ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 420 นี่เป็นการเที่ยวประสาอะไร
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 14 บทที่ 420 นี่เป็นการเที่ยวประสาอะไร
พ่อค้าเห็นลูกค้าที่แต่งกายไม่ธรรมดายืนอยู่หน้าแผงของตัวเองนานแล้ว ทั้งยังดูไปดูมาไม่หยุด รู้อยู่แก่ใจว่าคนผู้นี้คงไม่รู้เรื่องหินหยกเป็นแน่ ไม่ดูของดี กลับดูแต่ของธรรมดาเช่นนี้ แต่หากสามารถขายได้ ก็ถือว่าไม่เลว!
ดังนั้น พ่อค้าจึงกล่าวชื่นชม “ลูกค้าท่านนี้ หินก้อนนี้ช่างมีวาสนากับท่านเสียจริง หินมากมายถึงเพียงนี้ แต่ท่านกลับหยิบก้อนนี้ขึ้นมาทันที ถ้าอย่างไรท่านซื้อเลยดีหรือไม่? ไม่แพงมาก เพียงหนึ่งตำลึงเท่านั้น! ”
เงินหนึ่งตำลึง ซื้อก้อนหินที่แสนธรรมดา แทบจะมั่นใจได้เลยว่าในนั้นไม่มีหยกอยู่อย่างแน่นอน กล้าเรียกราคาสูงเสียจริง
กู้ซินเยว่กำลังจะกล่าวว่าฝันไปเถิด กลับเห็นซ่งฉางชิงหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกมาจากอกเสื้อ วางไว้บนแผง
พ่อค้าหยิบเงินขึ้นมาด้วยท่าทางดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร กู้ซินเยว่ “…”
ซ่งฉางชิงจับก้อนหินไว้แน่น หันมองกู้ซินเยว่ กล่าวประโยคที่สองในค่ำคืนนี้ “เจ้าจะเดินเที่ยวไม่ใช่หรือ? ”
กล่าวจบ ไม่รอให้กู้ซินเยว่กล่าวอะไร ก็สาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า
กู้ซินเยว่เห็นญาติผู้พี่เดินไปด้านหน้าที่ยังเป็นแผงขายของในตลาดยามค่ำคืน นี่ญาติผู้พี่…
นางตกอยู่ในภวังค์นิ่งอึ้ง
จื่อเยียนที่อยู่ข้างๆ รู้สึกตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร รีบดึงกู้ซินเยว่ไป “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ? คุณชายจะเที่ยวตลาดกับท่านนะเจ้าคะ! ท่านรีบตามไปสิเจ้าคะ! ”
กู้ซินเยว่ตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “อ๋อ อ๋อ…”
จริงด้วย ไม่ได้เดินกลับไป แต่เดินไปด้านหน้า นี่เขากำลังจะเดินเที่ยวกับนาง!
กู้ซินเย่วรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก นางวิ่งเหยาะๆ ไปหลายก้าว จึงไล่ตามทันซ่งฉางชิง
ซ่งฉางชิงบีบหินในมือแน่น
เมื่อครู่ยามเขาได้ยินเสียงของเซี่ยยวี่หลัว จู่ๆ ก็รู้สึกบีบคั้นหัวใจ ทรมานจนกล่าวอะไรไม่ออก
พอเขาคิดจะหันกลับไปกล่าวทักทายเซี่ยยวี่หลัว ก็ได้ยินอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
เสียงที่เขาเคยฟังหนหนึ่ง ก็ไม่อาจลืมได้เช่นกัน
เขาจึงถือโอกาสไม่หันกลับไป แสร้งทำเป็นคนแปลกหน้าที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้หันกลับไปแม้แต่ครั้งเดียว
เดิมทีคิดว่าจะผ่านไปทั้งอย่างนั้น ใครจะคาดคิด ว่ากู้ซินเยว่จะพูดคุยจนรู้ความจากเด็กคนนั้น
พี่สะใภ้ใหญ่อยู่ในตัวเมืองคนเดียวเหงาเกินไป!
นางเข้ามาในตัวเมือง?
ทั้งยังอาศัยอยู่ในตัวเมืองอีก?
