ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 461 ถูกคุมตัวกลับเรือน
บทที่ 461 ถูกคุมตัวกลับเรือน
ไม่นานก็ถึงเรือนตระกูลซ่ง
ซ่งฉางชิงลงจากรถม้า เข้าไปในเรือนของฮูหยินเฒ่ากู้ทันที
เมื่อสาวใช้หน้าประตูเห็นซ่งฉางชิงมา ก็รีบย่อตัวคำนับ ก่อนเลิกม่านขึ้น ซ่งฉางชิงจึงเดินเข้าไป
“คุณชายมาแล้วเจ้าค่ะ! ”
เมื่อสิ้นเสียง เสียงสนทนาด้านในพลันหยุดชะงักลง
เสียงของกู้ซินเยว่ที่พูดคุยกับฮูหยินเฒ่ากู้อยู่ตลอดหยุดชะงักอย่างฉับพลัน หันขวับไปก็เห็นซ่งฉางชิงเดินมา กู้ซินเยว่สีหน้าขาวซีด ราวกับตกใจกลัวซ่งฉางชิงอย่างไรอย่างนั้น รีบลุกขึ้นยืน ถอยไปอยู่ด้านหลังฮูหยินเฒ่ากู้
ฮูหยินเฒ่ากู้เห็นหลานสาวที่มีสีหน้าขาวซีด รู้ว่านางน่าจะตกใจกลัว จึงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “ในที่สุดก็ยอมกลับมาแล้วหรือ? ”
“ท่านแม่…”
“ยังรู้ว่าข้าเป็นแม่เจ้าอีกหรือ หากไม่บอกว่าข้าไม่สบาย เจ้าก็คงไม่กลับมา ใช่หรือไม่? ” ฮูหยินเฒ่ากู้กล่าวเป็นเชิงตำหนิ “ดูเจ้าสิ ตั้งแต่ครั้งก่อน เจ้าไม่ได้กลับมานานแค่ไหนแล้ว? ”
ซ่งฉางชิงไม่กล่าวอะไร เพียงรับน้ำชาที่สาวใช้ยกมาให้ด้วยสีหน้าเรียบสงบ
ส่วนกู้ซินเยว่ที่อยู่ข้างๆ ก็มองซ่งฉางชิงทีหนึ่ง ก่อนหันมองฮูหยินเฒ่ากู้ เข้าใจเรื่องราวทันที ที่ญาติผู้พี่กลับมา ไม่ได้มาเพื่อขอขมานาง หากแต่…
“เมื่อวานเจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าทำให้ซินเยว่ตกใจกลัวแล้วรู้หรือไม่ เร็วเข้า รีบขอขมานาง! ” ฮูหยินเฒ่ากู้เร่งเร้าซ่งฉางชิง
ซ่งฉางชิงไม่เหลียวมองนางด้วยซ้ำ เพียงกล่าวต่อจากวาจาของฮูหยินเฒ่ากู้ “ขอโทษด้วย”
เขาแค่ไม่อยากยุ่งยากก็เท่านั้น
ในที่สุดหยาดน้ำตาของกู้ซินเยว่ก็ไหลริน ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจและหวาดกลัว เหนือสิ่งอื่นใดคือความรู้สึกเศร้าเสียใจ ญาติผู้พี่ไม่ได้กลับมาเพราะนาง
“ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ญาติผู้พี่ ข้า… ข้าไม่โทษท่านเจ้าค่ะ! ”
ถึงแม้กู้ซินเยว่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ แต่ยังคงกล่าวอย่างรู้ความ
ฮูหยินเฒ่ากู้หันกลับไปมองกู้ซินเยว่ ก่อนกล่าวกับซ่งฉางชิง “เจ้าดูสิ ซินเยว่เป็นเด็กที่รู้ความเพียงใด เจ้ากลับทำให้นางร้องไห้ ทำให้นางเศร้าเสียใจ เจ้าจะปลอบโยนนางอย่างไร? ”
ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วทันที
“วันนี้เจ้าไม่ต้องกลับเซียนจวีโหลวแล้ว” ฮูหยินเฒ่ากู้บอกให้อยู่เป็นเพื่อนนาง ทว่าความจริงในใจมีความคิดอื่น
ซ่งฉางชิงเอ่ยขึ้น “ที่ภัตตาคารมีธุระเยอะมาก”
