ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 443 ให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง
บทที่ 443 ให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง
ในการสอบระดับท้องถิ่นปีหน้า เซียวยวี่สอบได้อันดับหนึ่งระดับท้องถิ่น ในภายหลัง ได้รับการแนะนำผ่านตระกูลของนางเอก จึงได้กราบฉางโส่วหนงเป็นอาจารย์ ฉางโส่วหนงชอบเซียวยวี่เป็นพิเศษ จึงถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดของตัวเองให้เซียวยวี่ ในการสอบระดับภูมิภาค เซียวยวี่สอบได้อันดับหนึ่งอีกครั้ง
หลังจากการสอบระดับภูมิภาคสิ้นสุด ระหว่างสอบใหญ่ในปีต่อมา เซียวยวี่ก็สอบได้อันดับหนึ่งอีกครั้งอย่างไร้ข้อกังขา เซียวยวี่เป็นคนแรกที่สอบได้อันดับหนึ่งทั้งสามระดับอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์กว่าร้อยปีของต้าเยว่ นับแต่นั้นชื่อเสียงของเขาก็เป็นที่เลื่องลือ ผู้คนเคารพเลื่อมใส
และสิ่งเหล่านี้ ฉางโส่วหนงล้วนมีส่วน เขาเฝ้าสอนเซียวยวี่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในภายหลัง เขาเข้ารับราชการในเมืองหลวง ในช่วงชีวิตที่เซียวยวี่เข้ารับราชการ ก็ช่วยเหลือเขาไว้ไม่น้อย เรียกได้ว่า ทุกย่างก้าวของเซียวยวี่ ล้วนได้รับการสนับสนุนจากฉางโส่วหนงทั้งสิ้น
เพียงแต่ฉางโส่วหนงในตอนนี้ ในขณะที่เซียวยวี่ยังสอบไม่ได้อันดับหนึ่งระดับท้องถิ่น ในขณะที่ไม่ได้รับการช่วยแนะนำจากตระกูลของนางเอก กลับ… กลับรู้จักเซียวยวี่ตั้งแต่ปีแรก ทั้งยังมอบหนังสือรับรองให้เขา!
หรือจะเป็นเพราะการปรากฏตัวของนาง ที่เปลี่ยนแปลงบางฉากบางตอนของนิยาย ดังนั้นเนื้อเรื่องในนิยายจึงเปลี่ยนไป?
เซี่ยยวี่หลัวตื่นเต้นจนใบหน้าเล็กขึ้นสีแดง ย่อตัวคำนับหนีเหลียงทีหนึ่ง
หนีเหลียงตกใจ “ฮูหยิน นี่ท่าน…”
“ใต้เท้า สามีของข้ารู้สึกเลื่อมใสในความปราดเปรื่องของใต้เท้าฉางมานาน รู้ว่าใต้เท้าฉางเป็นขุนนางดีที่รักใคร่ประชาชน ถึงแม้สามีของข้าจะไม่มีคุณวุฒิ แต่ก็มีใจห่วงใยประชาชนในใต้หล้า เรื่องที่ระยะนี้มีผู้ลี้ภัยเข้ามาในจังหวัดจิ้นชางอยู่บ่อยครั้ง ก่อให้เกิดความวุ่นวายและการลักขโมย ทำให้ประชาชนทั่วไปในจังหวัดจิ้นชางได้รับความเสียหาย เขาเองได้คิดหาวิธีจัดการดูแลผู้ลี้ภัยเหล่านี้ไว้หลายวิธี ถึงแม้ความคิดจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็หวังว่าจะสามารถช่วยเหลือใต้เท้าฉางได้บ้างเจ้าค่ะ! ”
ช่วงก่อนหน้านี้เซียวยวี่ได้ยินว่ามีผู้ลี้ภัยลักขโมยของ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปได้รับความเสียหาย เขาจึงคิดอยู่นานหลายวัน เขียนวิธีการจัดการดูแลผู้ลี้ภัยไว้หลายวิธี
เซี่ยยวี่หลัวเคยอ่านแล้ว ถ้อยคำเรียบง่าย แต่วิธีที่เขียนไว้กลับสามารถนำไปใช้ได้จริง อ่านแล้วก็รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก
ทุกถ้อยคำทุกประโยค ล้วนแต่คิดไตร่ตรองในมุมของผู้ลี้ภัยและประชาชนในจังหวัดจิ้นชาง นอกจากจะสามารถรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของประชาชนจังหวัดจิ้นชาง ยังสามารถรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้ลี้ภัยได้อีกด้วย
หนีเหลียงได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกตกใจ ระยะนี้ใต้เท้าฉางปวดหัวกับปัญญาผู้ลี้ภัยที่เข้ามาในจังหวัดจิ้นชางอย่างกะทันหันจริง ในเมื่อตอนนี้มีคนคิดจะมอบวิธีจัดการผู้ลี้ภัยให้ ถึงแม้หนีเหลียงจะไม่ได้ตั้งความหวังสูงเท่าใดนัก แต่ก็สามารถลองนำไปให้ใต้เท้าดูได้ ให้ใต้เท้าลองหาแรงบันดาลใจ เช่นนั้นก็ไม่เลว!
