ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 475 นางต้องคิดจะล่อลวงญาติผู้พี่เป็นแน่
- Home
 - ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
 - เล่มที่ 15 บทที่ 475 นางต้องคิดจะล่อลวงญาติผู้พี่เป็นแน่
 
บทที่ 475 นางต้องคิดจะล่อลวงญาติผู้พี่เป็นแน่
“เดินไปที่ไหนก็พบแต่เซี่ยยวี่หลัวนั่น ทั้งที่นางแต่งงานแล้ว เหตุใดถึงยังกล้าคิดเกินเลยกับญาติผู้พี่อีก! ” เมื่อกู้ซินเยว่เห็นเซี่ยยวี่หลัว ก็จะเกิดจิตปรปักษ์อย่างรุนแรง ถึงแม้คนผู้นี้จะแต่งงานแล้ว ถึงแม้สามีของคนผู้นี้จะมีรูปลักษณ์หน้าตาไม่ด้อยกว่าญาติผู้พี่ แต่เมื่อเห็นท่าทางของญาติผู้พี่ที่เอื้อนเอ่ยวาจาอย่างอ่อนโยนกับเซี่ยยวี่หลัว กู้ซินเยว่ก็ไม่อาจสงบใจได้
ใครก็ตามที่เข้าใกล้ญาติผู้พี่ ล้วนแต่คิดไม่ซื่อทั้งนั้น
เดิมทีจื่อเยียนอยากกล่าวว่านางหวังดีจึงมาช่วยดูอาการป่วยของฮูหยินเฒ่า แต่เมื่อเห็นท่าทางดุร้ายของคุณหนู จึงรู้ได้ว่าตอนนี้กล่าวอะไรไป นางก็คงฟังไม่เข้าหู ได้แต่ปล่อยไป
ท่าทีที่คุณชายมีต่อฮูหยินเซียวก็ทั่วไปนี่นา ไม่เห็นว่ามีอะไรพิเศษแม้แต่น้อย ฮูหยินเซียวจะคิดร้ายต่อคุณชายได้อย่างไร!
สองคนนี้กระทำการอย่างเปิดเผย เหตุใดคุณหนูถึงมักจะคิดฟุ้งซ่าน!
กู้ซินเยว่ยิ่งคิดยิ่งโมโห ยิ่งโมโหก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคาดเดาได้ไม่ผิด
“ไม่ผิดแน่ นางเห็นว่าสามีของนางไร้ความสามารถ ไม่มีเงินเหมือนญาติผู้พี่ ดังนั้นนางจึงมีใจคิดอยากหาที่ยึดเกาะใหม่ ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนี้แน่ นางต้องคิดอยากยึดเกาะญาติผู้พี่ อยากใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและร่ำรวย ต้องเป็นเช่นนี้แน่! ” กู้ซินเยว่กล่าวด้วยท่าทางดุร้าย “จื่อเยียน เจ้าว่าจริงหรือไม่? นางคิดจะล่อลวงญาติผู้พี่ อยากแต่งเข้าตระกูลซ่ง อยากใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและร่ำรวย ใช่หรือไม่? ”
เดิมทีจื่อเยียนไม่อยากยุ่งเกี่ยว ความรู้สึกเจ็บปวดตรงหลังมือรุนแรงมาก รุนแรงจนนางอยากจัดการบาดแผลให้ดี แต่คุณหนูกำลังถามนาง จื่อเยียนจึงได้แต่คล้อยตาม “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนู นางต้องคิดไม่ซื่อแน่เจ้าค่ะ! ”
กู้ซินเยว่เห็นว่าจื่อเยียนกล่าวเช่นนี้ ก็ยิ้มอย่างเย็นเยียบพร้อมกล่าว “ข้าถึงว่าล่ะ เหตุใดนางถึงตามราวีไม่เลิก ไปที่ไหนก็ต้องพบนาง ที่แท้นางก็ทำเพื่อล่อลวงญาติผู้พี่! นางแพศยา นางคณิกาไร้ยางอาย! ”
ถ้อยคำสกปรกหลุดออกมาจากปากกู้ซินเยว่คำแล้วคำเล่า จื่อเยียนที่อยู่ข้างๆ เห็นเป็นเรื่องปกตินานแล้ว
ตอนยังอยู่ที่เรือนเก่า ฮูหยินก็เป็นเช่นนี้ สบถก่นด่าสตรีที่ดูเย้ายวนแต่ละคนที่อยู่ข้างกายนายท่าน นางแพศยา นางหญิงร่าน นางคณิกาหน้าไม่อาย แต่ละคำล้วนไม่น่าฟัง จื่อเยียนฟังจนรู้สึกคุ้นชินนานแล้ว
คุณหนูเองก็เช่นกัน
คำด่าเหล่านี้ นางฟังตั้งแต่เล็กจนโต นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางด่าเช่นนี้ ก่อนหน้าตอนอยู่ในเรือน นางก็ด่าคนเช่นนี้!
