ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 441 ขออภัยด้วย ชัยชนะอย่างขาดลอย
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 441 ขออภัยด้วย ชัยชนะอย่างขาดลอย
บทที่ 441 ขออภัยด้วย ชัยชนะอย่างขาดลอย
เห็นได้ชัดว่าหนีเหลียงรู้สึกตั้งตาคอยการแข่งขันครั้งนี้เป็นอย่างมาก ราวกับจงใจมาเพื่อการนี้อย่างไรอย่างนั้น
“หัวหน้าหมู่บ้าน ที่เขากล่าวมานั้นมีเหตุผลเป็นอย่างมาก ควรมีการตบรางวัลและบทลงโทษ ถ้าอย่างไรให้ข้าเป็นประจักษ์พยานดีหรือไม่? ” หนีเหลียงยิ้มพร้อมกล่าว
เซียวจิ้งยี่เห็นว่าหนีเหลียงก็จะเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย รู้สึกจนใจ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายกล่าวออกมาแล้ว เซียวจิ้งยี่จึงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มขมด้วยความจนใจ “ทำให้ใต้เท้าหนีเห็นเรื่องน่าอายแล้ว”
เมื่อเห็นว่าใต้เท้าที่มาจากจังหวัดจิ้นชางสนับสนุนตัวเอง เซียวจินก็ยิ่งรู้สึกลำพองใจ ต้องทำให้เซียวยวี่ขายหน้าต่อหน้าใต้เท้าให้ได้
“หากต้าหมินชนะ หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านว่าจะทำเช่นไร? ” เซียวจินเอ่ยถาม
เซียวจิ้งยี่ยังไม่ทันกล่าวอะไร เซียวยวี่ก็ก้าวขึ้นหน้า “หากเด็กๆ พ่ายแพ้ ข้าจะเลิกสอนนักเรียน ปิดสถานศึกษา ค่าเล่าเรียนที่จ่ายมาก็จะคืนให้เป็นเท่าตัว! ”
เซียวจิน “…” คิดไม่ถึงว่าเซียวยวี่จะกล่าวเช่นนี้ เขาผงะไป ก่อนกล่าวขึ้นทันที “ได้ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ทุกคนได้ยินแล้ว ถึงเวลาพ่ายแพ้แล้วอย่าร้องไห้น้ำมูกไหลล่ะ! ”
“แล้วท่านเล่า? หากต้าหมินแพ้จะทำเช่นไร? ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมเอ่ยถาม
เซียวยวี่หันมองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่งด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู ภายในใจรู้สึกดีใจยิ่งนัก
นางมักจะยืนอยู่ข้างเขาเสมอ!
“หึ ต้าหมินของข้าหรือจะแพ้? ต้าหมินของข้าไม่มีทางแพ้แน่นอน! ” เซียวจินกล่าวโดยไม่คิดก่อนด้วยซ้ำ
“เช่นนั้นหากพ่ายแพ้เล่า? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามอีกครั้ง
เซียวจินยังจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ หนีเหลียงที่อยู่ข้างๆ จึงกล่าว “เมื่อเป็นการแข่งขัน ย่อมต้องมีแพ้มีชนะ กฎกติกาการแข่งขันย่อมต้องกำหนดทั้งสองฝ่าย! ”
นี่เป็นการบีบบังคับให้เซียวจินกล่าว
เซียวจินคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “ได้ หากข้าพ่ายแพ้ ข้าจะขอขมาเซียวยวี่ ให้ต้าหมินของข้าขอขมาเซียวยวี่! ” หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เซียวจินกัดฟันก่อนกล่าวต่อ “และจะบอกว่าอาจารย์ของเขาสอนได้ไม่ดีเท่าเซียวยวี่! เช่นนี้คงได้แล้วกระมัง? ”
“แน่นอน เช่นนั้นก็เริ่มกันเถอะ! ” เซี่ยยวี่หลัวถอยหลังไป ส่งต่อพื้นที่ให้เด็กๆ กลุ่มนั้น
เด็กๆ ที่เมื่อครู่นี้ยังเล่นซนกันอย่างสนุกสนาน บัดนี้ใบหน้าเล็กของแต่ละคนล้วนดูขึงขัง จริงจังเป็นอย่างมาก เตรียมรับการแข่งขันเต็มกำลัง
อาจารย์บอกไว้ ตอนเล่นก็ควรเล่นให้เต็มที่ ไม่ต้องคิดถึงสิ่งอื่นใด แต่เมื่อถึงเวลาเรียนหนังสือ ก็ต้องตั้งใจเล่าเรียน จะทำอย่างขอไปทีไม่ได้ ต้องตั้งอกตั้งใจเล่าเรียนอย่างเต็มกำลัง
เซียวจินเพียงคิดว่าเด็กเหล่านี้รู้สึกกลัว จึงกล่าวกับต้าหมินอย่างได้ใจ “ต้าหมิน เอาชนะพวกเขาให้แพ้ย่อยยับ พยายามเพื่ออาจารย์ของเจ้า! ”
เซียวต้าหมินขานตอบทีหนึ่ง ไม่เห็นฝ่ายตรงข้ามอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
พูดเป็นเล่น อาจารย์ของเขาเป็นถึงท่านจวี่เหริน ส่วนอาจารย์ของคนเหล่านี้เล่า เป็นอะไร? ไม่มีคุณวุฒิใดๆ เป็นแค่บัณฑิตไร้คุณวุฒิ เขามีหรือจะกลัวเด็กเหล่านี้!
