ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 439 ต้าเยว่ไม่มีกฎระเบียบเช่นนี้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 439 ต้าเยว่ไม่มีกฎระเบียบเช่นนี้
บทที่ 439 ต้าเยว่ไม่มีกฎระเบียบเช่นนี้
หมู่บ้านกลับสู่ความสงบดังเดิม เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายหลังเซียวหยวนกลับมา กลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างของทุกคน เซียวยวี่ยังคงกลับมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง หลังจากเลิกเรียนก็นั่งรถม้าของเก๋อวั่งเข้าไปในตัวเมือง
ทุกคนไม่ได้พบเซี่ยยวี่หลัวนานแล้ว ลองถามดู จึงได้รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปอาศัยอยู่ในตัวเมืองนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว นางไปเพื่อทำงานหาเงิน
“ข้าคิดว่าเซียวยวี่ช่างมีสายตาเฉียบแหลมนัก ถูกตาต้องใจเซี่ยยวี่หลัว ดูนางสิ ทั้งรูปลักษณ์หน้าตาดี ทั้งหาเงินเป็น! ”
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าว่าเซี่ยยวี่หลัวเป็นดาวนำโชคของเซียวยวี่ ได้ยินว่าครั้งนี้จับเซียวหยวนมาลงโทษได้ ทางอำเภอกว่างชางช่วยเขาขอรางวัลจากจังหวัดจิ้นชางด้วย! พวกเจ้าว่า เซียวยวี่ช่วยไขคดีใหญ่ถึงเพียงนี้ จังหวัดจิ้นชางจะตบรางวัล ย่อมต้องไม่ใช่น้อยๆ แน่! ” มีคนทอดถอนใจพร้อมกล่าว
“หากเขาเป็นซิ่วไฉ ไม่แน่ว่าสามารถรับราชการเป็นขุนนางที่ที่ว่าการจังหวัดได้ด้วย เฮ้อ ผ่านเรื่องครั้งนี้ เซียวยวี่คงได้มีชีวิตที่ดีเสียที”
เซียวจินถ่มน้ำลายสองที “เจ้าก็บอกเองว่าเขาไม่ใช่ซิ่วไฉ เดิมทีเขาไม่มีสิทธิ์สอนหนังสือด้วยซ้ำ ยังคิดจะรับราชการเป็นขุนนาง ฝันไปเถิด! ”
ทุกคนเพียงคิดว่าเซียวจินรู้สึกอิจฉา จึงต่างไม่กล่าวอะไร
ทางจังหวัดจิ้นชางตบรางวัลจริง
เซี่ยยวี่หลัวให้ฟู่ซื่อและเลี่ยวซื่อหยุดพักหนึ่งวัน ส่วนนางกลับมาพร้อมเซียวยวี่
ตอนที่ทางจังหวัดจิ้นชางให้รางวัล ก็ส่งเจ้าหน้าที่มาสองคน โหยวเจิ้งเฉิงพามาด้วยตัวเอง เมื่อเซียวจิ้งยี่รู้ข่าว ก็มารอในหมู่บ้านล่วงหน้า ชะเง้อคอรอคอยด้วยความตื่นเต้น
เซียวยวี่ยังคงทำเหมือนเคย สอนเด็กๆ ให้อ่านตำราเรียนหนังสือ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
เซี่ยยวี่หลัวทำงานบ้านอยู่ที่บ้าน ไม่ได้กลับมาสิบกว่ายี่สิบวัน ทั้งด้านในและด้านนอกยังคงสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนตอนที่นางอยู่บ้าน ดูท่า เซียวยวี่เก็บกวาดดูแลบ้านได้เป็นอย่างดี
นางไปเด็ดผักจำนวนหนึ่งที่สวนหลังบ้าน ฆ่าปลาเสร็จ จึงหมักเกลือไว้
เตรียมอาหารที่จะกินในตอนเที่ยงเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงไปที่สถานศึกษา ยืนอยู่ตรงหน้าต่างฟังบทเรียนครู่หนึ่ง เวลานี้เอง เซียวยวี่กำลังสอนเด็กๆ ขับขานบทกลอนโบราณพอดี
