ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 419 พบเจอโดยบังเอิญ
ซ่งฉางชิงมองส่งแผ่นหลังของฮูหยินเฒ่าที่เดินจากไปไกล ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังนิ่งเงียบไม่กล่าวอะไร
บริเวณรอบข้างมีคนเดินไปมาขวักไขว่ ซ่งฉางชิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยให้ฝูงชนที่แออัดเดินผ่านข้างกายเขาไป ส่วนเขายืนนิ่งไม่ไหวติง
ทว่ากู้ซินเยว่กลับไม่ดีถึงเพียงนั้น
ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีร่างบาง เมื่อถูกฝูงชนเบียดเสียดไปมา กู้ซินเยว่จึงถูกเบียดจนออกห่าง จื่อเยียนคอยปกป้องอยู่ข้างกายนางตลอด โดนฝูงชนชนไปมาเช่นกัน แต่นางยังคงจับมือกู้ซินเยว่ไว้แน่น ใช้ร่างกายซูบผอมของตัวเองกันอยู่ข้างกายกู้ซินเยว่ ด้วยเกรงว่านางจะถูกคนเบียดใส่
กู้ซินเยว่จ้องมองซ่งฉางชิงที่ยังยืนอยู่กลางถนนด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ ผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่ บดบังร่างของเขาเป็นครั้งคราว กู้ซินเยว่กลัวว่าเขาจะเดินจากไป จึงเบิกตากว้าง ไม่กล้ากะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว เพ่งมองเขาอยู่อย่างนั้น
เห็นฝูงชนเดินผ่านข้างกายเขา ซ่งฉางชิงยืนอยู่ที่เดิม ไม่เหลียวมองนางแม้แต่แวบเดียว! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เห็นนางถูกคนชนใส่อย่างรุนแรง เขาไม่มีความคิดที่จะมาจับมือนางด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่ากู้ซินเยว่เอาแรงมาจากที่ไหน ออกแรงเบียดเข้าไปในฝูงชน จื่อเยียนเห็นคุณหนูของตนเองลำบากถึงเพียงนี้ ก็ร้อนใจจนหยาดน้ำตาแทบไหลออกมา “คุณหนู ท่านอย่าทำเช่นนี้…”
กู้ซินเยว่ทำราวกับไม่ได้ยิน ยังคงเดินไปให้ถึงข้างกายซ่งฉางชิง
คนที่ถูกนางผลักออกก่นด่าด้วยความไม่พอใจ “ผลักอะไรของเจ้า จะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร…”
กู้ซินเยว่ไม่สนใจ ยังคงผลักผู้อื่นออก
ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วขณะมองกู้ซินเยว่เดินมาด้วยท่าทางมุทะลุ
ในเวลานี้เอง มีคนจำนวนไม่น้อยเดินมาทางนี้ ซ่งฉางชิงถอยหลังไปสองก้าวอย่างเงียบเชียบ
ไม่ง่ายเลยกว่ากู้ซินเยว่จะเดินมาถึง นางยิ้มอย่างอ่อนโยน “ญาติผู้พี่ พวกเราไปดูด้านหน้ากันเถิด! ”
นางไม่สนใจถ้อยคำก่นด่าด้านหลังแม้แต่น้อย ปล่อยให้จื่อเยียนที่อยู่ด้านหลังคอยขมาอยู่ไม่หยุด
ซ่งฉางชิงหัวเราะอย่างเย็นเยียบอยู่ในใจ แต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้า เขาเพียงปริปากพูดอย่างเย็นชา “นี่ก็ดึกแล้ว เจ้า…” ยังกล่าวไม่จบ จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าอยากกินปิงถังหูหลู่เจ้าค่ะ…” จู่ๆ เสียงใสเจื้อยแจ้วก็ดังขึ้น
