ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 457 ตัวอักษรสองตัวนี้ เหมือนจะเคยเห็นมาก่อน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 457 ตัวอักษรสองตัวนี้ เหมือนจะเคยเห็นมาก่อน
บทที่ 457 ตัวอักษรสองตัวนี้ เหมือนจะเคยเห็นมาก่อน
ซ่งฉางชิงเท้าศอกไว้บนโต๊ะ มือทั้งคู่ประสานกัน หลับตาสนิท ไม่เห็นอย่างชัดเจนว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงหยิบสูตรอาหารที่เซี่ยยวี่หลัวให้ออกมาจากลิ้นชัก ตัวอักษรที่เขียนดูคล้ายลายมือเด็ก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นลายมือของเด็ก ต่างจากลายมือที่เขาเคยเห็นนางเขียนชื่อเซี่ยยวี่หลัวโดยสิ้นเชิง
รูปแบบตัวอักษรจานฮวาที่งดงามนั่น
ซ่งฉางชิงหยิบพู่กันขึ้นมา เขียนชื่อตัวอักษรสามตัวที่เขาต้องเลียนแบบนับร้อยรอบทุกวัน บัดนี้ตัวอักษรที่เขียนออกมากับตัวอักษรของนาง คล้ายคลึงกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นผู้เขียน
เซี่ยยวี่หลัว ใต้หล้านี้ เหตุใดจึงมีคนที่มีชื่อไพเราะถึงเพียงนี้!
ซ่งฉางชิงจรดปลายพู่กันขีดเขียนอีกครั้ง เขียนตัวอักษรสามตัวนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
เขียนจนมือเมื่อยและชา ซ่งฉางชิงจึงวางพู่กันลง มองแล้วมองอีก ก่อนนำแผ่นกระดาษที่เขียนตัวอักษรไว้เต็มหน้าไปเผาให้มอดไหม้ด้วยความเสียดาย
เปลวไฟสีฟ้ากลืนกินกระดาษทั้งแผ่น ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ถูกเผาจนเกือบหมด
แผ่นกระดาษที่ถูกไฟเผาเหลือไว้เพียงมุมเดียว ซ่งฉางชิงกำลังจะโยนทิ้งไป ทว่าหางตากลับเหลือบไปเห็นตัวอักษรสองตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ — ยวี่หลัว
ตัวอักษรสองตัวนี้ เหมือนว่าเขาจะรู้จัก ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ซ่งฉางชิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกเจ็บแปลบถูกส่งตรงมาจากปลายนิ้ว ไฟไหม้ใส่ปลายนิ้วของเขาแล้ว เขาปล่อยมือออก มุมสุดท้ายที่เหลืออยู่ร่วงหล่นลงไป มอดไหม้จนเหลือเพียงเถ้าถ่าน ไม่เหลืออะไรอีก
ตอนเซี่ยยวี่หลัวตื่นขึ้นในช่วงเช้า ในห้องครัวมีกลิ่นหอมกรุ่นลอยออกมา ไม่ว่านางจะตื่นเร็วเพียงใด เซียวยวี่ก็ยังตื่นเช้ากว่านาง ราวกับไม่ต้องนอนหลับอย่างไรอย่างนั้น
นางหันมองเซียวจื่อเมิ่งที่ยังนอนอยู่ข้างๆ ช่วยนางห่มช่วงท้องที่โผล่ออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงลงจากเตียง ถักเปียผมสีดำขลับเป็นหางเปียยาว ผูกด้วยผ้าผูกผมที่ปักมุกเครื่องแก้วสีฟ้าไว้ มองดูตนเองที่อยู่ในกระจกครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะระยะนี้กินมากเกินไปหรือไม่ จึงอ้วนขึ้นและดูอวบอิ่มขึ้น ดวงหน้าก็ดูทรงเสน่ห์ยิ่งขึ้น
ในนิยายกล่าวไว้ไม่ผิดจริงๆ
งามล่มเมือง งามอย่างมิอาจหาใดเทียม
งามจนทำให้คนแทบหยุดหายใจ
แม้แต่ตัวนางเอง เมื่อได้เห็นก็ยังส่งเสียงชื่นชมออกมา
หลังจากชื่นชมความงามของตัวเองเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงไปยังห้องครัว ตอนอยู่ด้านนอกก็เห็นเซียวยวี่หันหลังให้นาง มือหนึ่งถือหนังสือ อีกมือหนึ่งถือตะหลิว กำลังทำอาหารไปพลางอ่านตำราไปพลาง
ช่างขยันขันแข็งเสียจริง!
