ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 454 บุตรีผู้ดีก็ไม่อาจเทียบหญิงชนบทได้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 454 บุตรีผู้ดีก็ไม่อาจเทียบหญิงชนบทได้
บทที่ 454 บุตรีผู้ดีก็ไม่อาจเทียบหญิงชนบทได้
ยามต้องการเงิน การหาเงินย่อมสำคัญที่สุด แต่ในเมื่อตอนนี้หาเงินได้ไม่น้อยแล้ว ครอบครัวย่อมต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง!
“จริงสิ เมื่อวานถงเต๋อส่งจดหมายมา ข้าคิดว่าน่าจะเป็นของเจ้า” ฮวาเหนียงยื่นส่งจดหมายที่ยังไม่แกะออกให้เซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวเปิดอ่าน ตื่นเต้นจนมือสั่น “ฮวาเหนียง สินค้าของข้าขายออกไปจนหมดอีกแล้ว”
“จริงหรือ? ” ฮวาเหนียงก็อ่านจดหมาย “ยังดีที่สินค้าชุดที่สี่อยู่ระหว่างทางแล้ว น่าจะพอขายอีกระยะหนึ่ง ยวี่หลัว หากเจ้าขายสบู่เหล่านี้หมด จะไม่ทำต่อหรือ? ”
“ปัญหาคือไม่มีน้ำดอกไม้! ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว
ฮวาเหนียงหัวเราะอย่างมีลับลมคมใน “มีสิ”
แคว้นเล็กแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับต้าเยว่ มีภูเขาโอบล้อม ทั้งยังมีแม่น้ำล้อมรอบ และมีหมอกน้ำค้างปกคลุมตลอดปี ภูเขาที่นั่นไม่มีต้นไม้ ทว่ากลับเต็มไปด้วยดอกไม้ ผู้คนจึงเรียกที่นั่นว่าฮวาตู
“ที่นั่นมีดอกไม้จำนวนมาก ย่อมสามารถทำเป็นน้ำดอกไม้ได้ ข้าเดาว่าน้ำดอกไม้ที่เจ้าเก็บได้ครั้งก่อน ก็น่าจะมาจากฮวาตูเช่นกัน หากเจ้ายังอยากทำการค้าสบู่ เจ้าสามารถติดต่อกับคนของฮวาตูได้” ฮวาเหนียงยิ้มพร้อมกล่าว
ฮวาตู?
เป็นแคว้นเล็กหรอกหรือ!
เซี่ยยวี่หลัวอยากลองเหมือนกัน ทว่า นางไม่คุ้นเคยกับสถานที่ หากมีคนช่วยแนะนำก็คงดี
“เจ้ามีธุระจะไปหาท่านซ่งไม่ใช่หรือ? ” ฮวาเหนียงยิ้มพร้อมกล่าว “เจ้าให้ท่านซ่งช่วยสิ! ”
“ท่านซ่ง? ” เซี่ยยวี่หลัวไม่ค่อยเข้าใจนัก “เขารู้จักคนจากฮวาตูหรือ? ”
“จะไม่รู้จักได้อย่างไร ที่เขามีคนจากทั่วทุกสารทิศ ที่ฮวาตูไม่ได้มีแค่ดอกไม้ แต่มีเครื่องเทศด้วย ท่านซ่งเปิดภัตตาคาร เครื่องเทศเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้แน่นอน! ”
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะลองไปหาเขาดู! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอำลาฮวาเหนียงก่อนออกไป
รอยยิ้มบนใบหน้าฮวาเหนียงยังคงอยู่ตลอด จวบจนมองไม่เห็นเซี่ยยวี่หลัวแล้ว ฮวาเหนียงถึงนึกอะไรขึ้นได้อย่างกะทันหัน จู่ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันแข็งทื่อ
นางหันหน้าไป มองผ้าสีน้ำเงินเข้มพับหนึ่งที่อยู่บนชั้นวางสินค้า บัดนี้เหลือผ้าเพียงไม่มากแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวมาหาซ่งฉางชิงเพราะมีธุระ ซ่งฉางชิงกำลังอ่านตำราอยู่ในภัตตาคารพอดี
เมื่อรู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวจะนำสูตรอาหารมาให้ ซ่งฝู1จึงพานางไปถึงหน้าห้องด้วยความยินดี
กำลังจะผลักเปิดประตูเข้าไป เซี่ยยวี่หลัวหูไวจึงได้ยินเสียงดีดลูกคิดจากด้านใน นางเพียงโบกมือ “พวกเราอย่าเพิ่งเข้าไป การคำนวณด้วยลูกคิดนั้นไม่ง่าย หากรบกวนเขาต้องคิดใหม่ตั้งแต่ต้น ปล่อยให้เขาทำงานไปก่อน รอให้เขาทำเสร็จแล้วข้าค่อยเข้าไป”
ซ่งฝูหันมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความรู้สึกขอบคุณ “เช่นนั้นฮูหยินรอตรงนี้ครู่หนึ่ง ข้าจะไปชงน้ำชาให้ท่าน! ”
จวบจนน้ำชาถูกยกมา ซ่งฝูเห็นเซี่ยยวี่หลัวยังยืนอยู่หน้าประตู จึงกล่าว “ฮูหยิน ท่านเข้าไปเถิดขอรับ ท่านรอนานขนาดนี้แล้ว! ”
เมื่อเคาะประตู ด้านในไม่มีเสียงตอบ เสียงดีดลูกคิดดังขึ้นกว่าเดิม
คุณชายกำลังเตือนเขา ว่าอย่ามารบกวน!
