ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 425 ถึงเวลาที่ควรเก็บแหแล้ว
บทที่ 425 ถึงเวลาที่ควรเก็บแหแล้ว
เมื่อสุราในกาถูกดื่มจนหมด เรื่องบนเตียงก็สิ้นสุดลงเช่นกัน
โหวจื่อถือกางเกงขณะเดินออกมา เดินไปพลางกล่าวไปพลาง “แม่เจ้า สตรีผู้นี้ถือเป็นหญิงงามที่หายากทีเดียว ข้าเกือบยั้งไม่อยู่! รูปลักษณ์เช่นนี้ หากส่งไปที่ตลาดมืด ต้องประมูลได้ราคาสูงแน่นอน เจ้าช่างมีวาสนาเสียจริง! แต่ข้าว่า เจ้ามีภรรยาที่ดีถึงเพียงนี้ เจ้าจะตัดใจส่งไปที่ตลาดมืดได้จริงหรือ? ครอบครัวนางมีนางเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว ต่อไปของในบ้านนางล้วนแต่เป็นของเจ้า หากข้าเป็นเจ้า คงไม่ทำงานนี้แล้ว! อยู่กับภรรยาที่งดงามถึงเพียงนี้ไปชั่วชีวิตไม่ดีกว่าหรือ? ”
“ทำไม? หลังจากนั้นก็กลับหมู่บ้าน แบกจอบไปทำไร่ไถนารึ? ” เซียวหยวนหัวเราะอย่างเย็นเยียบ “พวกเราล้วนแต่เป็นคนที่ใช้ชีวิตเสเพลจนเคยชิน เจ้าจะให้ข้าเป็นคนดีรึ? ฮึ ข้าทำไม่ได้จริงๆ”
โหวจื่อกล่าวอย่างเห็นพ้อง “ก็จริง หลายปีที่ผ่านมา พวกเราใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจนเคยชิน ให้ข้ากลับมาเป็นคนดี ข้าก็ทำไม่ได้เช่นกัน”
“เจ้าเข้าไปในตัวเมืองรอข้าสักสองวัน ที่ข้าใกล้เสร็จแล้ว ทอดแหนานถึงเพียงนี้ ถึงเวลาควรเก็บแหเสียที! ”
“พวกเราจะจับแค่ตัวใหญ่หรือ? แล้วตัวเล็กเล่า? ”
“วางใจได้ ครั้งนี้พวกเราจะจับทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก! ” เซียวหยวนหัวเราะก่อนกล่าว “เด็กที่ครั้งก่อนถูกคนพากลับไปกลางทาง รับรองว่าครั้งนี้ต้องได้มาไว้ในกำมือแน่”
“ได้ เช่นนั้นข้าจะติดต่อกับทางตลาดมืดก่อน ว่าอีกไม่กี่วันจะส่งของ เจ้าเองก็ระวังด้วย ทำงานนี้เสร็จพวกเราก็ไปที่ต่อไปกัน” โหวจื่อกล่าวจบ ก็ดื่มสุราคำโต สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ จึงฉวยโอกาสออกไปตอนที่ฟ้ายังมืดอยู่
ประกายไฟจากเทียนมงคลที่ใหญ่เท่าท่อนแขนสั่นไหวทีหนึ่ง เซียวหยวนเก็บกวาดสิ่งสกปรกเสร็จ จึงถอดเสื้อออก นอนลงข้างกายเซียวหมิงจู
ถึงเดือนเจ็ดแล้ว อากาศร้อนยิ่งกว่าเดิม
สบู่ชุดที่สองอยู่ระหว่างทางแล้ว โดยเซี่ยยวี่หลัวยังส่งทั้งน้ำยาสระผมและน้ำยาอาบน้ำไปด้วยเช่นกัน ไม่นานทางถงเต๋อก็ส่งจดหมายกลับมา
ที่เมืองหลวง สบู่ขายดีเป็นพิเศษ เพิ่งไปได้สองวัน สบู่สี่ร้อยกว่าก้อนก็ขายออกไปจนหมดเกลี้ยง ก้อนละห้าสิบอีแปะ เหล่าขุนนางตำแหน่งสูงและผู้สูงศักดิ์ซื้อครั้งละหลายสิบถึงร้อยกล่อง ซื้อกันหมดโดยไม่ทันกะพริบตาด้วยซ้ำ!