“เยอะเพียงใดก็ยังมีซ่งฝูไม่ใช่หรือ? ยังมีลูกจ้างมากมายถึงเพียงนั้นไม่ใช่หรือ? แค่เรื่องคิดบัญชีเท่านั้น ฉางชิง ข้าบอกเจ้าแล้วว่าตอนนี้ภัตตาคารตั้งตัวได้โดยสมบูรณ์ เจ้าเองก็ว่างแล้ว อย่าเป็นนายบัญชีอีกเลย หากจ้างนายบัญชีที่ไว้ใจได้สักหนึ่งคน เจ้าก็ไม่ต้องงานยุ่งเช่นนี้ทุกวันอีก! ” ฮูหยินเฒ่ากู้เกลี้ยกล่อม
“ซ่งฝูยังอยู่ระหว่างเรียนรู้ จะให้เขารับภาระทั้งหมดเพียงลำพัง ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง! ” ซ่งฉางชิงไว้ใจซ่งฝูเพียงผู้เดียว
“เขาอยู่ระหว่างเรียนรู้ก็จริง แต่เจ้าอยู่เซียนจวีโหลวตลอด รับภาระหน้าที่ทั้งหมดไว้เอง อย่างน้อยเจ้าต้องเปิดโอกาสให้เขาได้รับภาระทั้งหมดเพียงคนเดียวบ้าง! พอดีเลย วันนี้เจ้าไม่ต้องไป อยู่บ้านเป็นเพื่อนข้าและซินเยว่ ให้ซ่งฝูเรียนรู้ที่นั่น เรียนรู้สักหลายหน ก็ทำเป็นเอง”
ซ่งฉางชิงยังคิดจะกล่าวอะไรอีก ทว่าฮูหยินเฒ่ากู้ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูด นางเพียงโบกมือ “เร็ว ยกอาหารมาได้! ”
จากนั้นภายในเรือนก็เหลือเพียงเสียงบดเคี้ยวอาหาร ซ่งฉางชิงเป็นคนกินไม่พูดนอนไม่คุย ส่วนฮูหยินเฒ่ากู้เป็นคนชอบความครื้นเครง นางพูดคุยกับกู้ซินเยว่ที่อยู่ข้างๆ ตลอด เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่เบิกบานใจ ฮูหยินเฒ่ากู้ก็หัวเราะเสียงดัง
กู้ซินเยว่เองก็หัวเราะตาม หางตาชำเลืองมองญาติผู้พี่ที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าราวกับถูกน้ำแข็งแช่แข็งไว้อย่างไรอย่างนั้น นับตั้งแต่เข้ามา จวบจนถึงตอนนี้ มีเพียงสีหน้าเดียวเท่านั้น
หลังจากกินอาหารเสร็จ ฮูหยินเฒ่ากู้ไม่ยอมให้ซ่งฉางชิงกลับไปจริงๆ
รั้งเขาอยู่ตลอด ซ่งฉางชิงจึงไปไหนไม่ได้ ทำได้เพียงอยู่เป็นเพื่อน
ทว่า หากอยู่กันเพียงสองคนแม่ลูก เขายังพอจะคุยได้ แต่เมื่อข้างกายมีกู้ซินเยว่อีกหนึ่งคน นอกจากเขาจะพยักหน้าหรือขานตอบบ้าง ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรกล่าวอะไรอีก
น้ำชาหนึ่งกา ไม่รู้ว่าดื่มจนชงไปกี่หนแล้ว เมื่อน้ำชาถูกยกมาอีกครั้ง ก็เป็นชาที่ถูกชงมาใหม่อีกหนึ่งกา ซ่งฉางชิงนั่งอยู่นาน เพิ่งขยับตัว ก็ได้ยินฮูหยินเฒ่ากู้เอ่ยถามเขา “ฉางชิง เมื่อครู่ซินเยว่บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้แม่ เจ้าคิดว่าควรจัดอย่างไร? ”
ซ่งฉางชิงนั่งตัวตรงด้วยท่าทางเรียบร้อย “ขอเพียงท่านแม่ชอบ จะจัดอย่างไรก็ได้ขอรับ”
“พูดอะไรของเจ้า นี่มิเท่ากับตอบยายแก่เช่นข้าอย่างขอไปทีหรือ? ” ฮูหยินเฒ่ากู้กล่าวเป็นเชิงตำหนิ “ซินเยว่บอกว่าจะเชิญคณะงิ้วมา ทั้งยังจะทำอาหารสำหรับวันเกิดให้ข้าด้วยตัวเอง และจะมอบของขวัญที่ทำให้ข้าประหลาดใจ แต่เจ้ากลับบอกว่าจัดอย่างไรก็ได้ แล้วจะจัดอย่างไร? ”