ก่อนหน้านี้เซียวยวี่ก็สอนให้เด็กๆ ท่องบทกลอนโบราณ แต่เด็กๆ ท่องไปท่องมา พอจำท่อนหลังได้ก็ลืมท่อนหน้า เซียวยวี่จึงนึกถึงวิธีที่เซี่ยยวี่หลัวสอนให้เซียวจื่อเมิ่งท่องบทกลอนโบราณด้วยการขับขาน ดังนั้นเขาจึงขอคำแนะนำจากเซี่ยยวี่หลัวด้วยความถ่อมตัวว่าควรขับขานบทกลอนโบราณเช่นไร ต้องยอมรับว่า บทกลอนโบราณที่เซียวยวี่ใส่ท่วงทำนองขับขานเอง ทำนองสดใส กระชับจำง่าย ร้องแล้วติดหู เด็กๆ เหล่านั้นร้องตามห้าถึงหกครั้ง ก็จำได้ทั้งหมดแล้ว
เพื่อการนี้ เซียวยวี่ยังรวบรวมบทกลอนโบราณที่เขาใส่ท่วงทำนองเองไว้เป็นเล่ม สอนบทใหม่วันละหนึ่งบท เด็กๆ เหล่านี้สามารถจดจำแล้วท่องจำได้อย่างง่ายดาย
เซียวยวี่ขับขานจบสองประโยค เหลือบไปเห็นอาหลัวที่ยืนอยู่นอกหน้าต่างพอดี
เซี่ยยวี่หลัวคิ้วงามโก่งโค้ง ส่งยิ้มให้คนด้านใน เซียวยวี่เองก็แย้มรอยยิ้มตามเช่นกัน
เด็กๆ ที่คอยเฝ้ามองอาจารย์อยู่ตลอด เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอาจารย์ที่ทำสีหน้าขึงขังมาตลอด ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ ปกติระหว่างคาบเรียน อาจารย์ไม่เคยยิ้มมาก่อน เหตุใดวันนี้ถึงยิ้มได้
นอกจากนั้น ยังแย้มรอยยิ้มราวกับบุปผาเบ่งบานก็มิปาน
เด็กๆ หันมองออกไปข้างนอกตามสายตาของอาจารย์ ก็เห็นผู้ที่งดงามประหนึ่งดอกไม้…
“คารวะอาจารย์หญิง! ” เด็กๆ ต่างหันมองไปทางเซี่ยยวี่หลัวพลางตะโกนอย่างพร้อมเพรียง
เซี่ยยวี่หลัวโบกมือให้เด็กๆ ยิ้มจนตาหยี “สวัสดีเด็กๆ! ”
จากนั้น จึงวิ่งหนีไป
ภายในห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะดังครืน เซียวยวี่ก็ปิดปากกลั้นยิ้มอย่างมีความสุขครู่ใหญ่
คนด้านนอกมาถึงหน้าสถานศึกษาพอดี เจ้าหน้าที่สองคนได้ยินเสียงหัวเราะดังครืนจากด้านใน ต่างก็หัวเราะตาม “เด็กในสถานศึกษาแห่งนี้ช่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสียจริง หัวเราะอย่างมีความสุขถึงเพียงนี้! ”
สถานศึกษาจำนวนไม่น้อยที่มีกฎระเบียบเคร่งครัด ได้ยินแต่เสียงอ่านตำรา อย่าว่าแต่เสียงหัวเราะเลย แม้แต่เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบก็ยังได้ยินน้อยมาก
เซียวจิ้งยี่ยิ้ม “เด็กๆ ดีใจที่ได้เรียนกับอาจารย์เซียว”
เมื่อเซียวจินที่อยู่ข้างๆ ได้ฟังดังนั้น ก็กล่าวด้วยท่าทีประหลาด “มีอะไรน่าดีใจกัน มีสถานศึกษาที่ไหนเรียนหนังสือแล้วมีเสียงหัวเราะเช่นนี้ ไม่มีความเข้มงวดแม้แต่น้อย ไม่มีกฎระเบียบเคร่งครัดสักนิด มิน่าล่ะ คนที่ไม่ได้เป็นซิ่วไฉย่อมสอนไม่เป็น! ”
หนีเหลียง หัวหน้าเจ้าหน้าที่จากที่ว่าการจังหวัดส่งเสียง “หืม” ทีหนึ่ง “อาจารย์เซียวยังไม่มีคุณวุฒิหรือ? ”