กู้ซินเยว่รู้สึกตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร เดินตามอยู่ข้างกายซ่งฉางชิงไม่ห่าง หันมองซ่งฉางชิงเป็นครั้งคราว ถึงแม้สายตาของซ่งฉางชิงจะมองทอดไปด้านหน้า ไม่เหลียวมองนางแม้แต่แวบเดียว แต่กู้ซินเยว่ยังคงรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่ญาติผู้พี่พานางเที่ยวตลาด!
ผู้คนที่เดินขวักไขว่ เดินผ่านไปมาระหว่างพวกเขา กู้ซินเยว่ได้แต่ตามติดอยู่ข้างกายซ่งฉางชิง เดินช้าไปสองก้าว เขาก็จะเดินนำไปด้านหน้าแล้ว
กู้ซินเยว่มองดูซ่งฉางชิงที่เดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับมามอง ก็ได้แต่กัดฟัน นางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จนตามอยู่ข้างกายซ่งฉางชิงอีกครั้ง
ตลอดทางที่เดิน มีเพียงซ่งฉางชิงที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนอีกคนตามอยู่ข้างหลัง เดินไปเช่นนี้จนสุดทาง
เมื่อส่งนางกลับถึงเรือนตระกูลซ่ง ซ่งฉางชิงมองดูเรือนที่คุ้นเคย เขาไม่แม้แต่จะก้าวเข้าประตูเสียด้วยซ้ำ
“นี่ก็ดึกแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถิด! ” กล่าวจบ ไม่รอคำตอบจากกู้ซินเยว่ ซ่งฉางชิงสาวเท้าก้าวเดินจากไปทันที
วาจาหนึ่งประโยค แลกกับการอยู่เป็นเพื่อนหนหนึ่ง ไม่ติดค้างกันแล้ว
ท้องฟ้ายามราตรีดูพร่ามัว มีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟที่สาดส่องไปบนถนน ส่องให้เงาของซ่งฉางชิงทอดยาว ก่อนจะหดสั้นลง เงาทอดไปด้านหน้าที ด้านหลังที
วาจาที่กู้ซินเยว่เก็บไว้ในใจ สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
คืนนี้นับเป็นการเที่ยวประสาอะไร?
เดินไปถึงสุดปลายด้านหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับมา
แผงขายของที่ดูน่าสนุก เขากลับไม่มองแม้แต่แวบเดียว ทั้งยังไม่ได้กล่าวอะไรกับนางแม้แต่ประโยคเดียว เขาเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ไม่สนใจว่าคนข้างกายจะอยู่ที่ไหน
กู้ซินเยว่ถูกผู้คนเดินชนใส่จนออกห่างไปหลายหน ได้แต่ทนมองญาติผู้พี่ที่ไม่เหลียวมองสักครั้ง ท่าทางไร้เยื่อใยนั่น…
ทว่า “คืนนี้ญาติผู้พี่อยู่เป็นเพื่อนข้า เจ้าว่า เขากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อข้าใช่หรือไม่? ” กู้ซินเยว่กล่าวด้วยท่าทางคาดหวัง
จื่อเยียนพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนู คุณชายเป็นคนที่ไม่เคยเดินเที่ยวตลาด วันนี้เขากลับเดินเที่ยวเป็นเพื่อนท่าน นั่นเป็นเครื่องยืนยันว่า คุณชายกำลังค่อยๆ ดีต่อท่านมากขึ้นนะเจ้าคะ! ”
“คุณหนู…” จู่ๆ น้ำเสียงเอ็นดูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
กู้ซินเยว่เร่งเดินขึ้นหน้าสองก้าว เดินขึ้นบันได “ท่านป้ากุ้ย…”
“เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ? ฮูหยินเฒ่ากำลังรอท่านอยู่ในห้องเจ้าค่ะ! ”
“ดึกถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านป้าถึงยังไม่นอนเล่า? ” กู้ซินเยว่เดินไปพลางกล่าวด้วยความเป็นห่วง
“ฮูหยินเฒ่าบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ท่านออกไปเที่ยวเล่นกับคุณชาย อยากถามว่าท่านพบเจอเรื่องสนุกอะไร นี่อย่างไร นางรอท่านอยู่ตลอด ทั้งยังพร่ำบ่นว่าอยากให้ท่านรีบกลับมา แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ท่านกลับมาเร็วเกินไป” ท่านป้ากุ้ยปิดปากกลั้นหัวเราะพลางกล่าว
กู้ซินเยว่เขินอายจนหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ ก้มหน้าลงด้วยความประหม่า ความจริงภายในใจรู้สึกมีความสุขเสียยิ่งกว่าอะไร
ท่านป้าอยู่ข้างนางจริงด้วย!
