ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 427 ท่านพ่อดูเหมือนจะผิดปกติ
ฟู่ซื่ออาศัยอยู่ไม่ห่างจากโรงผลิตมากนัก โดยเป็นเรือนกระเบื้องสามห้องเช่นเดียวกัน ตอนที่นางเข้าไป หลานสาวกำลังดูมดอยู่ในลานบ้าน ฟู่ซื่อเล่นกับหลานสาวครู่หนึ่ง ก่อนเข้าไปในห้องครัว
เซียงชุ่ยกำลังทำอาหารเย็น เวลานี้ฟ้ามืดแล้ว เซียงชุ่ยเสียดายไม่อยากจุดตะเกียงน้ำมัน จึงทำอาหารโดยอาศัยแสงไฟจากเตาปรุงอาหาร
ทั้งสองคนช่วยกัน ทำอาหารสองอย่าง เพิ่งยกมาวางบนโต๊ะ คนผู้หนึ่งก็พุ่งพรวดเข้ามาจากข้างนอก พอเห็นอาหารก็นั่งลงทันที ก่อนยกเท้าขึ้นมาวางพาดบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ด้วยท่าทางวางก้าม “เอาตะเกียบมาให้ข้า! ”
ฟู่ซื่อมองลูกเขยที่ตัวเองเลือก ก่อนมองเซียงชุ่ยที่รีบนำชามและตะเกียบมาให้ ติงกุ้ยคีบอาหารคำโตใส่ปากทันที
ใช้เวลาเพียงครู่เดียว ก็กินอาหารสองอย่างจนแทบหมด เหลือไว้เพียงน้ำแกงก้นจาน
ฟู่ซื่อโมโหแต่ไม่กล้ากล่าวอะไร เซียงชุ่ยก็กอดบุตรสาวยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความหวาดวิตก กลัวว่าติงกุ้ยจะคลุ้มคลั่งในเสี้ยววินาทีต่อไป
วันนี้ติงกุ้ยไม่ได้แพ้พนัน อารมณ์ดีมาก หลังจากกินอาหารเสร็จก็กลับไปนอนหลับสนิททันที
ฟู่ซื่อมองดูเศษอาหารที่เหลือบนโต๊ะ ก่อนหันมองบุตรสาวและหลานสาวที่กลัวจนตัวสั่น นางกล่าว “ข้าจะไปผัดอาหารให้อีกหนึ่งอย่าง! ”
นางไปทำอาหารอีกหนึ่งอย่าง ตัดใจใส่น้ำมันเพิ่มอีกสองหยด ทั้งสามคนกินอาหารมื้อค่ำกับผักต้ม
เซียงชุ่ยคิดถึงคนที่เห็นในตรอกวันนี้ ยังรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย “ท่านแม่ ช่วงนี้ตอนข้าไปซักเสื้อผ้า ข้าอยากพาเถียนเถียนไปด้วยเจ้าค่ะ ปล่อยให้เด็กอยู่บ้านตามลำพัง ข้าไม่วางใจ”
ฟู่ซื่อกำลังปูที่นอน “เจ้ากลัวว่าจะมีพวกค้ามนุษย์งั้นหรือ? ”
เซียงชุ่ยพยักหน้า “เจ้าค่ะ คนที่ข้าเห็นวันนี้ ตอนข้ากลับ เขายังเดินอยู่ในตรอก”
ฟู่ซื่อแย้มรอยยิ้มอย่างหาได้ยากนัก “ไม่ต้องห่วง คนผู้นั้นไม่ใช่คนเลว! ”
“ท่านแม่…”
“นั่นคือท่านซ่งแห่งเซียนจวีโหลว เขาเป็นเถ้าแก่เซียนจวีโหลว ทั้งยังเป็นท่านจวี่เหริน จะเป็นคนเลวได้อย่างไร? ”
เซียงชุ่ยขยับริมฝีปาก อยากกล่าวอะไร แต่กลับกล่าวไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ท่านจวี่เหริน ทั้งยังเป็นเถ้าแก่ของเซียนจวีโหลว จะเป็นคนที่เก่งกาจเพียงใดกัน!
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราหาเงินเพิ่มขึ้นหน่อย เมื่อถึงเวลาเจ้าแยกทางกับติงกุ้ยเถิด พวกเราสามแม่ลูกอยู่ด้วยกัน! ” ฟู่ซื่อมีเซียงชุ่ยเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ย่อมต้องรักใคร่เอ็นดู
เซียงชุ่ยพยักหน้าด้วยน้ำตาคลอเต็มเบ้าตา “เจ้าค่ะ ท่านแม่”
เก็บเงินหรือ? เช่นนั้นนางต้องเก็บไปอีกกี่ปีกัน!
คิดถึงเรื่องสามีที่สมควรตายนั่น พอดื่มสุราและแพ้พนันก็จะมาระบายอารมณ์กับนางและเถียนเถียน ทั้งยังทารุณนางราวกับเป็นสัตว์ก็มิปาน เซียงชุ่ยรู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว
ต้องรออีกนานเท่าใดถึงจะสิ้นสุด!