ซ่งฝูส่ายหน้าพร้อมยิ้มขม หันมองเซี่ยยวี่หลัว
“ไม่เป็นอะไร ข้ารออีกหน่อย! ” เซี่ยยวี่หลัวไม่รีบร้อน ซ่งฝูจึงรีบพานางไปรอในห้องรับรองข้างๆ
ดื่มชาหมดหนึ่งถ้วยแล้ว ซ่งฝูเห็นว่านางมานานถึงเพียงนี้ ทั้งยังรออย่างใจเย็นมานานมาก ซ่งฝูจึงไปเคาะประตูอีกครั้ง ไม่สนใจว่าคนด้านในจะมีท่าทีเช่นไร หลังจากเคาะประตูจึงเข้าไปทันที พอเข้าไปก็เห็นคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือมองเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ซ่งฝูรู้สึกขาอ่อนยวบ ระยะนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด คุณชายถึงพูดน้อยเป็นพิเศษ เอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงทั้งวัน
“คุณชาย คือ…” ซ่งฝูถอนหายใจทีหนึ่ง ในที่สุดก็กล่าวออกมา “ฮูหยินเซียวรอท่านนานมากแล้ว ท่านจะไม่พบหน่อยหรือขอรับ? ”
ซ่งฉางชิง “…”
หากซ่งฝูดูไม่ผิด เมื่อครู่นี้เขาเห็นแววตาของคุณชายฉายประกายยินดีแวบหนึ่งก่อนจะหายไปทันที
ถึงแม้จะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เขามั่นใจ ว่าเมื่อครู่นี้เขาเห็นจริง
“คุณชาย? ” เห็นคุณชายไม่กล่าวอะไร ซ่งฝูจึงเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ “นางมานานมากแล้ว ได้ยินว่าท่านกำลังคิดบัญชี จึงไม่ให้ข้ารบกวนท่านขอรับ! ”
ซ่งฉางชิงถลึงตาใส่ซ่งฝูอย่างดุดันทีหนึ่ง ซ่งฝูทำปากบุ้ย รู้สึกอัดอั้นใจยิ่งนัก
คุณชายกำลังตำหนิที่ตนเองรบกวนเขา
“ไปเชิญฮูหยินเซียวมา! ” ซ่งฉางชิงลุกขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง ซ่งฝูออกไปอย่างเร่งรีบ
เขาไม่เห็น ว่าใบหน้าของคุณชายที่เมื่อครู่นี้ยังบึ้งตึง บัดนี้ราวกับเปลี่ยนหน้าได้อย่างไรอย่างนั้น รู้สึกดีอกดีใจเหมือนเด็กก็มิปาน
ตอนเซี่ยยวี่หลัวเข้าไป ซ่งฉางชิงกำลังรอนางอยู่
“ขออภัยจริงๆ ทำให้ฮูหยินเซียวรอนานแล้ว! ” ซ่งฉางชิงถลึงตาใส่ซ่งฝูอีกครั้ง
คนมากลับไม่รู้จักรายงาน!
