขาชอบกินมาก จึงยื่นปิงถังหูหลู่ที่ตัวเองเคยกินแล้วไปให้ ชี้ไปยังลูกที่ยังไม่ถูกกัดพร้อมกล่าว “มา เจ้ากินอีกลูกหนึ่ง”
เซียวยวี่มองทีหนึ่ง ก้มหน้าลง กัดกินปิงถังหูหลู่ลูกบนสุดที่เหลือเพียงครึ่งลูกจากไม้ในมือเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัว “…” นั่นเป็นลูกที่นางเคยกินแล้ว!
เซียวยวี่ใช้ลิ้นเลียริมฝีปาก “หอมอร่อยนัก อร่อยจนแทบอยากกัดกินลิ้นลงไปด้วย” ประโยคหลัง เซียวยวี่กล่าวโดยกระซิบข้างหูเซี่ยยวี่หลัว
ปิงถังหูหลู่นั้นจะบอกว่ามันหวานก็ได้ หรือจะบอกว่ามันเปรี้ยวก็ได้ ทว่า ไม่เคยมีผู้ใดบอกว่าปิงถังหูหลู่หอมอร่อย!
เซี่ยยวี่หลัวหน้าแดงถึงใบหู ถลึงตามองค้อนเซียวยวี่ที่มีเจตนาไม่ดีทีหนึ่ง
ปิงถังหูหลู่ครึ่งลูกที่นางเคยกัดกิน บนนั้นมีอะไรติดอยู่ นางย่อมรู้ดี!
คนบางคนเคยบอกว่าอะไรบางอย่างของนางหอมอร่อย!
เซียวยวี่เห็นท่าทางแง่งอนของภรรยาผู้เลอโฉม ภายในใจก็รู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง
กลับถึงบ้าน เด็กสองคนทนไม่ไหว เพียงล้างหน้าบ้วนปาก ก็คลานขึ้นเตียงไปพักผ่อนแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวยังไม่เข้าไป นางตักน้ำมาทำความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด เทน้ำทิ้ง เปิดประตูกำลังจะออกมา
เห็นเซียวยวี่กำลังนั่งรอนางอยู่ในห้อง ข้างๆ มีน้ำวางอยู่หนึ่งถัง รอนางอาบเสร็จก็จะเข้าไป!
“ข้าอาบเสร็จแล้ว เจ้ารีบเข้าไปอาบ อาบเสร็จแล้วก็ไปนอนพักครู่หนึ่ง” วันนี้ทุกคนเที่ยวเล่นจนเหนื่อยแล้ว
เซียวยวี่ยิ้ม “ได้” จากนั้นเขาก็ยื่นแขนไปทางเซี่ยยวี่หลัว นางเดินไปหาอย่างเข้าใจความหมายโดยนัย
เซี่ยยวี่หลัวยังเดินไม่ถึงตรงหน้า แขนยาวของเซียวยวี่ก็ยื่นมาจับหมับ ดึงมือนางเข้าหาตัว เซี่ยยวี่หลัวเดินขึ้นหน้าอย่างรวดเร็วสองก้าว นั่งลงบนตักเซียวยวี่
นางยังไม่ทันนั่งลงดีๆ ริมฝีปากก็ถูกเขาจุมพิตเสียแล้ว
เซียวยวี่อมริมฝีปากสีแดงของนางไว้ ดูดดึงไม่หยุด จุมพิตของเขาเริ่มจากเบาหวิวอ่อนโยน ดูดริมฝีปาก เกี่ยวลิ้นเล็กประหนึ่งดอกติงเซียงเป็นครั้งคราว ก่อนจะปล่อยออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจุมพิตของเซียวยวี่ก็ค่อยๆ เร่าร้อนขึ้น
เขาประคองท้ายทอยของนางไว้แน่น ทำให้เซี่ยยวี่หลัวไม่อาจถอยได้แม้แต่น้อย
จากนั้น จุมพิตที่ทำให้รู้สึกดื่มด่ำจนแทบหายใจไม่ออกก็เป็นดั่งเช่นสายฝนเม็ดโตที่ตกอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นน้ำตกสายฝน
การดูดดึงกลายเป็นการขบกัด การเกี่ยวเบาหวิวกลายเป็นเกี่ยวกระหวัดไม่ปล่อย
เซียวยวี่เกี่ยวเอาลิ้นเล็กประหนึ่งดอกติงเซียงเข้ามาอยู่ระหว่างริมฝีปากและฟันของเขา บดขยี้ดึงทึ้งอยู่ระหว่างริมฝีปากและฟันของเขาไม่หยุด จวบจนเซี่ยยวี่หลัวหายใจติดขัด ในที่สุดเขาก็ปล่อยออก เมื่อเซี่ยยวี่หลัวชักลิ้นเล็กกลับเข้ามา ลิ้นของเซียวยวี่ก็สอดแทรกเข้ามาอีกครั้ง เคลื่อนผ่านทั่วทุกมุมของนาง
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัว อ่อนยวบราวกับกองดินโคลนก็มิปาน