ขอเพียงมีเงิน ขอเพียงมีเงิน นางก็สามารถไปจากบุรุษที่สมควรตายนั่นได้แล้ว
ทว่า จะหาเงินได้จากที่ไหนกัน?
เซียงชุ่ยหันมองเถียนเถียนที่หลับสนิทอยู่ข้างๆ เด็กคนนี้เกิดมาก็ตัวเล็กราวกับลูกแมวก็มิปาน ตอนนี้ยิ่งซูบผอม นางเห็นแล้วรู้สึกปวดใจนัก
วันที่สามเยี่ยมบ้านเดิม ท่านป้าสี่และท่านลุงสี่ยืนอยู่หน้าประตู มองดูลูกสาวและลูกเขยที่อยู่ห่างจากบ้านเพียงสิบกว่าหมี่หอบข้าวของถุงเล็กถุงใหญ่กลับมา พวกเขาตื่นเต้นจนออกมารับหน้าประตู
ถึงแม้จะอยู่ใกล้ แต่ช่วงหลายวันหลังจากแต่งงาน เซียวหมิงจูและเซียวหยวนไม่ได้มาหาเลย ท่านป้าสี่ไม่เคยแยกจากหมิงจูนานถึงเพียงนี้มาก่อน บัดนี้เห็นบุตรสาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยสีแดงเลือดฝาด ท่านป้าสี่ก็พยักหน้าพลางกล่าวว่าดีไม่หยุด
สองแม่ลูกมีเรื่องให้คุยไม่รู้จบ ท่านป้าสี่พาเซียวหมิงจูเข้าไปในห้อง พูดคุยเรื่องลับๆ กัน
“เจ้ากับอาหยวนสบายดีหรือไม่? เขาไม่ได้รังแกเจ้าใช่หรือไม่? ” เรื่องอย่างว่าของสตรี เป็นเรื่องที่ท่านป้าสี่เป็นห่วงที่สุด
เซียวหมิงจูส่ายหน้า หน้าแดงถึงใบหู “เปล่าเจ้าค่ะ! ”
“เขาดีต่อเจ้าหรือไม่? อ่อนโยนหรือไม่? ”
เซียวหมิงจูออกเรือนแล้ว ย่อมรู้ว่ามารดาหมายถึงเรื่องอะไร เพียงแต่นางไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ทว่านางไม่อยากบอกกับมารดา จึงพูดเบี่ยงเบนประเด็น “ท่านแม่ อาหยวนดีกับข้ามาก ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า แต่ข้ากลับเป็นห่วงท่านพ่อเจ้าค่ะ! ”
หวนคิดถึงสภาพของบิดาที่เห็นตอนอยู่หน้าประตู เซียวหมิงจูก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
ท่านป้าสี่หัวเราะ “เจ้าจะเป็นห่วงท่านพ่อของเจ้าไปทำไม? ”
เซียวหมิงจูกล่าวด้วยความกังวาล “ข้ารู้สึกว่าสีหน้าของท่านพ่อไม่ค่อยดีนัก ถ้าอย่างไรท่านพาท่านพ่อไปหาหมอในตัวเมืองดีหรือไม่เจ้าคะ? ”
ใบหน้าของท่านพ่อถึงแม้จะเต็มไปด้วยสีแดงเลือดฝาด แต่กลับแฝงเร้นด้วยสีแดงที่อธิบายไม่ถูก นั่นไม่ใช่สีแดงเลือดฝาดที่คนปกติควรมี
ท่านป้าสี่หัวเราะพร้อมกล่าว “ข้าว่าท่านพ่อของเจ้าแข็งแรงเสียยิ่งกว่าอะไร เขาดื่มสุราที่อาหยวนนำมาให้ ระยะนี้ร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้หากอาหยวนออกไปอีก ให้อาหยวนนำสุราชนิดนี้กลับมาให้ท่านพ่อของเจ้าอีกเถิด เข้าใจหรือไม่? ”
เซียวหมิงจูพยักหน้า “เจ้าค่ะ”
ตอนกลับไป เซียวหยวนดื่มสุราจนค่อนข้างเมา พิงอยู่บนตัวเซียวหมิงจู ปล่อยให้เซียวหมิงจูพยุงกลับ
เซียวหมิงจูครุ่นคิดเรื่องนั้นอยู่ตลอดทาง หลังจากกลับไป เห็นเซียวหยวนนอนลงบนเตียงด้วยความเมามาย เซียวหมิงจูถอดเสื้อผ้า เอนตัวลงนอน ครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะกอดเซียวหยวนจากด้านหลัง
เซียวหยวนร่างกายแข็งทื่อ สร่างเมาในทันใด “หมิงจู นี่เจ้าทำอะไร? ”
เซียวหมิงจูเขินอายยิ่งนัก
เซียวหยวนรู้ว่าคราวนี้เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีก เขาจึงหันกลับมา กอดเซียวหมิงจูไว้
หลังจากเสร็จกิจ เซียวหมิงจูรู้สึกว่าผิดปกติ นางนอนพิงบนอกเซียวหยวน ครุ่นคิดเรื่องราวมากมายอยู่ในใจ
เซียวหยวนลูบไล้แผ่นหลังเรียบเนียนของเซียวหมิงจู ทว่าแววตากลับไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย