ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 445 ทิวทัศน์งดงามหรือไม่ เป็นเพราะคนเท่านั้น
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 445 ทิวทัศน์งดงามหรือไม่ เป็นเพราะคนเท่านั้น
บทที่ 445 ทิวทัศน์งดงามหรือไม่ เป็นเพราะคนเท่านั้น
เมื่อมอบของเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะลุกขึ้นกล่าวคำอำลา ซ่งฉางชิงรับของจากนาง ย่อมต้องคิดจะรั้งตัวไว้ “ฮูหยินเซียวไม่นั่งต่ออีกหน่อยหรือ? ”
“ไม่ล่ะ ข้ายังต้องไปหาฮวาเหนียง รับปากนางไว้ ว่าตอนเย็นจะกินข้าวกับนาง! ” เมื่อกล่าวถึงฮวาเหนียง เซี่ยยวี่หลัวมีท่าทีราวกับกำลังกล่าวถึงผู้อาวุโสท่านหนึ่ง
กินข้าวกับฮวาเหนียง เช่นนั้นน่าจะต้องกินถึงช่วงค่ำ!
ซ่งฉางชิงยิ้มตาม “ฮูหยินเซียวสนิทกับฮวาเหนียงมากหรือ? ”
“อืม ข้าไปหานางเป็นประจำ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว หลังจากกล่าวอำลาซ่งฉางชิงเสร็จ จึงออกไป
ซ่งฉางชิงส่งนางลงไปถึงชั้นล่าง มองดูเงาแผ่นหลังของเซี่ยยวี่หลัวที่ค่อยๆ เดินออกห่าง โดยที่เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
ซ่งฝูที่อยู่ข้างๆ เห็นว่านางเดินไปไกลจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว ทว่าคุณชายกลับยังมองอยู่อีก กำลังมองอะไรกัน?
“คุณชาย ท่านมองอะไรหรือขอรับ? ” ซ่งฝูเอ่ยถามด้วยท่าทีสงสัย
ซ่งฉางชิงหันกลับมา “เจ้าไม่รู้สึกว่าภาพทิวทัศน์บนท้องถนนช่วงบ่ายนี้งดงามมากหรือ? ”
ซ่งฝูมองครู่หนึ่ง “ไม่เห็นว่าจะงดงามตรงไหนขอรับ เหมือนกับที่ผ่านมาไม่ใช่หรือ? ”
ซ่งฉางชิงไม่ได้กล่าวอะไร เดินตรงขึ้นชั้นบน
ทิวทัศน์งดงามหรือไม่ เพียงเพราะตัวบุคคลเท่านั้น
มีคนเช่นนั้นหนึ่งคน ต่อให้เป็นสถานที่ที่เลวร้ายเพียงใด ก็ยังเป็นทิวทัศน์งดงาม แต่หากไม่มี สถานที่จะงดงามถึงเพียงใดก็ไม่น่าสนใจ
ซ่งฝูมองต่ออีกครู่หนึ่ง ยังคงไม่เห็นความแตกต่าง เขาเรียนมาน้อย ไม่เข้าใจเรื่องความงดงามอะไร คุณชายเป็นบัณฑิต มักจะค้นพบความงดงามในความไม่งดงาม นี่คือความห่างชั้นระหว่างเขาและคุณชาย!
ตอนเย็น เซียนจวีโหลวเปิดประตูรับลูกค้าต่อ ผ่านไปเพียงไม่นาน ซ่งฉางชิงก็กวักมือเรียกซ่งฝูที่กำลังต้อนรับลูกค้าอยู่ข้างโต๊ะ
ซ่งฝูรีบวิ่งมา “คุณชาย มีอะไรขอรับ? ”
“เจ้าช่วยดูแลตรงนี้ก่อน” ซ่งฉางชิงกล่าว “ข้าไม่ทันระวัง น้ำชาจึงหกใส่เสื้อ สกปรกแล้ว”
บนเสื้อผ้าของเขามีคราบน้ำชาจริง
ซ่งฝูรีบกล่าว “ข้าน้อยจะขึ้นชั้นบนไปช่วยคุณชายเปลี่ยนเสื้อขอรับ! ”
คุณชายเป็นคนรักษาภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก จะไม่ยอมให้บนเสื้อผ้ามีรอยยับหรือคราบสกปรกแม้แต่น้อย
“ไม่ต้อง เจ้าคิดเงินอยู่ที่นี่ ข้าไปเอง! ” ซ่งฉางชิงกล่าวจบ จึงเดินออกจากโต๊ะคิดเงิน มุ่งตรงไปยังประตู
ซ่งฝูผงะไป “คุณชาย เสื้อของท่านอยู่ชั้นบนขอรับ! ”
ซ่งฉางชิงโบกมือ “ข้าจะออกไปเปลี่ยน”
ออกไปเปลี่ยน