การแข่งขันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ เด็กๆ ล้วนเพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน การแข่งขันย่อมต้องแข่งว่าลายมือของใครดูดีกว่า และใครสามารถท่องบทกลอนได้มากกว่า
เซียวต้าหมินยกพู่กันขึ้น เขียนชื่อของตัวเองออกมา
ในเมื่อต้องการแข่งกับทุกคน เด็กๆ เหล่านั้นจึงเดินขึ้นหน้า แต่ละคนต่างเขียนชื่อของตัวเอง
ทุกคนล้วนเหมือนกัน ต่างก็เพิ่งเข้าเรียนในสถานศึกษาได้ไม่นาน เมื่อก่อนจับเชือกผูกวัวเป็นประจำ เพิ่งมาจับพู่กันระยะนี้ ตัวหนังสือที่เขียนออกมาก็ไม่ต่างกันมากนัก ถึงอย่างไรเรื่องอย่างการฝึกเขียนหนังสือ ตอนเพิ่งเริ่มเรียน ทุกคนล้วนไม่มีความแตกต่างกันสักเท่าไร
มีเพียงเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งที่เขียนได้ดูดีที่สุด พวกเขาได้รับการสอนสั่งชี้แนะจากเซียวยวี่ตั้งแต่เด็ก
หนีเหลียงกล่าวชื่นชมตัวอักษรของทั้งสองคน เซียวจินจึงไม่พอใจ “พวกเขาเรียนกับเซียวยวี่ตั้งแต่เล็กจนโต ตัวหนังสือย่อมดูดี เด็กคนอื่นๆ ตัวหนังสือล้วนไม่ต่างกันมากนัก รอบนี้จะนับว่าเซียวยวี่ชนะไม่ได้! ”
เมื่อหนีเหลียงได้รู้ว่าสองคนที่เขียนได้ดีเป็นน้องชายและน้องสาวแท้ๆ ของเซียวยวี่ ก็เห็นด้วยกับวาจาของเซียวจิน “เช่นนั้นก็ได้ รอบนี้ถือว่าเสมอ! ”
รอบต่อไป เป็นการแข่งบทกลอนบทกวีที่เด็กๆ รู้
เซียวต้าหมินโยกศีรษะไปมา ท่องบทกลอนออกมาคราเดียวแปดถึงเก้าบท ท่องอย่างลื่นไหล ทุกคนในที่นี้ได้ฟังต่างก็พยักหน้าชื่นชม “ต้าหมินเรียนได้ดีจริงๆ เพิ่งเรียนหนังสือได้ไม่นาน ก็ท่องเป็นมากถึงเพียงนี้แล้ว! ”
“ลูกเจ้าท่องได้กี่บทหรือ? ”
“ข้าไม่รู้ ไม่เคยได้ยินเขาท่องมาก่อน เอาแต่ฮัมเพลงทั้งวัน ไม่รู้ว่าร้องอะไรบ้าง! ลูกของเจ้าเล่า? ”
“ก็เหมือนกับเจ้า เอาแต่ฮัมเพลง ไม่รู้ว่าร้องอะไรอยู่! ”
“จริงด้วย ได้ท่านจวี่เหรินสอนช่างต่างกันนัก หากไม่ไหวจริงๆ พวกเราส่งลูกไปเรียนในตัวเมืองเถิด อย่างไรก็ต้องเสียเงิน อย่าให้เด็กเสียโอกาสเลย! ”
“มีเหตุผล พรุ่งนี้ข้าจะพาลูกไปสถานศึกษาเหวินกง เซียวจินช่างมองการณ์ไกลจริง! ”
เมื่อได้ยินผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้นปรึกษากันว่าจะพาเด็กๆ ไป เซียวจินก็รู้สึกได้ใจเสียยิ่งกว่าอะไร
เขาไม่เชื่อว่าบุตรของตนเองจะเอาชนะเด็กๆ ที่เซียวยวี่สอนไม่ได้
“เป็นอย่างไร? เซียวยวี่ ถึงตาเด็กๆ ที่เจ้าสอนแล้ว” เซียวจินรู้สึกลำพองใจยิ่งนัก เลิกคิ้วขึ้นพร้อมรอดูเซียวยวี่ขายหน้า
เซียวยวี่ไม่กังวลเลย เขาแย้มรอยยิ้ม ไม่สนใจท่าทางลำพองใจของเซียวจินแม้แต่น้อย
