ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 471 ข้าจะหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุก
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 471 ข้าจะหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุก
บทที่ 471 ข้าจะหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุก
ประหนึ่งอยู่ใต้น้ำลึกท่ามกลางกองเพลิงที่โหมไหม้ก็มิปาน
เมื่อก่อนไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซ่งฉางชิงไม่พบนาง กู้ซินเยว่ยังสามารถคิดได้ว่าเป็นเพราะเขางานยุ่ง ไม่มีเวลา แต่บัดนี้อยู่ด้วยกันแล้ว เขายังจะให้สองคนแยกกัน ไม่ข้องเกี่ยวกับนาง บ่าวรับใช้ในเรือนมองเห็นทุกอย่างแจ่มแจ้ง มองความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนออกทันที
เมื่อก่อนเคารพนอบน้อมกู้ซินเยว่ เพียงแค่เพราะเห็นนางเป็นว่าที่ฮูหยินน้อยแห่งเรือนตระกูลซ่งในอนาคตเท่านั้น แต่ดูจากท่าทีของคุณชาย แม้ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกัน แต่คุณชายยังไม่แยแสคุณหนูแม้แต่น้อย ดูท่า คุณหนูคงมีใจให้ฝ่ายเดียวอย่างแท้จริง
ท่าทีที่ทุกคนปฏิบัติต่อกู้ซินเยว่จึงเกิดความเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะเป็นความเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิด แต่กู้ซินเยว่ก็สังเกตเห็น
“พวกบ่าวรับใช้ที่สมควรตายนั่น รู้ว่าญาติผู้พี่ไม่สนใจข้า ตอนนี้จึงปฏิบัติต่อข้าอย่างขอไปทีเช่นนั้นหรือ? ” กู้ซินเยว่รินน้ำชาหนึ่งถ้วยเพื่อดื่ม ดื่มเพียงหนึ่งคำก็คายออกมา กดเสียงให้ต่ำพร้อมก่นด่าทันที
จื่อเยียนเพิ่งจัดการแผลที่ถูกลวกบนมือเสร็จ โจ๊กรังนกที่ร้อนจนเดือดลวกจนหลังมือของนางเป็นสีแดง นางไม่กล้าแม้แต่จะทายา รีบเดินขึ้นหน้าไปเปลี่ยนน้ำชาแทน “คุณหนู บ่าวจะไปเปลี่ยนชาดีมาให้เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้อง” กู้ซินเยว่ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “พวกบ่าวรับใช้ที่ดูถูกข้าไว้ รอให้ข้าเป็นนายหญิงเรือนตระกูลซ่งเมื่อใด ข้าจะขายทิ้งทีละคนให้หมด! ”
จื่อเยียนไม่ได้กล่าวอะไร
ระยะนี้คุณหนูมีอารมณ์รุนแรงยิ่งขึ้น
คิดว่าน่าจะถูกคุณชายบีบคั้นจนมีสภาพเช่นนี้
กู้ซินเยว่เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง เมื่อคิดถึงเรื่องที่ยามญาติผู้พี่กล่าวถึงสตรีอื่น กลับพูดคุยอย่างมีความสุขด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะรู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่มีภัยคุกคามต่อนาง แต่กู้ซินเยว่ยังคงรู้สึกกลัว
เซี่ยยวี่หลัวที่แต่งงานแล้วไม่เป็นภัยคุกคาม แต่หากเป็นซูยวี่หลัว หรือหลินยวี่หลัวที่ยังไม่แต่งงานเล่า?