ตามกฎระเบียบของต้าเยว่ ผู้ไม่มีคุณวุฒิ ห้ามสอนหนังสือแก่ผู้อื่น ห้ามเปิดสถานศึกษา มิเช่นนั้น จะถูกสั่งปิดสถานศึกษา และเลิกสอนนักเรียนด้วยข้อหาบ่อนทำลายชนรุ่นหลัง
เซียวจิ้งยี่หรี่ตามองเซียวจินแวบหนึ่ง แต่เห็นเขายืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางมีความสุขที่ได้เห็นผู้อื่นเดือดร้อน สีหน้าท่าทางราวกับกำลังได้ดูเรื่องสนุก เซียวจิ้งยี่ไม่มีหนทางอื่น ได้แต่กล่าว “ตอนนี้เซียวยวี่ยังไม่มีคุณวุฒิจริง แต่เขามีความรู้กว้างขวาง สอนเด็กๆ ในบทเรียนเริ่มต้นถือว่ามีความสามารถมากเกินพอ! ”
หนีเหลียง “หัวหน้าหมู่บ้านเซียวไม่รู้กฎระเบียบของต้าเยว่หรือ? ”
เซียวจิ้งยี่รู้สึกเย็นสันหลังวาบ รีบอธิบาย “ข้าน้อยรู้กฎระเบียบของต้าเยว่ เพียงแต่หมู่บ้านสกุลเซียวมีเด็กเพียงหกคนที่ต้องการเรียนหนังสือ ให้ส่งไปที่สถานศึกษาในเมืองโยวหลันนั้นมีความไม่สะดวกหลายประการ ดังนั้น ข้าน้อยจึงขอให้เซียวยวี่ช่วยเหลือ ช่วยสอนเด็กเหล่านี้ในบทเรียนเริ่มต้น หากมีความผิด เช่นนั้นก็เป็นความผิดของข้าน้อย หวังว่าใต้เท้าจะไม่เอาความเซียวยวี่”
“ท่านรู้กฎกลับยังละเมิด รู้หรือไม่ว่าต้องรับโทษประการใด? ”
“ข้าน้อยรู้ ข้าน้อยยินยอมจะรับโทษทั้งหมด” เซียวจิ้งยี่เป็นคนขอให้เขามาช่วย สถานศึกษานี้เขาก็เป็นคนขอให้เซียวยวี่เปิด เซียวจิ้งยี่ย่อมต้องแบกรับความผิดและรับภาระทั้งหมดไว้เอง
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านไม่มีความเป็นธรรมเอาเสียเลย เซียวยวี่เป็นคน แล้วเด็กๆ เหล่านี้ของพวกเราไม่ใช่คนหรืออย่างไร ท่านให้คนที่ไม่มีคุณวุฒิมาสอนเด็กๆ ในบทเรียนเริ่มต้น ท่านไม่กลัวว่าเซียวยวี่จะทำให้เด็กเหล่านี้เสียการหรือ เขาไม่ใช่ซิ่วไฉ เขาสอนได้ดีสิถึงจะแปลก! ” เซียวจินกล่าวเสียงดังต่อหน้าหนีเหลียง
เซียวจิ้งยี่ “เซียวจิน เจ้าหุบปากซะ”
“ข้าไม่หุบปากเสียอย่าง หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านเข้าข้างเซียวยวี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง คิดอยากให้เขาได้หาเงิน ท่านก็บอกตามตรง เหตุใดถึงต้องเอาอนาคตของเด็กๆ มาเป็นเดิมพัน ถึงแม้พวกเราจะเป็นคนชนบทที่ต่ำต้อย และไม่เคยเรียนหนังสือ แต่พ่อแม่คนใดบ้างไม่คาดหวังให้ลูกมีอนาคตที่ดี ทุกคนให้เงินแล้ว ย่อมต้องอยากให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อย่างดี ต่อไปมีโอกาสสอบซิ่วไฉ สอบจวี่เหริน เป็นขุนนางเช่นคนอื่น ท่านให้คนที่สอบซิ่วไฉไม่ผ่านมาสี่ปีสอนหนังสือ ท่านไม่กลัวว่าเขาจะทำให้เด็กๆ หมดอนาคตหรือ! ” เซียวจินกล่าวเสียงดังลั่น
ทุกคำพูดล้วนเต็มไปด้วยความไม่พอใจต่อเซียวยวี่ และตั้งข้อกังขาในความสามารถของเขา
ผู้ปกครองส่วนหนึ่งที่เดิมทียินยอมส่งเด็กๆ มาเล่าเรียน พอได้ฟังวาจาของเซียวจิน ภายในใจก็แอบรู้สึกเห็นด้วย
วาจาของเซียวจินกล่าวได้ไม่ผิด