“ตอนกลางคืนกินของหวานไม่ได้นะ หากกินของหวาน ตอนกลางดึกแมลงจะฉวยโอกาสตอนที่เจ้านอนหลับถอนฟันของเจ้าไป! ”
ซ่งฉางชิงได้ยินเสียงนั้น ร่างกายพลันแข็งทื่อ แต่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดูเย็นชาไร้ความรู้สึก
พอเซียวจื่อเมิ่งได้ยินว่าฟันจะถูกแมลงถอนออกไป ก็รีบปิดปากไว้ ก่อนกล่าวเสียงดัง “เช่นนั้นข้าไม่กินแล้ว ไม่กินแล้วเจ้าค่ะ! ”
ยามนี้กู้ซินเยว่ก็เห็นเซี่ยยวี่หลัวแล้วเช่นกัน สตรีผู้นี้ พบหน้ากันอีกแล้ว เดิมทีนางคิดอยากแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก ที่ไหนได้ เซี่ยยวี่หลัวกลับทักทายเอง
“คุณหนูกู้ ช่างบังเอิญนัก! ” เซี่ยยวี่หลัวโบกมือพร้อมกล่าวทักทาย
กู้ซินเยว่หันหน้าเข้าหาเซี่ยยวี่หลัว ก่อนแสยะริมฝีปากด้วยท่าทางเย็นชาแข็งกระด้าง “นั่นสิ บังเอิญจริง! ” นางรู้สึกมีใจเป็นปรปักษ์ต่อเซี่ยยวี่หลัวอย่างไร้สาเหตุ
จากนั้นจึงเห็นซ่งฉางชิงที่อยู่ข้างๆ ไม่กล่าวอะไร ซ่งฉางชิงหันหลังไปนานแล้ว กำลังมองดูของในแผงขายของ
ซ่งฉางชิงยืนหันหลังให้เซี่ยยวี่หลัว นางย่อมดูไม่ออกว่าคนผู้นี้คือใคร เพียงคิดว่าเป็นคนแปลกหน้าที่มาซื้อของก็เท่านั้น
เซี่ยยวี่หลัวเองก็ไม่สนิทกับคุณหนูกู้ผู้นี้เท่าไรนัก เมื่อพบจึงกล่าวทักทาย เสร็จแล้วย่อมต้องไป
“เช่นนั้นพวกเราไปก่อน” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางโบกมือ
สตรีผู้นี้ เหตุใดถึงชอบยิ้มนัก!
อยู่ต่อหน้าคนที่ไม่เคยมีสัมพันธ์ใดๆ ก็สามารถยิ้มอย่างมีความสุขถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
กู้ซินเยว่เพียงรู้สึกว่าร้อยยิ้มนั่นช่างดูขัดตานัก
เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะพาเซียวจื่อเมิ่งไป เซียวยวี่ก็พาเซียวจื่อเซวียนที่ไปถ่ายเบาตามมาพอดี
“อาหลัว…”
มือข้างหนึ่งถือโอกาสกุมมือเซี่ยยวี่หลัวไว้ กู้ซินเยว่เห็นเข้า จึงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือข้างนั้นอย่างอดไม่ได้
เมื่อเห็นรูปลักษณ์หน้าตาของเซียวยวี่ กู้ซินเยว่ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
รูปลักษณ์ของคนผู้นี้ หล่อเหลากว่าญาติผู้พี่ของตนเองเสียอีก
ก่อนหันมองเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างๆ ทั้งสองคนจูงมือกัน ท่าทางรักใคร่กลมเกลียวนั่น ทำให้กู้ซินเยว่รู้สึกว่าจิตปรปักษ์ของนางเมื่อครู่นี้ช่างน่าขันนัก
“วันนี้ฮูหยินเซียวก็มาเที่ยวตลาดยามค่ำคืนเช่นนั้นหรือ? ” กู้ซินเยว่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ยังมีประโยชน์ต่อเซียนจวีโหลวเป็นอย่างมาก นางคิดสูตรอาหารที่มีประโยชน์ได้หลายสูตร ทำให้กิจการของเซียนจวีโหลวดีขึ้นไม่น้อย ขอเพียงเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อเซียนจวีโหลว ทั้งยังไม่มีภัยคุกคามใดๆ ต่อนาง กู้ซินเยว่ย่อมต้องเชื่อมสัมพันธ์ผูกมิตรไว้