กู้ซินเยว่สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวง
ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง ก็มักจะคิดว่าหากถูกคนอื่นแย่งชิงไปควรทำเช่นไร นางรู้สึกกลัวยิ่งนัก แต่กลับไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร “เจ้าว่าข้าควรทำอย่างไร? ตอนนี้ญาติผู้พี่อยู่ตรงหน้าข้า แต่ข้ากลับไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าของเขา พวกบ่าวรับใช้นั่น ตอนนี้ต้องกำลังเยาะเย้ยข้าเป็นแน่ หัวเราะเยาะที่ข้าไม่ได้พบญาติผู้พี่ ไม่ได้ความรักจากญาติผู้พี่ เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรดี! ”
กู้ซินเยว่ร่ำไห้อยู่คนเดียว กล่าวอยู่คนเดียว คล้ายกำลังเอ่ยถามจื่อเยียน แต่ก็คล้ายกำลังเอ่ยถามตัวเอง
จื่อเยียนจับหลังมือที่ถูกลวกจนเจ็บ ปวดถึงกลางใจ ไม่กล้าแม้แต่จะแตะ ทั้งยังกล่าวอะไรไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
“หากข้าสามารถทำให้ญาติผู้พี่กลับมาได้ ข้าก็สามารถทำให้ญาติผู้พี่แต่งกับข้าได้เช่นกัน จื่อเยียน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของข้า! ” จู่ๆ กู้ซินเยว่ก็ลุกพรวดขึ้น จับมือของจื่อเยียนไว้
ตำแหน่งที่โดนลวกจนเจ็บถูกกู้ซินเยว่บีบอย่างแรง จื่อเยียนเจ็บปวดแต่ไม่กล้ากล่าวออกมา ได้แต่ทนรับความเจ็บปวดเอาไว้ “คุณหนู…”
“เจ้าไป เจ้าไปซื้อยามาให้ข้าอีก” กู้ซินเยว่กล่าวด้วยท่าทางดุร้าย “ขอเพียงหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุก ญาติผู้พี่ก็ต้องรับผิดชอบข้า เขาต้องแต่งกับข้า! ”
“คุณหนู เช่นนี้ไม่ดีเจ้าค่ะ! ” จื่อเยียนรู้สึกตื่นตกใจยิ่งนัก “หากคุณชายรู้ว่าพวกเราวางแผนคิดร้ายต่อเขา เขาต้องไม่ปล่อยข้าไปแน่! ”
“เช่นนั้นหากเขารู้เรื่องที่เจ้าทำ ตอนนี้เขาจะปล่อยเจ้าไปหรือ? ” กู้ซินเยว่แสดงสีหน้าดุร้าย จื่อเยียนตกใจจนขวัญกระเจิง “คุณหนู! ”
“เจ้าวางยาฮูหยินเฒ่า เจ้าว่าหากญาติผู้พี่รู้เข้า เขาจะถลกหนังของเจ้าหรือไม่! ” กู้วินเยว่หัวเราะอย่างเย็นเยียบพร้อมกล่าว
จื่อเยียนเกือบสะดุด แทบจะยืนไม่อยู่ “คุณหนู ข้าทำไปเพราะ…”
“ข้ารู้ว่าเจ้าทำไปเพราะหวังดีต่อข้า แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ เดิมทีข้านึกว่าขอเพียงอยู่ด้วยกันทุกวัน พอนานวันเข้าญาติผู้พี่ก็จะเกิดความรักกับข้า แต่ที่ไหนได้ เขาไม่อนุญาตให้ข้าสัมผัสเขาด้วยซ้ำ แล้วจะเกิดความรักได้อย่างไร? ยาของฮูหยินเฒ่าใกล้หมดแล้ว นี่เป็นโอกาสสุดท้าย จื่อเยียน เจ้าช่วยข้า ขอเพียงข้ากับญาติผู้พี่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ญาติผู้พี่ก็จะแต่งกับข้า ต่อไปข้าจะเป็นนายหญิงของเรือนตระกูลซ่ง พวกเราก็ไม่ต้องอยู่ใต้ผู้อื่นอีก! ” กู้ซินเยว่จับมือจื่อเยียนไว้ พร้อมออกแรงถูไปมาบนแผลลวกตรงหลังมือจื่อเยียน
ผิวส่วนนั้นเดิมทีก็ถูกลวกจนแดงก่ำอยู่แล้ว เมื่อโดนบีบอย่างแรงเช่นนี้ อีกทั้งผิวที่ถูกลวกจนเจ็บก็โดนถูจนแทบจะถลอก จื่อเยียนรู้สึกเจ็บปวดเจียนตาย แต่กลับไม่กล้ากล่าวอะไรเช่นเคย “คุณหนู…”
“เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่? หรือเจ้าอยากเห็นคุณหนูของเจ้าต้องอยู่ใต้ผู้อื่นตลอดไป จากนั้นไปแต่งงานกับบุรุษที่ข้าไม่รู้จักด้วยซ้ำ? เจ้าดูไม่ออกหรือ? ตอนที่ยายแก่นั่นสบายดี ก็คิดเรื่องหาคู่ดูตัวให้ญาติผู้พี่แล้ว นางทอดทิ้งข้าแล้ว! ” เมื่อกู้ซินเยว่คิดถึงตอนวันเกิดของฮูหยินเฒ่า นางเชิญฮูหยินที่มีหน้ามีตาในเมืองโยวหลันมาจำนวนหนึ่ง ฮูหยินเหล่านั้นล้วนพาบุตรสาวของตัวเองมา เมื่อเห็นสตรีเหล่านั้นประชันความงามกัน กู้ซินเยว่หาใช่คนเขลา นางจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่านั่นหมายถึงอะไร
ฮูหยินเฒ่าต้องเห็นว่านางไม่เป็นที่ชื่นชอบของญาติผู้พี่ จึงคิดจะทอดทิ้งนาง และหาคู่ที่เหมาะสมให้ญาติผู้พี่
“นางต้องเห็นว่าญาติผู้พี่ไม่ชอบข้า พยายามมานานถึงเพียงนี้ ญาติผู้พี่กลับไม่เหลียวมองข้าสักนิด นางทอดทิ้งข้าแล้วเป็นแน่…” กู้ซินเยว่ปิดหน้าร่ำไห้ “ยายแก่บ้านั่น นางอยู่ข้างข้าไม่ใช่หรือ นางทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร…”
ร้องไห้ครู่หนึ่ง กู้ซินเยว่ก็กัดฟันกรอดพร้อมกล่าว “เมื่อเจ้าไม่มีเมตตาก็อย่าโทษที่ข้าไร้คุณธรรม ญาติผู้พี่เป็นของข้า เป็นของข้าไปชั่วชีวิต! ”
ผิวตรงหลังมือของจื่อเยียนถูกถูจนถลอกไปบางจุดแล้ว เจ็บปวดจนนางกัดฟันแสยะปาก “คุณหนู…”
“เจ้าไปซื้อยามาเดี๋ยวนี้ ข้าต้องแต่งเข้าตระกูลซ่งให้ได้ ทุกสิ่งในเรือนตระกูลซ่ง ล้วนแต่เป็นของข้า! ” กู้ซินเยว่มองจื่อเยียน ไม่เห็นความเจ็บปวดของจื่อเยียนแม้แต่น้อย “หากซื้อยามาไม่ได้ เจ้าก็ไม่ต้องกลับมาอีก”
ตอนที่ฮูหยินเฒ่ากู้ตื่นขึ้น ก็เป็นช่วงเที่ยงคืนแล้ว
ซ่งฉางชิงนอนอยู่ข้างเตียงฮูหยินเฒ่า ท่านป้ากุ้ยปูผ้านวมสามชั้น ถึงรู้สึกว่านุ่มพอ ซ่งฉางชิงงีบหลับครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินเสียง ก็รีบลุกขึ้นทันที
“ท่านแม่…” ซ่งฉางชิงเดินขึ้นหน้าด้วยความตื่นเต้น เห็นฮูหยินเฒ่าตื่นแล้ว รู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก
“ฉางชิง เหตุใดเจ้าถึงนอนอยู่ตรงนี้อีก? กลับไปนอนในห้องเถิด ที่นี่มีท่านป้ากุ้ยคอยดูแลข้าแล้ว! ” ฮูหยินเฒ่ากู้ลืมตาตื่นขึ้น เห็นใบหน้าซูบผอมของบุตรชาย ก็รู้สึกปวดใจเสียยิ่งกว่าอะไร
ซ่งฉางชิงยิ้ม “ไม่เป็นอะไรขอรับ ท่านแม่ ข้าหลับสบายมาก ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ตอนนี้ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? ”
“รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย” ฮูหยินเฒ่ากู้นวดจุดไท่หยางครู่หนึ่ง รู้สึกปวดหัวนัก
ซ่งฉางชิง “ท่านแม่ ท่านนอนมาสองวันแล้ว ต้องรู้สึกไม่สบายตัวแน่ ท่านหิวหรือไม่? ข้าจะให้ท่านป้ากุ้ยยกโจ๊กมา”
เวลานี้ท่านป้ากุ้ยก็ตื่นแล้ว คอยอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นฮูหยินเฒ่าพยักหน้า จึงรีบวิ่งไปยังห้องครัว
ตอนที่กู้ซินเยว่ได้ยินเสียง ก็ตามมาด้วย “ท่านป้ากุ้ย เหตุใดถึงออกมาดึกเพียงนี้? ”
“ฮูหยินเฒ่าตื่นแล้ว รู้สึกหิว ข้าจึงมายกโจ๊กไป! ” ท่านป้ากุ้ยกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ
แววตากู้ซินเยว่ฉายประกายเย็นเยียบแวบหนึ่งก่อนหายวับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร “จริงหรือ? ท่านป้าตื่นแล้วจริงหรือ? ดีเหลือเกิน ข้าจะไปหาท่านป้าเดี๋ยวนี้”
กล่าวจบ นางก็วิ่งออกจากห้องครัวราวกับผีเสื้อโผบินก็มิปาน