ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 459 ต่อไปเจ้าคือศิษย์ของข้าฉางโส่วหนง
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 459 ต่อไปเจ้าคือศิษย์ของข้าฉางโส่วหนง
บทที่ 459 ต่อไปเจ้าคือศิษย์ของข้าฉางโส่วหนง
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวเห็นฉางโส่วหนง ก็รู้สึกตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร
ฉางโส่วหนงที่ในนิยายจะไปหาเซียวยวี่ในปีหน้า กลับมาหาด้วยตัวเองตั้งแต่ในปีแรก
เดิมทีเป็นพวกเขาไปหาฉางโส่วหนง แต่มาบัดนี้ เป็นฉางโส่วหนงที่มาหาเซียวยวี่!
“เมื่อครู่มีคนมากมายมาหาอาจารย์ อยากส่งบุตรมาเล่าเรียนกับอาจารย์ เหตุใดถึงไม่รับเด็กเหล่านั้นไว้? ”
เซียวยวี่ยิ้มพลางส่ายหน้า “เดิมทีเด็กเหล่านั้นก็เป็นนักเรียนของสถานศึกษาต่างๆ…”
“ดังนั้น เจ้าเกรงว่าจะล่วงเกินผู้อื่น จึงไม่รับสอนหรือ? เช่นนั้นเจ้าไม่ลองคิดดู ว่าหากเรียนกับเจ้า เด็กๆ จะได้รับความรู้มากกว่าเรียนกับคนเหล่านั้น หากเจ้าไม่รับสอน มิเท่ากับทำให้พวกเขาเสียอนาคตหรือ? ” ฉางโส่วหนงไล่ต้อน ไม่รอให้เซียวยวี่กล่าวจบ ก็ชิงพูดขึ้นก่อน
เซียวยวี่ไม่กระวนกระวาย กล่าวด้วยความหนักแน่น “ข้าน้อยเป็นเพียงบัณฑิตไร้คุณวุฒิ ทั้งยังเพิ่งเป็นอาจารย์ จะเทียบกับอาจารย์เหล่านั้นได้อย่างไร! ”
“เจ้ากำลังกลัว? หรือกำลังดูแคลนตัวเอง? ” ฉางโส่วหนงเอ่ยถามต่อ
“ไม่ใช่ขอรับ ข้าเพียงแค่กล่าวตามจริงเท่านั้น” เซียวยวี่ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย “ข้าน้อยสอบซิ่วไฉมาสี่ปีก็ยังสอบไม่ผ่าน ความรู้ความสามารถย่อมไม่อาจเทียบอาจารย์ท่านอื่นได้ นี่คือความจริง นอกจากนั้น ที่ข้าสอนได้ดี เพียงเพราะข้าสอนด้วยตำราที่ดีก็เท่านั้น ตำรานี้ข้าไม่คิดจะเก็บซ่อนไว้ แต่จะแบ่งปันกับทุกคน สอนเด็กๆ ร่วมกัน”
“นี่คือตำราที่เจ้าเขียน เจ้าตัดใจมอบตำราที่ดีถึงเพียงนี้ให้ผู้อื่นได้หรือ? เจ้าสามารถอาศัยตำราเล่มนี้ เปิดสถานศึกษาขนาดใหญ่ รับนักเรียนเพิ่มขึ้นได้”
“นั่นหาใช่อุดมการณ์ของข้าน้อย” เซียวยวี่ประสานมือ คำนับพร้อมกล่าว
“เจ้ายังอยากสอบซิ่วไฉ สอบจวี่เหริน เป็นขุนนางหรือ? ” ฉางโส่วหนงไหวคิ้วพร้อมกล่าว
เซียวยวี่พยักหน้า “ขอรับ! ”
“รู้สึกว่าเป็นขุนนางมีหน้ามีตา มีเกียรติกว่าการเป็นอาจารย์งั้นหรือ? ”
“ไม่ใช่ขอรับ! ” เซียวยวี่กล่าวเสียงดังฟังชัด “ข้าเป็นอาจารย์ สอนได้แค่เด็กเหล่านี้ เดิมทีก็มีขีดจำกัดอยู่แล้ว แต่หากข้ารับราชการเป็นขุนนาง ข้าสามารถทำให้เด็กจำนวนมากกว่านี้ได้เรียนหนังสือ ข้าสามารถปรับปรุงตำราเรียนของต้าเยว่ สามารถทำให้อาจารย์จำนวนมากกว่านี้ได้ใช้ตำราที่ดียิ่งขึ้น ข้าสามารถเปิดสถานศึกษาจำนวนมากขึ้น ทำให้เด็กๆ ที่ไม่มีเงินพอจะเรียนสามารถเข้าเรียนในสถานศึกษาได้มากยิ่งขึ้น เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเขา”
การเป็นอาจารย์นั้นเป็นความรักที่มีขีดจำกัด แต่เขายังมีอุดมการณ์ที่กว้างไกลยิ่งกว่า
อาหลัวเคยกล่าวไว้ ว่าจะให้ผู้คนทั่วทั้งต้าเยว่ สามารถเข้าเรียนในสถานศึกษาได้
หลังจากฉางโส่วหนงได้ฟัง ท่าทางบีบคั้นไล่ต้อนเมื่อครู่พลันหายไป แปรเปลี่ยนเป็นเมตตาและเป็นกันเองขึ้นไม่น้อย เขาตบบ่าเซียวยวี่ทีหนึ่ง หัวเราะเสียงดังพร้อมกล่าว “ถูกต้อง พวกเราต้องทำให้เด็กจำนวนมากกว่านี้ได้เรียนหนังสือ ข้าดูเจ้าไม่ผิดจริงๆ! ”
เซียวยวี่รู้สึกสับสนมึนงง “ใต้เท้า? ”
ฉางโส่วหนงลูบเคราแพะของตัวเองอีกครั้ง “ยังจะเรียกใต้เท้าอะไรอีก ยังไม่รีบเรียกอาจารย์อีกหรือ? ”
อาจารย์?