เซียวจื่อเมิ่งเดินขึ้นหน้าในตอนนี้เอง “จันทร์กระจ่างฉายแสงในยามใด ยกจอกสุราไถ่ถามความจากฟ้า…”
นางโยกศีรษะไปมา ประกอบกับเสียงใสเจื้อยแจ้ว ขับขานบทกลอนจันทร์กระจ่างฉายแสงในยามใดจนเหมือนได้พาทุกคนเข้าสู่คืนวันไหว้พระจันทร์ที่มีจันทร์กระจ่างเต็มดวง
เมื่อขับขานท่อน “เพียงหวังให้เจ้าปลอดภัยอยู่ยืนยาว แม้นห่างไกลยังชมจันทร์ดวงเดียวกัน” จนจบ เซียวจื่อเมิ่งจึงถอยกลับไปหนึ่งก้าว
ทุกคนในลานต่างก็ผงะไป นี่… กลอนบทเดียว ดีกว่ากลอนแปดถึงเก้าบทที่เซียวต้าหมินท่องเมื่อครู่เสียอีก!
เซียวจินก็ผงะไป จากนั้นจึงตอบสนองอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้ไม่ได้ นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้า ย่อมได้เรียนอะไรจากเจ้ามากกว่าเด็กคนอื่น เจ้าให้น้องสาวมาแข่ง มีอะไรให้แข่งกัน? ถ้าจะแข่งก็ให้เด็กคนอื่นแข่ง”
เซียวซานก็มาเรียนหนังสือด้วย อายุไล่เลี่ยกับเซียวจื่อเซวียน เข้าเรียนในสถานศึกษาพร้อมกัน พอได้ฟังดังนั้นจึงก้าวขึ้นหน้า “แม้เดียวดายกลางขุนเขาวสันตฤดูกลับพึงใจ เสียงตัดไม้ดังตึงตังสะท้อนเสียงเขาเงียบงัน…” หลังจากขับขานจนจบ เก๋อเหลียงหยวนจึงก้าวเท้าออกมา “เรือนมุงจากคานห้าท่อนสามห้องใหม่ บันไดหินแลกำแพงไม้ไผ่สาน แดดส่องถึงจึงอบอุ่นในหน้าหนาว ประตูเหนือรับลมเย็นในหน้าร้อน ธารน้ำไหลส่งเสียงเคล้าชวนหลงใหล เปิดหน้าต่างไม้ไผ่ขึ้นตั้งเรียงราย ใบไม้ผลิจึงผลัดเปลี่ยนมุงหลังคา แสงสลัวลอดผ่านม่านต้นอ้อ”
เด็กคนอื่นๆ ที่เริ่มเรียนพร้อมกัน ต่างก็ทยอยกันก้าวเท้าขึ้นหน้าทีละหนึ่งคน ต่างก็ท่องบทกลอนที่ไม่ซ้ำกัน เอาชนะบทกลอนที่เซียวต้าหมินท่องเมื่อครู่อย่างขาดลอย!
ผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้นต่างก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก มองดูการแสดงความสามารถของเด็กๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจและยินดี
“คิดไม่ถึงว่าลูกของพวกเราจะท่องตำราได้ดีถึงเพียงนี้! ”
“จริงด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลอนของเด็กคนไหน ก็เหนือกว่ากลอนแปดถึงเก้าบทของต้าหมิน”
หนีเหลียงก็เคยเล่าเรียนมาหลายปี ระหว่างที่เด็กๆ แข่งขันกัน เขาไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ บัดนี้หลังจากฟังคนสุดท้ายจบ ก็ลุกขึ้นพร้อมปรบมือเสียงดัง “เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม เด็กเหล่านี้ ท่องได้ดี ขับขานได้ดี! ”
เก่งกาจกว่าเซียวต้าหมินมากนัก!