ทั้งยังบอกว่าดูหน้าร้านให้เซี่ยยวี่หลัวไว้แล้ว ที่หนึ่งอยู่บนถนนสายหลัก ราคาแพงหูฉี่ อีกที่หนึ่งค่อนข้างเปลี่ยว เทียบกันแล้วราคาถือว่าถูกกว่าเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับค่าเช่าในเมืองโยวหลัน ก็ยังถือว่าแพงแทบตาย
เซี่ยยวี่หลัวอ่านจดหมายพร้อมกับฮวาเหนียง
ฮวาเหนียงอ่านจดหมายจบ จึงกล่าว “ถงเต๋อก็เป็นคนที่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง เมืองหลวงเป็นสถานที่เช่นไร ที่ดินล้วนแพงดุจทองคำ ยังจะเทียบราคาสิ่งของในเมืองหลวงกับที่นี่อีก เด็กคนนี้ช่าง…” ไร้เดียงสานัก
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “เกรงว่าหากข้าเข้าเมืองหลวง ก็อาจแยกทิศเหนือใต้ออกตกไม่ได้ด้วยซ้ำ”
ฮวาเหนียงหัวเราะพร้อมกล่าว “รอก่อนเถิด ใกล้แล้ว! ”
กล่าวตามจริง ก่อนจะอ่านจดหมาย ภายในใจฮวาเหนียงรู้สึกกระวนกระวายใจนัก สบู่ก้อนละห้าสิบอีแปะ นางเป็นห่วงว่าจะขายไม่ออก แต่เซี่ยยวี่หลัวกลับมีท่าทางมั่นอกมั่นใจตั้งแต่ตอนเริ่มแกะจดหมาย ความมั่นใจเช่นนี้ ทำให้ฮวาเหนียงรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจเทียบได้เลย
นางมีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ บัดนี้กลับพบว่าตัวเองเทียบเด็กคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ดังนั้น เรื่องที่เซี่ยยวี่หลัวจะไปเมืองหลวง ขึ้นอยู่กับจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ฮวาเหนียงให้ถงเต๋อไปช่วยเซี่ยยวี่หลัวในเมืองหลวง เซี่ยยวี่หลัวย่อมรู้สึกขอบคุณ จึงมอบน้ำยาสระผมและน้ำยาอาบน้ำให้อีกหลายขวด ฮวาเหนียงรับไว้ด้วยความยินดี
ใช้น้ำดอกไม้ไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ให้ฟู่ซื่อและเลี่ยวซื่อหยุด พวกนางยังคงทำสบู่อย่างต่อเนื่อง
สบู่นั้นเก็บได้นานมาก แต่น้ำดอกไม้เก็บนานไม่ได้
เซี่ยยวี่หลัวทำแม่พิมพ์เพิ่มอีกสิบชิ้น ทั้งสามคนทำงานโดยไม่รู้วันรู้คืน บางครั้งเซี่ยยวี่หลัวเหนื่อยจนไม่มีแรงจะกินมื้อเย็นด้วยซ้ำ เซียวยวี่เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ
เขาทำไม่เป็น จึงได้แต่พยายามช่วยเซี่ยยวี่หลัวทำเรื่องอื่นให้เสร็จ ระหว่างช่วงวันหยุด พวกนางก็กำลังยุ่งกับงาน เซียวยวี่และเด็กสองคนจึงช่วยกันทำงานบ้าน และช่วยทำอาหาร
นี่เป็นครั้งแรกที่เลี่ยวซื่อและฟู่ซื่อได้พบสามีของเถ้าแก่เนี้ย แค่รูปลักษณ์ภายนอก ก็ถือเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างแท้จริง
เถ้าแก่เนี้ยทั้งงดงามทั้งค้าขายเก่ง สามีของนางก็หล่อเหลาดูสง่า ทั้งยังรู้จักดูแลเอาใจใส่เถ้าแก่เนี้ย แค่เห็นก็รู้สึกอิจฉาแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวสั่งทำขวดแก้วเพิ่มอีกหนึ่งชุด อีกสองวันถึงจะมาส่ง เซี่ยยวี่หลัวจึงได้แต่ช่วยทำสบู่อีกแรง
เลี่ยวซื่อกล่าวเป็นเชิงหยอกล้อ “ฮูหยินเซียว แต่ก่อนไม่เคยพบสามีของท่าน พวกเราก็นึกสงสัยมาตลอดว่าสามีของท่านหน้าตาเป็นอย่างไรถึงแต่งกับสตรีที่ทั้งงดงามและมีความสามารถอย่างท่านได้ บัดนี้ได้เห็นแล้ว สามีของท่านช่างโดดเด่นเสียจริง เหมาะสมกับท่านราวกิ่งทองใบหยก เป็นคู่สร้างคู่สมจริงๆ! ”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ขอบคุณมาก! ”
ผู้อื่นชมว่าพวกเขาเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก เป็นคู่สร้างคู่สม ย่อมต้องขอบคุณ
“ดูท่านเซียวรูปลักษณ์หล่อเหลา วางตัวดี บุคลิกสง่า เขาเป็นบัณฑิตใช่หรือไม่? ” เลี่ยวซื่อเอ่ยถามต่อ
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “อืม”
“สอบได้เป็นจวี่เหรินแล้วใช่หรือไม่?” เลี่ยวซื่อรู้จักแต่จวี่เหริน นั่นเป็นระดับที่ไม่ธรรมดาเลย “ฮูหยินดีถึงเพียงนี้ ท่านเซียวก็ต้องเก่งกาจมากแน่นอน! ” มิเช่นนั้นจะคู่ควรกับเซี่ยยวี่หลัวได้อย่างไร!