เซียวยวี่ผงะไป “ใต้เท้า ข้า…”
ฉางโส่วหนงจงใจทำสีหน้าบึ้งตึง “ทำไม ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าไม่ได้รึ? ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ขอรับ! ” เซียวยวี่หัวเราะออกมา ยกชายเสื้อขึ้นคุกเข่าลงไปทันที “ท่านอาจารย์ โปรดรับการคำนับจากศิษย์ด้วย! ”
ฉางโส่วหนงรับการคำนับสามครั้ง ก่อนเดินขึ้นหน้าไปพยุงเซียวยวี่ให้ลุกขึ้น “ถึงแม้การกราบอาจารย์จะเรียบง่ายไปบ้าง แต่เจ้าเป็นศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายของข้า เช่นนั้นก็ช่างเถอะ ข้าเองไม่เคยเป็นอาจารย์มาก่อน ไม่รู้ว่าควรสอนเจ้าเช่นไร นี่คือบทความแก้ไขปัญหาประเภทต่างๆ ที่ข้าเขียนมาตลอดหลายปี เจ้านำไปอ่าน หากไม่เข้าใจ ก็มาหาข้า! ”
เซียวยวี่เรียกสติคืนกลับมาจากอาการนิ่งอึ้งเมื่อครู่ได้แล้ว จึงรีบรับมา ถือไว้ในมือราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าก็มิปาน “ขอบคุณอาจารย์มากขอรับ! ”
“ขอบคุณอะไรกัน เจ้าตั้งใจสอนหนังสือ เตรียมตัวสำหรับการสอบปีหน้าให้ดี! ”
เซียวยวี่ขมวดคิ้ว “อาจารย์ ข้ามีคำถามหนึ่งอยากถามท่านขอรับ”
“ตอนนี้ก็มีคำถามแล้วรึ? เจ้าถามมา” ฉางโส่วหนงหัวเราะพร้อมกล่าว
“ข้ากับอาจารย์ไม่รู้จักกัน เหตุใดอาจารย์ถึงรับข้าเป็นศิษย์ขอรับ? ” เซียวยวี่เอ่ยถามด้วยท่าทีจริงจัง
ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ช่างเป็นทิวทัศน์ที่งดงามยิ่งนัก
จวบจนเห็นรถม้าวิ่งไปไกลแล้ว เซียวยวี่ยังคงรู้สึกราวกับเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร เดินขึ้นหน้าไปหาเซียวยวี่ “อายวี่ เมื่อครู่ใต้เท้าฉางกล่าวอะไรกับเจ้าหรือ? ”
ในนิยายเขียนไว้ว่าหลังจากเซียวยวี่สอบผ่านซิ่วไฉ ได้อันดับหนึ่งในการสอบระดับท้องถิ่นแล้ว นางเอกจะให้ครอบครัวใช้เส้นสายของตระกูล เพื่อไปพบฉางโส่วหนง จึงทำให้ฉางโส่วหนงรับเซียวยวี่เป็นศิษย์ แต่ตอนนี้…
เซียวยวี่หอบตำราไว้ ยามนี้ยังรู้สึกราวกับเป็นความฝัน “ใต้เท้าฉางบอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์! ”
“จริงหรือ? เมื่อใดกัน? ” เซี่ยยวี่หลัวยินดีจนแทบกระโดดโลดเต้น
เซียวยวี่หันกลับมา มองดูภายในลาน “ข้ากราบอาจารย์แล้ว! ”
“อายวี่ เยี่ยมไปเลย! ” เซี่ยยวี่หลัวตื่นเต้นจนกระโดดขึ้นมาโอบคอเซียวยวี่ไว้
เซียวยวี่รู้สึกมึนงง “อาหลัว เหตุทำเจ้าจึงดีใจถึงเพียงนี้? ”
“ข้าต้องดีใจอยู่แล้ว ใต้เท้าฉางเป็นขุนนางมานานปี เขาเคยผ่านเรื่องราวมาไม่น้อย ประสบการณ์และความรู้ของเขา ต้องสร้างแรงบันดาลใจให้เจ้าได้มากขึ้นแน่นอน! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ดังนั้น เจ้าจึงปูเส้นทางให้ข้าตั้งแต่ต้นแล้วอย่างนั้นหรือ? ” เซียวยวี่ถามนางด้วยท่าทีจริงจัง
อาจารย์กล่าวว่า “วิธีจัดการดูแลผู้ลี้ภัยที่เจ้าให้หนีเหลียงนำไปให้นั้นดีมาก แก้ปัญหาใหญ่ให้ข้าเชียว! ”
วิธีจัดการดูแลผู้ลี้ภัย อาหลัวเป็นคนให้หนีเหลียงนำไป!