ซ่งฝูคิดได้ทันที บางทีคุณชายอาจคิดถึงฮูหยินเฒ่า จึงคิดจะกลับไปกระมัง
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวไปฮวาหม่านยี ก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก อย่างไรเสียตอนนี้นางก็มีเวลาเหลือเฟือ ถงเต๋อไม่อยู่ ทางฮวาเหนียงจึงขาดผู้ช่วยมือดี เซี่ยยวี่หลัวจึงเข้ามาช่วยแทนถงเต๋อชั่วคราว
ช่วงที่ไม่มีลูกค้า นางและฮวาเหนียงจะดื่มชาดอกไม้อยู่หลังโต๊ะคิดเงิน ชาดอกไม้ที่นางมอบให้ฮวาเหนียงครั้งก่อน ฮวาเหนียงเสียดายไม่อยากดื่ม เมื่อเซี่ยยวี่หลัวมา จึงนำออกมาชงหลายดอก ข้างๆ มีน้ำผึ้งวางอยู่ ตอนจะดื่มค่อยตักมาใส่เล็กน้อย กลิ่นหอมของดอกไม้บวกกับกลิ่นหอมของน้ำผึ้ง หลังจากดื่มแล้วยังมีกลิ่นหอมหลงเหลืออยู่ในปาก
ช่วงเย็น มีลูกค้าไม่มาก ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ ก็มีลูกค้าผู้หนึ่งมาจากข้างนอก
เดิมทีฮวาเหนียงไม่ได้ลุก จวบจนได้ยินลูกจ้างกล่าวต้อนรับอย่างเป็นกันเอง “ท่านซ่ง…”
ทั้งเมืองโยวหลันยังจะมีผู้ใดที่จะถูกเรียกขานว่าท่านซ่งได้อีก ฮวาเหนียงได้ยินดังนั้น ก็ลุกขึ้นทันที จากนั้นจึงเห็นซ่งฉางชิงเดินเข้ามา
เวลานี้น่าจะเป็นช่วงที่เซียนจวีโหลวงานยุ่งที่สุดไม่ใช่หรือ ซ่งฉางชิงมาได้อย่างไร?
ซ่งฉางชิงละสายตาจากตัวฮวาเหนียง ยามเห็นเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างกายนาง ก็ลอบผ่อนลมหายใจยาวทีหนึ่ง
เขามาได้ถูกเวลาจริงๆ
“เสื้อของข้าโดนลูกค้าทำน้ำชาหกใส่โดยไม่ทันระวัง จึงอยากมาเปลี่ยนหนึ่งชุด! ” เขาเพียงใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อจะได้มาฮวาหม่านยีเท่านั้น
ฮวาเหนียงเคยตัดเย็บเสื้อให้ซ่งฉางชิงหลายตัว แค่เสื้อที่ทำใหม่ปีนี้ ก็เกรงว่ามีสามถึงสี่ตัวแล้ว จะมีแค่ตัวที่ใส่อยู่ได้อย่างไร?
ซ่งฉางชิงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสงสัยของฮวาเหนียง จึงอธิบาย “อ๋อ เมื่อครู่มีธุระอยู่ข้างนอก เดินผ่านฮวาหม่านยีพอดี จึงมาทำเสื้อสักหนึ่งตัว! ”
“ได้ เช่นนั้นท่านซ่งอยากตัดใหม่ หรืออยากซื้อชุดที่ทำสำเร็จแล้วหรือ? ”
ซ่งฉางชิงมองดูคราบน้ำชาบนตัว “อย่างไรก็ได้! ”
ฮวาเหนียงเห็นดังนั้น จึงหยิบผ้าสีฟ้าครามมา “ท่านซ่ง ผ้านี้เหมือนกับผ้าที่ใช้ตัดเสื้อที่ท่านสวมใส่อยู่ ถ้าอย่างไรก็ใช้ผืนนี้ตัดเย็บดีหรือไม่? ”
ซ่งฉางชิงกำลังจะพยักหน้าตอบว่าได้ ก็ได้ยินเซี่ยยวี่หลัวกล่าว “สีน้ำเงินเข้มนี่ก็ดูดีเหมือนกัน” ผิวของซ่งฉางชิงขาวมาก ทั้งยังมีบุคลิกสูงส่งสง่างาม สวมใส่สีน้ำเงินเข้ม สามารถขับให้บุคลิกสูงส่งของเขาดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
ฮวาเหนียงแย้มรอยยิ้ม กำลังจะบอกว่าท่านซ่งสวมแต่เสื้อสีฟ้าคราม ก็เห็นซ่งฉางชิงเดินไป รับผ้าสีน้ำเงินเข้มที่เซี่ยยวี่หลัวหยิบมาเมื่อครู่นี้ ยิ้มพร้อมกล่าว “สีนี้ดูดีมากจริงๆ ฮวาเหนียง ท่านตัดให้ข้าสองตัว! ”