ซ่งฝูยังคงนึกว่าตัวเองรบกวนคุณชาย ได้แต่ถอนหายใจทีหนึ่ง
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ไม่เป็นอะไร ข้าเองก็ได้ดื่มชาดีแล้วหนึ่งถ้วย! บัดนี้ฝีมือการชงชาของท่านซ่งน้อยไม่เลวเลย”
แววตาของซ่งฉางชิงอ่อนโยนขึ้นมาก ซ่งฝูหันมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความรู้สึกขอบคุณ แทบอยากเรียกนางว่าท่านแม่
“เจ้าออกไปได้ รออยู่หน้าประตู! ” ซ่งฉางชิงโบกมือ เมื่อได้รับคำสั่ง ซ่งฝูจึงรีบออกไป
เซี่ยยวี่หลัวหยิบสูตรอาหารที่ให้เซียวจื่อเซวียนเขียนออกมาจากอกเสื้อ พร้อมกล่าว “นี่คือสูตรอาหารใหม่สองสูตร ท่านซ่งลองดู! ”
ซ่งฉางชิงดูแล้ว รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง หันขวับกำลังจะไปหยิบเงิน เซี่ยยวี่หลัวกลับเรียกเขาไว้ “ท่านซ่ง ครั้งนี้ข้าไม่เอาเงิน แต่มีเรื่องหนึ่งอยากให้ท่านซ่งช่วยเหลือ! ”
จู่ๆ แววตาก็ฉายประกายแสงสีสะดุดตา ก่อนจะกลับคืนสู่สภาวะปกติเมื่อหันตัวกลับมา “ฮูหยินเซียวกล่าวมาได้เลย ข้าต้องทำให้แน่นอน! ”
ต่อให้เป็นดวงดาราบนท้องนภา เขาก็จะเก็บลงมาให้นาง
ภายในห้องรับรอง เหลือเพียงซ่งฉางชิงเพียงคนเดียวอีกครั้ง
ภายในห้องมีกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยวนเวียน นั่นเป็นกลิ่นอายบนกายคนเมื่อครู่นี้ ซ่งฉางชิงหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความละโมบ
“คุณหนู คุณชายกำลังยุ่งอยู่ ท่านรอ…” จู่ๆ เสียงห้ามปรามก็ดังขึ้นจากด้านนอก แต่รั้งไว้ไม่อยู่ ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง สายลมพัดโชยเข้ามา กลิ่นหอมของดอกไม้เสี้ยวสุดท้าย กระจายหายไปจนสิ้น
“ญาติผู้พี่” กู้ซินเยว่เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เพียงเห็นซ่งฉางชิงลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ดวงตาเหี้ยมเกรียมคู่หนึ่งจ้องนางเขม็ง ราวกับว่าเสี้ยววินาทีต่อไปก็จะถลกหนังเลาะกระดูกนางอย่างไรอย่างนั้น!
กู้ซินเยว่ขาสั่น ตกใจจนขวัญแทบกระเจิง “ญาติ ญาติผู้พี่…”
“ไสหัวไป! ”
ซ่งฉางชิงแสยะริมฝีปากบางเล็กน้อย ประหนึ่งเทพซิวหลัวจากแดนยมโลก
กู้ซินเยว่รู้สึกขาอ่อนยวบ กำลังจะล้มกองลงไปบนพื้น ยังดีที่จื่อเยียนที่อยู่ข้างๆ โอบนางไว้ กึ่งประคองกึ่งลากจนพานางออกไปได้
ซ่งฝูที่อยู่ข้างนอกร้อนรนจนรู้สึกปวดหัวนัก
ระยะนี้คุณชายอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก คุณหนูไม่เคาะประตูด้วยซ้ำ ก็พุ่งพรวดเข้าไปแล้ว เท่ากับหาเรื่องให้โดนตำหนิเองไม่ใช่หรือ?
มาเพียงแค่สองคน คนหนึ่งออกไปโดยมีคุณชายส่งถึงประตูด้วยตัวเอง อีกคนหนึ่งเพิ่งเข้าไปก็ถูกออกคำสั่งให้ไสหัวไป หากเป็นเขา เขาก็คงส่งคนที่รอเขาออกไปด้วยความเคารพนอบน้อมเช่นกัน
ล้วนแต่เป็นสตรีเหมือนกัน เหตุใดจึงต่างกันถึงเพียงนี้!
คนหนึ่งเป็นหญิงชาวบ้านชนบท กลับรู้ความมีมารยาท รู้จักคิดเผื่อผู้อื่น อีกคนหนึ่งอย่างน้อยก็เป็นบุตรีผู้ดี เหตุใดถึง…
ซ่งฝูมองกู้ซินเยว่ที่สีหน้าขาวซีดด้วยความอ่อนใจ ตัวนางพิงอยู่บนตัวจื่อเยียน ได้แต่ลอบถอนหายใจ