เขาเองไม่รู้ ก่อนหน้านี้เขาหาอยู่นาน ยังกล่าวอยู่ว่าเหตุใดถึงหาสิ่งที่เขาเขียนไม่พบ ตอนนั้นอาหลัวบอกว่า บางทีอาจเพราะเขาลืมว่าวางไว้ตรงไหน ให้เขาลองหาดูอีกครั้ง
แต่ก็ยังหาไม่พบ
ที่แท้สาเหตุที่หาไม่พบ เป็นเพราะมีคนนำออกไปแล้ว เขาจะหาพบได้อย่างไรเล่า?
เซียวยวี่รู้จักฉางโส่วหนง
รู้ถึงความเก่งกาจของคนผู้นี้ เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้พบฉางโส่วหนงสักครั้ง ไม่คาดคิดเลยว่า วันนี้ฉางโส่วหนงจะรับเขาเป็นศิษย์
เรื่องที่เซี่ยยวี่หลัวกล่าวมา มีหรือเขาจะไม่รู้ เพียงแต่ เขาไม่กล้าคิดก็เท่านั้น
เขาเป็นเพียงบัณฑิตไร้คุณวุฒิ จะมีความสามารถใด ให้ฉางโส่วหนงรับเขาเป็นศิษย์กัน
แต่อาหลัวกลับช่วยเขา!
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่มีท่าทีจริงจังเป็นอย่างมาก นางจึงหุบยิ้ม มองดูใบหน้าเคร่งขรึมของอายวี่
ในเสี้ยววินาทีนั้น นางไม่อาจคาดเดาความคิดของอายวี่ได้
ในนิยาย นางเอกอาศัยเส้นสายของตระกูลไปขอร้องฉางโส่วหนง ฉางโส่วหนงจึงรับเขาเป็นศิษย์ ตอนนั้นภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่?
เขาดีใจ หรือทำสีหน้าเคร่งขรึมเช่นเดียวกับตอนนี้?
“อายวี่…” นางรู้สึกกลัวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำให้เซียวยวี่ลำบากใจหรือไม่ “ข้าไม่ได้ตั้งใจหลอกเจ้า ข้าเพียงแค่…”
นางไม่รู้ว่า ในนิยายนั้นความสามารถของเซียวยวี่มีบทบาทสำคัญ หรือตระกูลของนางเอกมีบทบาทสำคัญกว่า
“ข้ารู้! ” จู่ๆ เซียวยวี่ก็กอดเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น น้ำเสียงของเขาสะอื้นเล็กน้อย “อาหลัว ขอบคุณเจ้ามาก”
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล่าวอะไรอีก เพียงกอดเซียวยวี่ไว้
เพื่อทำตามคำพูดของตัวเอง เซียวยวี่จึงไปหาโหยวเจิ้งเฉิง ให้โหยวเจิ้งเฉิงออกหน้า หลังจากพิมพ์ตำราที่เขาเขียนขึ้นเองเสร็จ จึงแจกจ่ายให้กับสถานศึกษาต่างๆ ในเมืองโยวหลัน เมื่อเห็นตำราเรียนของเซียวยวี่ ทุกคนล้วนเชิดชูราวกับสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ผ่านไปเพียงไม่นาน ตามเรือนใหญ่ตรอกเล็กล้วนมีแต่คนกล่าวขานถึงความใจกว้างของเซียวยวี่
ตำราเรียนเช่นนี้ ต่อให้เป็นเด็กๆ ที่ไม่สามารถเข้าเรียนในสถานศึกษา ได้ฟังสักสองรอบก็สามารถขับขานได้หลายประโยคแล้ว เมื่อเข้าไปในตัวเมืองโยวหลันอีกครั้ง บนท้องถนนและตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยเสียงขับขานบทกลอน เซียวยวี่มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งขึ้น และได้รับการเคารพยกย่องจากทุกคน