ดังนั้น จึงนำวิธีจัดการดูแลผู้ลี้ภัยที่เซียวยวี่เขียนกลับจังหวัดจิ้นชางไป
เซียวยวี่ไม่รู้เรื่องนี้ ส่วนเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกกังวลยิ่งนัก
ฉางโส่วหนง ภพก่อนภายใต้การช่วยเหลือจากตระกูลของนางเอก เขาที่ไม่เคยคิดจะรับศิษย์ กลับรับเซียวยวี่เป็นศิษย์เพียงคนเดียวเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนั้น ยังสนับสนุนให้ความช่วยเหลือตลอดทาง ช่วยเหลือจนเซียวยวี่ก้าวเดินสู่เส้นทางการเป็นท่านราชบัณฑิต
เรื่องราวเดียวกันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตั้งตารอคอยยิ่งนัก
เซียวยวี่ยังคงสอนหนังสือตามปกติ เมื่อเด็กๆ รู้ว่าตัวเองได้เรียนสิ่งที่ดีกว่าและมากกว่านักเรียนในตัวเมือง จึงมีแรงกระตุ้นในการอ่านตำราและเขียนหนังสือมากยิ่งขึ้น หมายมั่นจะเอาชนะนักเรียนในตัวเมืองเหล่านั้น เป็นหน้าเป็นตาให้อาจารย์ของตัวเอง
จวบจนหลายวันให้หลัง เซียวยิงมาหาเซียวยวี่ด้วยสีหน้าลำบากใจ
“เซียวยวี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บัดนี้เหล่าอาจารย์ในสถานศึกษาเหวินกงต่างเห็นเจ้าเป็นศัตรู! ”
เซียวยวี่กำลังตรวจตัวอักษรที่เด็กๆ ฝึกเขียนในวันนี้ ใช้หมึกสีแดงทำเครื่องหมายตรงตำแหน่งที่เด็กๆ เขียนเบี้ยว หรือเขียนสั้นหรือยาวเกินไป เช่นนี้เมื่อเด็กๆ เห็นในวันถัดมา ก็จะรู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน
“พี่เซียวยิง การสอนหนังสือเพียงแค่สอนตามความตั้งใจเท่านั้น หากต้องการแข่งขันเพื่อชัยชนะ มิเท่ากับเห็นเด็กๆ เป็นสิ่งของ พอถึงเวลา ก็นำขึ้นแสดงหรอกหรือ? ”
เซียวยิงย่อมอยู่ฝ่ายเซียวยวี่ เขาได้ฟังมาโดยคร่าวแล้วว่าเหตุการณ์เป็นเช่นไร ต้าหมินด้อยความสามารถ บอกว่าจะท้าแข่งกับเด็กเก้าคนในคราเดียว ที่ไหนได้ เด็กเก้าคนนั้น ไม่ว่าจะเลือกคนไหนออกมาแค่คนเดียว ก็เก่งกาจกว่าต้าหมินมากนัก
“ข้าเองก็รู้สึกสงสัยเสียจริง ว่าเจ้าสอนอย่างไรกันแน่ ทั้งที่สอนเหมือนกัน เหตุใดเด็กที่เจ้าสอนถึงได้เก่งกว่าต้าหมินเล่า? ” เซียวยิงกล่าวด้วยท่าทีสงสัย “เจ้าไม่รู้ ว่าอาจารย์คนอื่นๆ ยังไม่เท่าไร แต่อาจารย์เฮ่อที่สอนต้าหมิน เจ้าช่าง… เจ้าช่างเข้าใจช่วยระบายความอัดอั้นใจแทนพวกเราจริงๆ”
เซียวยิงกล่าวพลางปรบมือหัวเราะลั่น
เซียวต้าหมินกล่าวว่าอาจารย์ของตัวเองไม่อาจเทียบเซียวยวี่ได้ต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนั้น ทางเฮ่อหลันจะไม่รู้ได้อย่างไร หมู่บ้านสกุลเซียวมีคนมากมายถึงเพียงนี้ มีคนพูดสักประโยคหนึ่งข่าวก็แพร่ไปถึงในตัวเมืองแล้ว
เฮ่อหลันก่นด่าเซียวต้าหมินอย่างสาดเสียเทเสีย ยังมีท่าทางหยิ่งทะนงเหมือนที่ผ่านมาที่ไหนกัน
เพราะทั้งสถานศึกษามีอาจารย์ที่เป็นจวี่เหรินเพียงสองคน นอกจากผู้อำนวยการสถานศึกษา ก็มีเพียงเฮ่อหลันเท่านั้น!