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้เดินขึ้นหน้า เพียงพิงอยู่ตรงวงกบประตูจ้องมองเขา ไม่รู้ว่ามองอยู่นานเพียงใด จวบจนกลิ่นหอมของอาหารลอยขึ้นมาจากกระทะ อาหารสุกแล้ว เซียวยวี่จึงวางตำราไว้ข้างเตาปรุงอาหารอย่างระมัดระวัง ตรงนั้นสะอาดสะอ้าน ไม่มีคราบน้ำหรือน้ำมันแม้แต่น้อย
ตักอาหารเสร็จ หันตัวกลับมา จึงเห็นเซี่ยยวี่หลัวที่ยืนอยู่ตรงประตู
นางกำลังมองเขาพร้อมแย้มรอยยิ้มพราว ดวงหน้าเต็มไปด้วยประกายยิ้มแย้ม
“เด็กโง่ เหตุใดถึงตื่นเช้านัก! ” เซียวยวี่วางอาหารลง เดินขึ้นหน้าไปจับมือเซี่ยยวี่หลัว
เซียวยวี่ตัวสูงเกินไป เซี่ยยวี่หลัวต้องเงยหน้าถึงจะคุยกับเขาได้ “แล้วเหตุใดเจ้าถึงตื่นเช้าเพียงนี้? ”
“ข้าต้องตื่นแต่เช้ามาอ่านตำราทุกวัน ติดเป็นนิสัยแล้ว เมื่อตื่นแล้วจึงทำอาหารเช้าไปด้วย ทำได้เหมือนกัน! ” เซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว
“เมื่อคืนอ่านตำราจนถึงดึกดื่นหรือ? ดูสิตาเจ้าคล้ำแล้ว” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความเห็นใจ
เซียวยวี่จับมือเล็กที่สัมผัสแก้มตัวเอง นำมาแนบตรงริมฝีปาก จุมพิตทีหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าว “ไม่เป็นอะไร ข้านอนชดเชยตอนเที่ยงก็ได้! ”
“เจ้ากลับไปอ่านตำราเถิด ที่นี่ข้าทำเอง! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวพลางเดินเข้าไปด้านใน
“เหลืออาหารอย่างสุดท้ายเท่านั้น ข้าใส่ฟืน เจ้าทำอาหาร” เซียวยวี่นั่งลงหลังเตาไฟ ยิ้มพร้อมกล่าว
เซี่ยยวี่หลัวมองดูอาหารอย่างสุดท้ายบนเตาปรุงอาหาร พริกและมะเขือยาว เจ้าหมอนี่ เหลืออาหารที่เขาจะกินให้นางทำ
หลังกินอาหารเช้า เด็กสองคนตามเซียวยวี่ไปยังสถานศึกษาเพื่อเล่าเรียน เซี่ยยวี่หลัวอาศัยจังหวะที่อากาศเย็นสบาย ไปเก็บผักที่จะกินตอนเที่ยงจากสวนหลังบ้าน ล้างให้สะอาดและหั่นจนเสร็จจึงกลับเข้าห้อง อาศัยช่วงที่ไม่มีคนอยู่ เขียนสือโถวจี้เล่มที่สองต่อ
ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดัง “ปังปังปัง” เซี่ยยวี่หลัวรีบเก็บข้าวของและใส่กุญแจ คนที่อยู่ด้านนอกคือเซียวซานที่มีเหงื่อเต็มศีรษะ เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวก็รีบดึงนาง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านรีบมาเร็ว มีคน มีคนจำนวนมากมาหาขอรับ! ”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก “เซียวซาน เจ้าค่อยๆ พูด! ”
“พี่สะใภ้ใหญ่ มีคนจำนวนมากมาหาเรื่องพี่ใหญ่ขอรับ ท่านรีบไปกับข้าเร็ว! ”
เซี่ยยวี่หลัวได้ฟังดังนั้น ก็ใส่กุญแจประตู รีบวิ่งตามเซียวซานไปยังสถานศึกษา
และแล้ว ก็เห็นว่าภายนอกสถานศึกษามีรถม้าจอดอยู่เต็มพื้นที่ เมื่อเข้าไปในลาน ภายในมีผู้คนมุงล้อมจนไม่อาจผ่านไปได้