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม “ใช่แล้ว! เขาเก่งกาจมากทีเดียว ในใจข้า บุรุษทั่วหล้าก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้แม้แต่น้อย! ”
ยังไม่กล่าวถึงเรื่องที่ในภายภาคหน้าเซียวยวี่จะเป็นราชบัณฑิตหรือไม่ แค่ความเอาใจใส่ที่เขามีต่อนาง ใต้หล้านี้ไม่อาจหาคนที่สองได้
เมื่อเห็นฮูหยินแสดงสีหน้ามีความสุขและพึงพอใจ ทั้งสองคนต่างคาดเดาว่าท่านเซียวต้องเก่งกาจแน่นอน!
ฟู่สื่อกล่าวตามความรู้สึก “เฮ้อ พอวันนี้เห็นท่านเซียวช่วยงานไม่หยุด ข้าก็คิดว่าหากลูกเขยของข้าทำได้สักหนึ่งในสิบส่วนของท่านเซียว ข้าก็พึงพอใจแล้ว”
เซี่ยยวี่หลัวรู้อุปนิสัยลูกเขยของนาง ไม่อยากกล่าวอะไร ได้แต่ก้มหน้าทำงาน
ทว่าเลี่ยวซื่อกลับพูดโพล่งออกมา กล่าวกับฟู่ซื่อ “เซียงชุ่ยบ้านเจ้านับว่าน่าสงสาร! สตรีที่ดีทำไมถึงต้องเจอกับคนเช่นนั้น”
ฟู่ซื่อก็ไม่กล่าวอะไรอีก เพียงก้มหน้าทำงาน ก่อนจะทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
ภายในใจนางรู้สึกนึกเสียใจแทบตาย ตอนนั้นที่เซียงชุ่ยแต่งกับเขา นางเป็นคนชักจูงเอง บอกว่าเป็นคนดี เป็นคนซื่อสัตย์ ถึงแม้จะยากจนไปบ้าง แต่ก็รู้จักดูแลเอาใจใส่ผู้อื่น มาบัดนี้ นอกจากความจนที่ยังไม่เปลี่ยน ด้านอื่นล้วนเปลี่ยนไปหมดสิ้น
พระอาทิตย์ฉายแสงอย่างแรงกล้าอยู่บนท้องนภา แทบจะย่างคนจนสุกได้ มีคนเดินบนถนนประปราย บนถนนกว้าง มีเพียงบุรุษผู้มีบุคลิกงามสง่าประหนึ่งต้นหยกกลางสายลมซึ่งถือร่มกระดาษน้ำมันที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
จำไม่ได้แล้วว่าเดินเล่นในตัวเมืองโยวหลันเป็นรอบที่เท่าไร
ซ่งฉางชิงเดินจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตก ก่อนจะเดินจากทิศใต้ไปยังทิศเหนือ หาอย่างต่อเนื่องมาหลายวัน เขาเดินไปทั่วทุกตรอกซอกซอยในเมืองโยวหลันแล้ว แต่กลับไม่เคย ‘พบโดยบังเอิญ’ แม้แต่ครั้งเดียว
ยามนี้ ดวงตะวันฉายแสงเจิดจ้าอยู่เหนือศีรษะ เป็นช่วงเวลาที่เซียนจวีโหลวยุ่งที่สุด แต่เขากลับทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง เดินเอื่อยอย่างไร้จุดหมาย
เถ้าแก่แผงขายบะหมี่ริมทางมองแวบเดียวก็เห็นซ่งฉางชิง เขาตกอยู่ในภวังค์เลื่อนลอยทันที