ในห้วงภวังค์ของฮวาเหนียงเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นราวกับมีคนจุดพลุก็มิปาน
นางผงะไปครู่ใหญ่ สายตามองทอดไปที่ตัวเซี่ยยวี่หลัวและซ่งฉางชิง จากนั้นจึงละสายตาอย่างรวดเร็ว พยายามฝืนยิ้มออกมา “ได้”
คิดจะเปลี่ยนแปลงคนที่ไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์
ไม่ว่าคนอื่นจะกล่าวเช่นไร เขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง เพียงแค่เพราะคนผู้นั้นไม่เคยเดินเข้าถึงหัวใจของเขา เขาจึงไม่สนใจก็เท่านั้น
แต่ตอนนี้…
ฮวาเหนียงไม่รู้ว่าตัวเองวัดขนาดร่างกายให้ซ่งฉางชิงอย่างไร หลังจากวัดขนาดเสร็จ ซ่งฉางชิงก็ไปทันที เพียงกล่าวอำลาทั้งสองคนอย่างเรียบสงบ ก่อนเดินจากไปด้วยท่าทางเย็นชา ไม่มีอะไรที่ดูไม่เหมาะสมแม้แต่น้อย
แม้แต่แววตาของเขา ก็เรียบสงบและแฝงเร้นด้วยความเย็นเยียบ
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน ดูไม่ต่างจากเดิมแม้แต่น้อย
แต่ฮวาเหนียงก็ยังรู้สึกจิตใจไม่ค่อยสงบนัก
ซ่งฉางชิง… เขา…
เซี่ยยวี่หลัวสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ “ฮวาเหนียง ท่านเป็นอะไรไป? ”
ฮวาเหนียงฝืนยิ้มออกมา พร้อมส่ายหน้า “ไม่… ไม่มีอะไร! ”
“อาหลัว” น้ำเสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างนอก เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ฮวาเหนียง ข้าต้องไปแล้ว อายวี่มาแล้ว”
เซียวยวี่เลิกม่านขึ้นเดินเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
เฉกเช่นอากาศในช่วงเดือนสาม ประหนึ่งแสงอาทิตย์ที่แสนอบอุ่น ทั้งยังราวกับเป็นสายลมที่เย็นสบาย ทำให้รู้สึกสบายจากศีรษะจรดปลายเท้า
เซี่ยยวี่หลัวเดินไปหา แหงนหน้าพร้อมเอ่ยถามเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “กินข้าวหรือยัง? เหนื่อยหรือไม่? ”
เซียวยวี่แต้มไปที่ปลายจมูกของเซี่ยยวี่หลัว “ไม่เหนื่อย ท่านลุงเก๋อรอข้าอยู่ตลอด เขาเป็นคนส่งข้ามา! ”
แววตาของสองสามีภรรยาฉายประกายรักหวานซึ้ง ฮวาเหนียงเห็นแล้วก็รู้สึกอิจฉายิ่งนัก
“เร็วเร็วเร็ว รีบรับตัวภรรยาของเจ้ากลับไปเสีย พวกเจ้าสองคนทำให้ข้าอิจฉาแทบตายแล้ว” ฮวาเหนียงถือโอกาสไล่ทั้งสองคนไป
เซี่ยยวี่หลัวและเซียวยวี่ต่างหัวเราะ กล่าวอำลาฮวาเหนียงแล้วก็กำลังจะออกไป ทั้งสองคนเดินไปถึงประตู ฮวาเหนียงเกือบลืมไปเรื่องหนึ่ง “ช้าก่อน เสื้อ เสื้อทำเสร็จแล้ว”
เซียวยวี่ยิ้ม “รอข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะไปเอา! ”
เซี่ยยวี่หลัวก้าวเท้าออกประตู
ในตรอกเส้นหนึ่งข้างฮวาหม่านยี เงามืดหนึ่งที่รอคอยอยู่ในตรอกตลอดรีบเดินออกมา
เงามืดนั่นกำลังจะสาวเท้าก้าวเดินไปทางเซี่ยยวี่หลัว เวลานี้เอง อีกคนหนึ่งเดินออกมา เซี่ยยวี่หลัวโอบแขนของคนผู้นั้นอย่างสนิทสนม ทั้งสองคนเดินจากไปอย่างมีความสุข
เงามืดเร้นกายอยู่ในที่มืด มือที่ไพล่หลังไว้ กำหมัดไว้แน่น