ไม่รู้ว่าจุมพิตนี้ใช้เวลาไปนานเพียงใด ในภายหลัง จุมพิตของเซียวยวี่ก็อ่อนโยนขึ้นอีกครั้ง จวบจนเซียวยวี่ประทับจุมพิตลงตรงหว่างคิ้วและหน้าผากของเซี่ยยวี่หลัว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ชอบหรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวพักพิงอยู่ในอ้อมอกของเซียวยวี่ หากบอกว่าบัดนี้นางเป็นดั่งดินโคลนที่ถูกผสมด้วยน้ำ ก็ไม่เกินจริงแม้แต่น้อย แววตาของนางดูเลื่อนลอย แนบติดกับอกของเซียวยวี่ ฟังเสียงหัวใจเต้นแรงราวกับรัวกลอง น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยความขวยเขินอย่างไม่อาจบรรยายได้ “อืม…”
“อืมอะไร? ” เซียวยวี่ไม่พอใจ “ชอบหรือไม่? ” เขาก้มหน้าลง กัดลิ้นเล็กเป็นเชิงลงโทษ เกี่ยวไว้ไม่ยอมปล่อย
“อือ…” เซี่ยยวี่หลัวส่งเสียงสองที เซียวยวี่จึงปล่อยออก “ชอบหรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวหน้าแดงก่ำ กล่าวเสียงเบา “ชอบ! ”
เซียวยวี่รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง โอบกอดนางไว้แน่นยิ่งขึ้น
ที่นี่มีพวกเขาอยู่เพียงสองคน เซียวยวี่ไม่อยากกลับห้องเลย หากสามารถกอดนางไว้แน่นแล้วนั่งหลับไปเช่นนี้ได้คงดีไม่น้อย หลังจากกลับห้อง พวกเขาสองคนก็ต้องแยกจากกันอีก
เซี่ยยวี่หลัวกลัวว่าเซียวยวี่จะเหนื่อยเกินไป รอจนเสียงหัวใจเต้นของเขาสงบลงจึงดันเขาออก “รีบไปอาบน้ำเถิด นอนเร็วหน่อย ตอนบ่ายยังต้องไปตลาดอีก! ”
คุยกันไว้แล้วว่าตอนเย็นจะกินข้าวที่บ้าน
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง “ตอนบ่ายพวกเราไปกันสองคนก็แล้วกัน? ” เขาอยากอยู่กับนาง ไม่อยากโดนคนอื่นรบกวน
เซี่ยยวี่หลัว “แต่เด็กสองคน…” คุยกันแล้วว่าจะพาเด็กสองคนไปด้วย!
เซียวยวี่ยิ้ม “ให้พวกเขาเขียนหนังสืออยู่ที่บ้าน เดิมทีตอนบ่าย พวกเขาก็ต้องฝึกเขียนหนังสือสองหน้าอยู่แล้ว! ”
เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าไม่ง่ายเลยกว่าเด็กสองคนจะได้มาสักหน ไม่พาพวกเขาไปเที่ยวเช่นนี้ จะดีหรือ?
เมื่อเห็นแววตาสตรีตัวน้อยฉายประกายเห็นใจ เซียวยวี่ก็แย้มรอยยิ้มออกมา “ตลาดยามค่ำคืนสนุกมาก ถ้าอย่างไรพาพวกเขาไปตลาดยามค่ำคืนก็แล้วกัน ดีหรือไม่? ”
ตอนกลางคืน เขาจะจับมือสตรีตัวน้อยไว้ ไม่ปล่อยเด็ดขาด
เซี่ยยวี่หลัวนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า “ได้ ตอนค่ำอากาศไม่ร้อน ตอนกลางคืนพวกเราแบ่งกันจูงเด็กคนละหนึ่งคน จะได้ไม่พลัดหลง”
เซียวยวี่ “…” ถ้าเช่นนั้น พาเด็กสองคนไปซื้อผักไม่ดีกว่าหรือ? ตอนค่ำไม่พาออกไปแล้ว! ตอนกลางคืนต้องจูงมือเด็กคนละหนึ่งคน แต่ที่เขาอยากจูงไม่ใช่มือของเด็กสองคนเสียหน่อย!
เขากล่าวไม่ออก เป็นอีกครั้งที่เซียวยวี่เข้าใจถึงหลักสัจธรรมของคำกล่าวที่ว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง”
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เซียวยวี่กลับเข้าไปในห้องด้วยท่าทางอัดอั้นใจ
เซี่ยยวี่หลัวอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ได้ยินเสียงเปิดประตู จึงลืมตาขึ้น
เซียวยวี่เห็นที่นอนอยู่ห่างจากเตียงถึงเพียงนั้น จึงเดินขึ้นหน้าไปดึง เขาดึงที่นอนไปถึงริมเตียง จับผ้านวมเขย่าเบาๆ เซียวจื่อเซวียนที่นอนอยู่ด้านซ้ายพลิกตัวทีหนึ่ง กลิ้งไปทางขวา
จัดวางหมอนของตัวเองเสร็จ เซียวยวี่จึงเอนตัวลงนอน
ยังคงเป็นเช่นเดียวกับเมื่อคืน เซียวยวี่ยกมือขึ้น จับมือเซี่ยยวี่หลัวไว้