“ท่านแม่อยากจัดอย่างไรขอรับ? ”
“เอาอย่างนี้ เจ้ากับซินเยว่ช่วยกันจัดงานวันเกิดให้ข้า ข้าไม่ต้องการให้ครึกครื้นเกินไป แค่พวกเราสามคนก็พอ จัดกันเองอย่างครื้นเครง เป็นอย่างไร? ”
“ได้เจ้าค่ะ ท่านป้า ข้าจะจัดงานวันเกิดที่ท่านยากจะลืมเลือนแน่นอนเจ้าค่ะ” กู้ซินเยว่ที่อยู่ข้างๆ กล่าว
“มีอะไรที่ทำไม่เป็น ก็ปรึกษาหารือกับญาติผู้พี่ของเจ้า เป็นสิ่งที่เขาควรทำ เจ้าอย่าได้เห็นใจเขา เชื่อฟังป้า เรียกใช้ได้เต็มที่ เข้าใจหรือไม่? ” ฮูหยินเฒ่ากู้เสนอแนะกู้ซินเยว่
กู้ซินเยว่ยิ้มจนตาหยี “ได้เจ้าค่ะ ท่านป้า ข้าจะไปหาญาติผู้พี่แน่นอนเจ้าค่ะ หวังว่าญาติผู้พี่จะไม่รังเกียจที่ซินเยว่วุ่นวาย”
“เขากล้ารึ ข้าจะถลกหนังเขาเสีย” ฮูหยินเฒ่ากู้กล่าวพลางหัวเราะ
ทั้งสองคนหัวเราะอย่างมีความสุข มีเพียงซ่งฉางชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตวัดริมฝีปากเล็กน้อย คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
ในที่สุดฮูหยินเฒ่ากู้ก็รู้สึกเหนื่อย และยอมปล่อยตัวเขาจนได้ เพียงแต่ตอนนี้เลยเวลาอาหารไปแล้ว เซียนจวีโหลวปิดร้านแล้ว!
“เจ้าอย่ากลับเซียนจวีโหลว พักผ่อนในเรือนของข้าครู่หนึ่ง พอข้าตื่น ต้องได้พบเจ้า! ” ฮูหยินเฒ่ากู้ยังคงไม่ยอมปล่อยซ่งฉางชิงไป นางหันไปกล่าวกับกู้ซินเยว่ที่อยู่ข้างๆ “เจ้าเองก็ไม่ต้องกลับ อากาศร้อนถึงเพียงนี้ เดินไปเดินกลับเหงื่อออกเต็มตัว เจ้าให้สาวใช้กลับไปเอาเสื้อมา นอนในห้องของข้า ตื่นมาตอนบ่ายเจ้าอยู่คุยกับข้าต่อ”
ญาติผู้พี่ก็นอนอยู่ในเรือนหลังเดียวกัน
กู้ซินเยว่รู้สึกเหนียมอายยิ่งนัก พยักหน้าด้วยใบหน้าแดงเรื่อ
ท่านป้ากุ้ยพาซ่งฉางชิงไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้ เมื่อเห็นท่าทางคุณชายที่แสดงสีหน้าไร้อารมณ์ ก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมา
ตอนพบกับคุณชายที่เซียนจวีโหลว ถึงแม้ใบหน้าของคุณชายก็ไม่มีรอยยิ้มเช่นกัน แต่ก็ดูกระตือรือร้น กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา เป็นอย่างเช่นตอนนี้ที่ไหนกัน ดูห่อเหี่ยวไร้อารมณ์ ราวกับว่าภายในใจมีภาระหนักอึ้งอย่างไรอย่างนั้น
คุณชายที่เป็นเช่นนี้ เห็นแล้วก็รู้สึกว่าช่างน่าเห็นใจนัก!
ท่านป้ากุ้ยส่งเขาเสร็จ หลังจากกลับไป จึงบอกเล่าสิ่งที่ตัวเองสังเกตเห็นให้ฮูหยินเฒ่าฟัง
กู้ซินเยว่นอนแล้ว นอนอยู่ฝั่งด้านในของเตียง ไม่ขยับเขยื้อน เหมือนว่าจะนอนหลับไปแล้ว
ฮูหยินเฒ่ากู้เฝ้าสังเกตกู้ซินเยว่ที่อยู่ด้านในโดยละเอียดก่อน เห็นว่านางไม่เคลื่อนไหวอยู่นาน ถึงได้วางใจ