ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 451 ข้าอยากรับศิษย์หนึ่งคน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 451 ข้าอยากรับศิษย์หนึ่งคน
บทที่ 451 ข้าอยากรับศิษย์หนึ่งคน
เฮ่อหลันมองเซียวยวี่ด้วยความรู้สึกขอบคุณ เขาเอ่ยคำขอบคุณไม่ออก ได้แต่ขยับริมฝีปาก เซียวยวี่แค่เห็นก็เข้าใจความหมาย เพียงแย้มรอยยิ้มออกมา
เซียวยิงมองดูเซียวยวี่ ก่อนหันมองเฮ่อหลัน เมื่อเห็นว่าคนที่ไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา บัดนี้กลับถึงคราวที่ต้องก้มศีรษะอย่างแท้จริง ก็แอบชูนิ้วโป้งให้เซียวยวี่
ถึงแม้จะไม่ชอบ แต่สถานศึกษาเหวินกงมีนักเรียนมากถึงเพียงนี้ เมื่อมีนักเรียนย่อมมีค่าเล่าเรียน เรื่องนี้ต้องขอบคุณชื่อเสียงของเฮ่อหลัน
“อาจารย์เซียวผู้นี้ช่างเก่งกาจเสียจริง ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าเด็กที่เขาสอนเพิ่งเริ่มเรียนได้ไม่นาน กลับสามารถท่องจำบทกลอนยาวได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาสอนอย่างไร! ”
เฮ่อหลันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ถึงแม้เขาจะหยิ่งทะนง แต่บัดนี้ก็รู้ว่าต้องรู้จักก้มศีรษะ “อาจารย์เซียว หากมีเวลาว่างจะพูดคุยกันเรื่องสอนเด็กอย่างไรได้หรือไม่? ”
เซียวยวี่พยักหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มบาง “ได้แน่นอน พร้อมจะพูดคุยกับอาจารย์เฮ่อทุกเมื่อ”
“เช่นนั้นต้องขอบคุณอาจารย์เซียวเป็นอย่างมาก! ” คราวนี้เฮ่อหลันไม่มีความไม่พอใจแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้หรือความใจกว้าง เซียวยวี่ที่อยู่ตรงหน้าก็เหนือกว่าเขามากนัก เขายอมรับความพ่ายแพ้!
โหยวเจิ้งเฉิงเลิกคิ้ว ยิ้มพร้อมกล่าว “ข้าบอกแล้วว่ารั้งตัวได้! ”
เหวินจิ้งเสวียรู้สึกตกตะลึงจนรู้สึกว่าเหลือเชื่อยิ่งนัก “เขาช่างเก่งกาจเสียจริง! ” เซียวยวี่ผู้นี้ ไม่เพียงมีความสามารถไม่ธรรมดา แม้แต่การวางตัวก็ดีเยี่ยมไร้ที่ติ!
โหยวเจิ้งเฉิงหัวเราะ “เก่งกาจใช่หรือไม่? ยามที่ข้าเห็นเด็กคนนี้ ก็รู้สึกว่าอนาคตของเขาก้าวไกลไร้ขีดจำกัด ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเพียงบัณฑิตไร้คุณวุฒิ สอบติดต่อกันสี่ปีก็ยังไม่ได้เป็นซิ่วไฉ แต่ข้าเชื่อว่าเขาต้องสอบผ่านแน่! ไม่ใช่แค่ซิ่วไฉ หรือจวี่เหริน แม้แต่ระดับที่พวกเราไม่กล้าคาดคิด บางทีเขาก็อาจทำได้! ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เหวินจิ้งเสวียได้ยินโหยวเจิ้งเฉิงเอ่ยชมคนผู้หนึ่งถึงเพียงนี้ จึงหันมองเซียวยวี่อย่างอดไม่ได้ พร้อมทั้งแอบจดจำชื่อของชายหนุ่มผู้นี้ไว้
การแข่งขันสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ เหวินจิ้งเสวียจึงให้ทุกคนแยกย้ายกลับไป
ในที่สุดสถานศึกษาเหวินกงที่ครึกครื้นก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบเช่นที่ผ่านมา เซียวยวี่เองก็จูงมือเซี่ยยวี่หลัวไปแล้วเช่นกัน
เหล่าอาจารย์ต่างกลับไปสอนหนังสือ
เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งที่แต่งกายเรียบง่ายแต่กลับมีบุคลิกไม่ธรรมดาเดินมา
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นไว้เคราแพะ แววตาดูเมตตาโอบอ้อม แต่กลับแฝงเร้นด้วยประกายปราดเปรื่อง เขาเดินมา โค้งคำนับเหวินจิ้งเสวียทีหนึ่ง ก่อนกล่าว “ผู้อำนวยการเหวิน ขอยืมบทความเมื่อครู่นี้ของคุณชายเซียวมาอ่านได้หรือไม่? ”
เหวินจิ้งเสวียนึกว่าเป็นบัณฑิตที่รู้สึกสงสัยใคร่รู้เท่านั้น จึงยิ้มพร้อมกล่าว “อ่านดูก็ย่อมได้! ”
กล่าวจบ จึงหยิบบทความที่เซียวยวี่เขียนจากบนโต๊ะ ยื่นส่งให้บุรุษตรงหน้า เหวินจิ้งเสวีย “รบกวนท่านอ่านแล้ววางไว้ตรงนี้ ข้ายังมีธุระเล็กน้อย ขอตัวก่อน”
บุรุษวัยกลางคนแย้มรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการเหวินตามสบาย”
คนผู้นี้ช่างมีมารยาทเสียจริง เหวินจิ้งเสวียหันมองอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรีบร้อน
บุรุษวัยกลางคนถือบทความขึ้นมาอ่านอย่างเงียบสงบ ยิ่งอ่าน สีหน้าของเขาก็ยิ่งมีสีสันตระการตา เช่นเดียวกับสีหน้าของเขาตอนที่ได้อ่านวิธีจัดการดูแลผู้ลี้ภัย
ยอดเยี่ยม!
ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ!
หนีเหลียงเห็นใบหน้าของใต้เท้าที่แสดงสีหน้าชื่นชมเต็มเปี่ยม ก็คาดเดาได้แล้วว่าบทความนี่ต้องเขียนได้ดีแน่นอน
ของที่ครั้งก่อนเซี่ยยวี่หลัวไหว้วานให้เขานำไปมอบให้ใต้เท้า หลังจากที่เขามอบให้ ท่านก็ถามว่าผู้ที่เขียนวิธีนี้คือผู้ใด เมื่อได้รู้ว่าคนผู้นั้นคือเซียวยวี่ ใต้เท้าก็กล่าวว่าเยี่ยมถึงสามครั้ง
เมื่อได้ยินว่าเซียวยวี่จะแข่งขันกับจวี่เหริน ใต้เท้าก็หยุดงานที่ล้นมือ รีบมาแต่เช้า พอมาแล้วกลับไม่เข้าไป ดูอยู่ข้างนอก ดูตั้งแต่ต้นจนจบ
“ใต้เท้า เหตุใดท่านถึงไม่บอกฐานะที่แท้จริงขอรับ? ” เหตุใดต้องลำบากเป็นเพียงประชาชนทั่วไป หลบไปแอบดูอยู่ข้างหลังด้วยเล่า
“เจ้าไม่รู้สึกหรือ ว่ายืนอยู่ข้างล่าง สามารถมองเห็นบางสิ่งบางอย่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น? ” ฉางโส่วหนงลูบเคราทีหนึ่ง มองดูบทความในมือ คิดจะวางไว้บนโต๊ะ แต่คิดดูก็รู้สึกเสียดาย บทความที่ดีถึงเพียงนี้ เขาคิดอยากนำกลับไปด้วยเสียจริง!
“ไปกัน! ” ฉางโส่วหนงไม่คิดด้วยซ้ำ พับบทความไว้ ใส่เข้าไปในแขนเสื้อ ก่อนจับหนีเหลียงหันขวับวิ่งไปทันที
หนีเหลียง “ใต้เท้า นี่ท่าน…” กำลังขโมยของผู้อื่นหรือ?
ทั้งสองคนวิ่งออกจากสถานศึกษาเหวินกง วิ่งไปไกลแล้ว ฉางโส่วหนงคิดครู่หนึ่ง ก่อนนำบทความออกมาอ่านอีกครั้ง กล่าวด้วยความชื่นชม “เหมาะแก่การบ่มเพาะ เป็นคนที่เหมาะแก่การบ่มเพาะจริงๆ! ”
หากคนเช่นนี้สามารถเข้ารับราชการได้ ก็ถือเป็นวาสนาของราษฎรแล้ว!
“หนีเหลียง เจ้าว่าหากข้าจะรับศิษย์สักหนึ่งคน เจ้าคิดว่าอย่างไร? ” ฉางโส่วหนงยิ้มพลางเอ่ยถาม
หนีเหลียงรู้สึกขาอ่อนยวบ “ใต้… ใต้เท้า ท่าน ท่านจะรับศิษย์หรือขอรับ? ”
“ใช่แล้ว ทำไม ไม่ได้หรือ? ” ฉางโส่วหนงลูบเคราพลางยิ้มพร้อมกล่าว
หนีเหลียงรีบโบกมือ “ไม่ใช่ไม่ได้ขอรับ เพียงแต่… เพียงแต่ข้าน้อยไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่านจะรับศิษย์! ”
ใต้เท้าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดจิ้นชาง เป็นขุนนางขั้นสี่ ควบคุมดูแลอำเภอกว่างชาง กว่างอัน กว่างเหอ กว่างซิ่ง และอำเภออื่นๆ อีกรวมเจ็ดถึงแปดอำเภอ ภายใต้อำเภอยังมีเมืองและหมู่บ้านในชนบทอีกนับไม่ถ้วน ใต้เท้าที่เป็นบุคคลอันดับหนึ่งแห่งจังหวัดจิ้นชาง มีกิจล้นมือ ทำงานอย่างยากลำบาก ยุ่งจนแทบไม่ได้พัก เขาไม่เคยคาดคิดเลย ว่าใต้เท้าคิดจะรับศิษย์ด้วย
ใครกันที่มีวาสนาดีถึงเพียงนี้ ถึงกับทำให้ใต้เท้าที่เคยเป็นท่านจ้วงหยวนคิดอยากรับเขาเป็นศิษย์!