กู้ซินเยว่เดินตามท่านป้ากุ้ย เดินผ่านระเบียง ระหว่างทางพบกับบ่าวรับใช้จำนวนไม่น้อย คนเหล่านั้น พอเห็นกู้ซินเยว่มา ก็รีบถอยออกด้านข้างด้วยความเคารพ ก่อนคำนับอย่างนอบน้อม ตอนแรกกู้ซินเยว่ยังรู้สึกไม่เข้าใจ คนเหล่านี้ปกติพบเห็นนางเพียงแค่คำนับอย่างขอไปที เหตุใดวันนี้…
นางคิดมาตลอดทาง ไม่นานก็ถึงเรือนของฮูหยินเฒ่ากู้
แสงไฟในห้องของฮูหยินเฒ่ากู้ยังสว่างอยู่ พอบ่าวรับใช้ด้านนอกเห็นนางมา ก็ย่อตัวคำนับ ก่อนเลิกม่านขึ้น เชิญกู้ซินเยว่เข้าไปอย่างเคารพนอบน้อม
คุณชายไปเดินเที่ยวตลาดยามค่ำคืนกับคุณหนู คุณชายที่ไม่เคยเดินเที่ยว ทั้งยังไม่มีทางเดินเที่ยวกับสตรี…
ดูท่า อีกไม่นานเรือนตระกูลซ่งคงมีนายหญิงอีกคนแล้ว
บ่าวรับใช้ล้วนเลือกปฏิบัติ รู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่คนผู้นี้จะเป็นนายหญิงของเรือนตระกูลซ่ง ย่อมต้องเคารพมากขึ้น
กู้ซินเยว่เหลือบมองสาวรับใช้ข้างๆ แวบหนึ่ง จู่ๆ ก็เข้าใจข้อกังขาที่คิดมาตลอดทาง นางเชิดหน้ายืดอก เดินเข้าไปในห้องอย่างลำพองใจ
เวลานี้ฮูหยินเฒ่ากู้อาบน้ำเสร็จแล้ว ภายในห้องมีปิงเจี้ยนสองอันวางไว้ พอเข้ามา ก็รู้สึกเย็นสบายไปทั้งตัว
“กลับมาแล้วหรือ?” ฮูหยินเฒ่ากู้เห็นนางกลับมาแล้ว จึงรีบยิ้มพร้อมเอ่ยถาม “มา กระหายแล้วกระมัง? ดื่มน้ำก่อน”
กู้ซินเยว่รีบเดินขึ้นหน้าอย่างสนิทสนม เอ่ยเรียกท่านป้า ก่อนนั่งลงข้างกายฮูหยินเฒ่ากู้ รับน้ำมา กล่าวขอบคุณท่านป้าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แล้วจึงดื่มน้ำ
“เที่ยวถึงตอนนี้เพิ่งกลับมาหรือ? ” ฮูหยินเฒ่ากู้รอมาระยะหนึ่งแล้ว ยังไม่เห็นกู้ซินเยว่กลับมา แต่นางก็ไม่อยากให้นางกลับมาเร็วเกินไป เดินเที่ยวให้มากถึงจะดี
กู้ซินเยว่พยักหน้าด้วยท่าทางเหนียมอาย “ท่านป้า…”
“ฉางชิงอยู่เป็นเพื่อนเจ้าตลอดใช่หรือไม่? ” ฮูหยินเฒ่ากู้ยิ้มพร้อมกล่าว
กู้ซินเยว่ก็ปิดปากกลั้นยิ้มตาม ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่ออย่างมีความสุข
แสงไฟจากเทียนสว่างมาก สาดส่องจนใบหน้าสีขาวผ่องของกู้ซินเยว่ดูงดงามน่าหลงใหลยิ่งขึ้น