เมื่อได้ยินคำกล่าวทักทายอย่างกะทันหันของกู้ซินเยว่ เซี่ยยวี่หลัวจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถามแล้ว นางย่อมต้องตอบ “ใช่แล้ว! ข้าพาเด็กๆ มาเที่ยวเล่น”
กู้ซินเยว่ชำเลืองมองซ่งฉางชิงที่อยู่ข้างๆ
นานถึงเพียงนี้แล้ว ญาติผู้พี่ยืนหันหลังให้ฮูหยินเซียวตลอด สายตามองทอดไปยังของบนแผงโดยไม่ละไปไหน อีกทั้งยังใช้มือหยิบของขึ้นมาชิ้นหนึ่ง มองดูอย่างละเอียด ไม่สนใจเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย ดูจากท่าทาง ราวกับว่าเขาไม่คิดจะกล่าวทักทาย
กู้ซินเยว่รู้สึกยินดียิ่ง
ดูจากรูปการณ์ ญาติผู้พี่เย็นชาต่อฮูหยินเซียวถึงเพียงนี้ ดูท่า นางคงคิดมากไปเองกระมัง ก่อนหันมองสามีของเซี่ยยวี่หลัว รูปลักษณ์หน้าตาดีเช่นนี้ ทั้งเมืองโยวหลันยังหาคนที่หล่อเหลาเช่นนี้เป็นคนที่สองไม่ได้ นิ้วมือทั้งสิบของทั้งคู่เกี่ยวประสานกัน ดูหวานชื่นและมีความสุข ดูก็รู้ว่าสามีภรรยารักใคร่อย่างลึกซึ้ง ความคิดมากของนางก็ถือว่าคิดมากเกินเหตุแล้ว
“ดึกถึงเพียงนี้ ฮูหยินเซียวจะกลับไปเช่นไร? หากไม่มีรถม้า ที่ข้ามีรถม้าหนึ่งคัน สามารถส่งฮูหยินและครอบครัวกลับไปได้! ” กู้ซินเยว่กล่าวอย่างเป็นกันเอง
เซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ มองดูพี่สาวที่งดงาม พร้อมกล่าวเสียงใส “ไม่ต้องเจ้าค่ะ พวกเราไม่กลับบ้าน คืนนี้พวกเรายังต้องอยู่ในตัวเมืองกับพี่สะใภ้ใหญ่ พรุ่งนี้ค่อยกลับ! พี่สะใภ้ใหญ่อยู่ในตัวเมืองเพียงลำพังเหงาเกินไปเจ้าค่ะ! ”
“ขอโทษด้วย เด็กเล็กไม่รู้ความ คุณหนูกู้อย่าได้ถือสา พวกเราออกมานานมากแล้ว คุณหนูกู้เที่ยวต่อเถิด ข้าต้องพาเด็กๆ กลับไปแล้ว! ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางกล่าวอำลา ก่อนเดินผ่านซ่งฉางชิงไป
เซียวยวี่ย่อมเห็นเงาแผ่นหลังที่หันหลังให้เขาอยู่ตลอดเช่นกัน
เขารู้สึกว่าหากคนผู้นั้นเป็นคนเดินเที่ยวทั่วไปก็นับว่าประหลาดนัก ยืนอยู่หน้าแผงขายของนานถึงเพียงนั้น แต่ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย หากคิดจะซื้อของ ก็ไม่ได้ยินคนผู้นั้นกล่าวอะไรแม้แต่ประโยคเดียว
ผู้คนเดินกรูกันมา บดบังทัศนวิสัยของเขา เมื่อหันกลับมามองอีกครั้ง ก็เห็นเพียงผู้คนที่เดินขวักไขว่ เห็นเงาร่างของคนที่ยืนอยู่หน้าแผงที่ไหนกัน
ในมือของซ่งฉางชิงยังจับหินก้อนหนึ่งที่เขาหยิบขึ้นมาโดยบังเอิญขณะที่ได้ยินเสียงของเซี่ยยวี่หลัว
ต้าเยว่มีเหมืองแร่อยู่มาก และมีหินหยกจำนวนไม่น้อย
ตลาดในวันนี้ มีคนนำหินหยกที่ยังไม่เคยผ่านการกรีดตัดมาขายในตัวเมือง แผงที่เขายืนอยู่ เป็นแผงขายหินหยก บนแผงมีหินหยกอยู่หลายสิบก้อน แต่เขากลับหยิบจับได้หินหยกที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อซึ่งดูธรรมดาเป็นที่สุด