เช่นนี้ก็เท่ากับก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้ามาในแวดวงราชการแล้ว!
“ฮ่าฮ่า ข้าเองก็ไม่เคยรับศิษย์มาก่อน ไม่รู้ว่าควรสอนอย่างไร ทว่า เขาก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าสอน โดดเด่นถึงเพียงนี้ ต้องมองเขาใหม่เสียแล้ว! ” สิ่งที่ฉางโส่วหนงจะสอน มีเพียงบางเรื่องที่เซียวยวี่ยังไม่เคยได้พบเจอและหลักเหตุผลในการเป็นข้าราชการเท่านั้น
ในภายภาคหน้า เซียวยวี่ผู้นี้ ย่อมต้องกลายเป็นวิหคใหญ่ที่โผบินขึ้นพร้อมสายลม พุ่งทะยานขึ้นสูงแน่นอน
หนีเหลียงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง “ใต้เท้า คนที่ท่านอยากรับเป็นศิษย์ คือใครหรือขอรับ? ”
ฉางโส่วหนงชี้บทความในมือตนเอง ยิ้มพร้อมกล่าว “เจ้าคิดว่าเป็นใคร? ”
หนีเหลียงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทันที
ใต้เท้าคิดจะรับเซียวยวี่เป็นศิษย์หรือ คนผู้นี้ต้องมีอนาคตยาวไกลแน่!
หลังจากส่งสบู่ชุดสุดท้ายไปยังเมืองหลวง เซี่ยยวี่หลัวเก็บกวาดข้าวของเสร็จ จึงนั่งรถม้าของเก๋อวั่งกลับหมู่บ้าน
ที่สถานศึกษายังอยู่ระหว่างคาบเรียนสุดท้าย ลงกลอนประตูจากด้านใน เข้าไปไม่ได้ ทำได้เพียงฟังจากด้านนอก
เซี่ยยวี่หลัวฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็กลับไปก่อนแล้ว
นางต้องกลับไปเตรียมอาหารเย็น เมื่อวานนางไม่ได้บอกเซียวยวี่ว่าวันนี้นางจะกลับบ้าน ถือว่าทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อยก็แล้วกัน!
เก๋อวั่งรอเพียงครู่เดียว ก็ถึงเวลาเลิกเรียน เซียวยวี่เห็นเก๋อวั่ง ยังคงกล่าวอย่างเช่นเคย “ท่านลุงเก๋อ ท่านรอข้าก่อน เดี๋ยวข้าก็เสร็จแล้ว! ”
“ได้ ข้าจะรออาจารย์! ” เก๋อวั่งยิ้มพร้อมกล่าว
เมื่อเห็นเซียวยวี่เดินไปไกลแล้ว เก๋อวั่งจึงเร่งให้เก๋อเหลียงหยวนขึ้นรถม้า จากนั้นเขาจึงขับรถม้าไปทันที
เก๋อเหลียงหยวนรู้สึกประหลาดใจ รีบเอ่ยถาม “ท่านพ่อ อาจารย์ยังไม่ได้ขึ้นรถเลยขอรับ! ”
เก๋อวั่งยิ้มพร้อมกล่าว “วันนี้เขาไม่ไปแล้ว! ”
วันนี้ไม่ไป?
“อาจารย์ไม่ไปหาอาจารย์หญิงในตัวเมืองหรือขอรับ? ” เก๋อเหลียงหยวนยังไม่เคยเห็นว่าอาจารย์ไม่ไปแม้แต่วันเดียว เหตุใดวันนี้ถึงไม่ไปเล่า!
“นางอยู่ในหมู่บ้านแล้ว อาจารย์ของเจ้ายังจะเข้าตัวเมืองไปไย? ” เก๋อวั่งหันกลับมา ยิ้มพร้อมกล่าว
ตอนแรกเก๋อเหลียงหยวนยังไม่ได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อได้ยินอย่างชัดเจน ก็เข้าใจทันที “อ๋อ อาจารย์หญิงกลับบ้านแล้ว! ”