ดังนั้น เฮ่อหลันจึงหยิ่งผยองเสียยิ่งกว่าอะไร มักไม่เห็นอาจารย์ที่มีฐานะซิ่วไฉอยู่ในสายตา
บัดนี้เซียวยวี่ยังไม่มีฐานะซิ่วไฉด้วยซ้ำ เป็นเพียงบัณฑิตไร้คุณวุฒิ กลับเอาชนะเฮ่อหลันจนแพ้ไม่เป็นท่า แค่ลองคิดดู เซียวยิงก็รู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก!
เซียวยวี่คิดไม่ถึงเลยว่าปกติเฮ่อหลันผู้นี้จะหยามเหยียดดูแคลนอาจารย์ท่านอื่นๆ ได้แต่ส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ “เขายึดติดชื่อเสียงเกียรติยศมากเกินไป! ”
“ใครให้เขาเป็นท่านจวี่เหรินเล่า! ” เซียวยิงหัวเราะร่าก่อนกล่าว “แต่คราวนี้เจ้าทำให้พวกเราได้เชิดหน้าชูตาจริงๆ เจ้าไม่รู้ว่าสีหน้าของเฮ่อหลันดูแย่เพียงใด”
เซียวยวี่เพียงแย้มรอยยิ้ม ไม่ได้ใส่ใจ ตรวจงานในมือต่อ
ถึงแม้เซียวยิงจะหัวเราะ แต่ก็ไม่ลืมเป้าหมายที่มาในครั้งนี้ เขานำหนังสือท้าดวลออกมา “นี่เป็นหนังสือที่เฮ่อหลันเขียน บอกว่าให้เจ้าไปแข่งที่สถานศึกษาเหวินกงในอีกสามวันให้หลัง เขาจะรอเจ้า”
เซียวยวี่ไม่ดูด้วยซ้ำ “ข้าไม่ไป! ”
เซียวยิง “เช่นนั้นเขาจะหาว่าเจ้าขลาดกลัว” เฮ่อหลันคิดอย่างไรก็กล้าพูดเช่นนั้น
เซียวยวี่ “ปล่อยให้เขาพูดไป” เขาไม่แยแสสักนิด
“อายวี่…” เซียวยิงรู้สึกจนใจ “หนังสือท้าดวลฉบับนี้ เฮ่อหลันให้คนนำไปส่งยังสถานศึกษาต่างๆ ในเมืองโยวหลันแล้ว บอกว่าให้อาจารย์และนักเรียนทุกท่านไปเฝ้าชมที่สถานศึกษาเหวินกง เขายังเชิญหลี่เจิ้งมาด้วย ทั้งยังพูดจาคำโต ว่าหากเขาชนะ เจ้าต้องคุกเข่าขอขมาเขา หากเขาพ่ายแพ้ เขามีความสามารถด้อยกว่า ก็จะออกจากสถานศึกษาเหวินกงทันที นับแต่นี้ไปจะไม่สอนหนังสืออีก ดังนั้น เจ้าอยากไปก็ต้องไป ไม่อยากไปก็ต้องไป! ”
เซียวยวี่วางพู่กันลง สายตามองทอดไปยังหนังสือท้าดวล ก่อนทอดถอนใจทีหนึ่ง