เซี่ยยวี่หลัวเบียดเข้าไปในสถานศึกษา ก็เห็นเซียวยวี่กำลังสนทนากับคนผู้หนึ่งอยู่ ฟังครู่หนึ่ง นางก็เข้าใจแล้ว
“อาจารย์เซียว ท่านสอนดีถึงเพียงนี้ ข้าคิดจะให้บุตรชายสองคนของข้าร่ำเรียนกับท่าน”
“อาจารย์เซียว ข้าก็เหมือนกัน อยากให้เล่าเรียนกับท่าน”
คนที่อยู่ภายในลานต่างก็เรียกอาจารย์เซียวด้วยความเคารพ
นี่เรียกว่ามาหาเรื่องที่ไหนกัน พวกเขามาเพื่อขอเป็นศิษย์เซียวยวี่ต่างหาก
เวลานี้เซียวซานก็ตระหนักแล้วเช่นกัน จึงเกาศีรษะด้วยท่าทางเก้อเขิน ตอนนั้นเขาเห็นว่ามีคนมาเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมาอย่างเอิกเกริก นึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไร จึงไปหาพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยความร้อนใจ
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวซานเหมือนกับเซียวจื่อเซวียน เป็นน้องชายตัวเล็ก ลูบศีรษะเขาอย่างสนิทสนม จากนั้นจึงไปข้างกายเซียวยวี่
เซียวซานยกมือขึ้นคลำศีรษะของตัวเองที่ถูกลูบ หัวเราะเบาอยู่คนเดียว
นักเรียนที่ถูกพามาด้วยมีสิบกว่าคน สถานศึกษาแห่งนี้ไม่อาจรับไว้ได้ ต่อให้รับไว้ได้ เซียวยวี่ก็ไม่คิดจะรับ
เขายังต้องเตรียมตัวสำหรับการสอบในปีหน้า เขาเองก็มีใจอยากช่วยแต่ไร้ซึ่งกำลัง
“ทุกท่าน ขออภัยด้วย ข้ามีความสามารถจำกัด เกรงว่าจะสอนเด็กจำนวนมากถึงเพียงนี้ไม่ไหว” เซียวยวี่ประสานมือคำนับ ปฏิเสธทันควัน
คนเหล่านั้นได้ยินว่าเซียวยวี่ไม่ยอมรับสอน ต่างก็รู้สึกร้อนใจ
พวกเขาล้วนเป็นคนจากตัวเมืองโยวหลัน บ้างก็เคยเห็น บ้างก็เคยได้ยินเรื่องที่เซียวยวี่เอาชนะเฮ่อหลันได้ในคราเดียว เฮ่อหลันเป็นท่านจวี่เหรินเพียงคนเดียวในตัวเมืองที่สอนหนังสืออยู่ เดิมทีทุกคนล้วนเชื่อมั่นในตัวเฮ่อหลัน ที่ไหนได้ เซียวยวี่กลับเป็นม้ามืดที่เอาชนะเขาได้
“อาจารย์เซียว ท่านอย่าถ่อมตัวเลย ความองอาจของท่านในวันนั้นที่เอาชนะอาจารย์เฮ่อได้ พวกเราล้วนได้เห็นแล้ว” มีคนโวยวายเสียงดัง “ท่านเก่งกาจถึงเพียงนี้ เด็กที่สอนก็โดดเด่นถึงเพียงนั้น ตอนนี้บุตรของข้าจะให้ใครสอนก็ไม่วางใจ อยากให้ท่านเป็นผู้สอน”
ในตอนแรก เฮ่อหลันส่งหนังสือท้าดวลถึงเซียวยวี่ ทุกคนเพียงคิดว่าเป็นการแข่งระหว่างบัณฑิตเท่านั้น แต่ในภายหลังทุกคนได้รู้ว่าเซียวยวี่เป็นบัณฑิตไร้คุณวุฒิ เห็นเขาชนะ ทุกคนจึงสนใจอย่างแท้จริง
อยู่ดีๆ ท่านจวี่เหรินจะท้าดวลกับบัณฑิตไร้คุณวุฒิไปทำไม?
ดังนั้น หลังจากตามซักถาม จึงได้รู้เรื่องที่นักเรียนของเฮ่อหลันพ่ายแพ้ให้กับนักเรียนของเซียวยวี่โดยปริยาย
แม่เจ้า นั่นไม่ใช่การเอาชนะธรรมดา แต่เป็นการชนะโดยสมบูรณ์แบบ!
* สือโถวจี้ หรือบันทึกแห่งศิลา คือเรื่องเดียวกับ หงโหลวเมิ่ง หรือความฝันในหอแดง ซึ่งสือโถวจี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นหงโหลวเมิ่งในภายหลัง