จื่อเยียนจึงเห็นเป็นเรื่องปกติ
กู้ซินเยว่ก่นด่าไม่หยุด สีหน้าดุร้าย ยังมีท่าทางเหมือนบุตรีผู้ดีที่ไหนกัน นางในยามนี้ ดูไม่ต่างอะไรจากหญิงชาวบ้านจอมโวยวายตามท้องตลาด
ซุนไคยุ่นทุ่มเทรักษาอาการป่วยให้ฮูหยินเฒ่า สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป “ฮูหยินเฒ่าถูกพิษ! แต่พิษชนิดนี้คืออะไร ตอนนี้ข้ายังดูไม่ออก ทว่า ขอดูใบสั่งยาก่อนหน้านี้ของฮูหยินเฒ่าได้หรือไม่”
“มีมีมี บ่าวจะไปนำมาเดี๋ยวนี้! ” ท่านป้ากุ้ยรีบไปหยิบใบสั่งยามา
ซุนไคยุ่นดูครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึก “ใบสั่งยาไม่ผิด นี่เป็นยาที่ใช้บำรุงรักษาร่างกาย กินยานี่ ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย! ”
“แต่ฮูหยินเฒ่าไม่ตื่นเจ้าค่ะ! ” ท่านป้ากุ้ยรีบอธิบาย “นอนสักสองวัน ก็ตื่นขึ้น แต่พูดคุยพักหนึ่ง กินข้าวดื่มน้ำเสร็จ ก็นอนหลับต่อ หลับทีหนึ่งก็เป็นเวลาหลายวัน! ” ระหว่างที่ท่านป้ากุ้ยกล่าวอยู่ ก็เหลียวมองฮูหยินเฒ่าที่นอนอยู่บนเตียง ล้มป่วยจนซูบผอมลง นางรู้สึกปวดใจจนหยาดน้ำตาไหลริน
เวลานี้เอง เซี่ยยวี่หลัวก็เอ่ยถามขึ้น “หรือจะส่งผลต่อกันจนเกิดผลเสีย? ”
“ส่งผลต่อกัน? ” ซุนไคยุ่นขมวดคิ้วพลางถามกลับ ก่อนส่ายหน้า “ยาในนี้ไม่มีตัวใดที่จะส่งผลต่อกันจนเกิดผลเสีย หากให้ข้าจ่ายยา ข้าก็จะเขียนใบสั่งยาแบบเดียวกัน”
เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามอีกครั้ง “ท่านป้ากุ้ย เมื่อครู่นี้ท่านบอกว่าฮูหยินเฒ่าดื่มน้ำและกินอาหารเสร็จก็รู้สึกง่วงอีก เช่นนั้นหลังจากนางตื่นแล้วกินอะไรหรือ? ”
ซุนไคยุ่นก็หันมองไปทางท่านป้ากุ้ย รู้สึกสงสัยเช่นกัน
ท่านป้ากุ้ยคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “ท่านหมอที่เคยมาดูอาการป่วยล้วนบอกว่าฮูหยินเฒ่านอนหลับเป็นเวลานาน กระเพาะอ่อนแอ จะกินอาหารที่มันเลี่ยนหรือคาวเกินไปไม่ได้ จะส่งผลเสียต่อกระเพาะ ปกติหลังจากฮูหยินเฒ่าตื่น ห้องครัวก็จะเคี่ยวโจ๊กรังนกหรือโจ๊กไก่ นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่มีอะไรอีก”
“กินเพียงสองอย่างนี้หรือ? ” ซุนไคยุ่นเอ่ยถาม
“เจ้าค่ะ กินเพียงสองอย่างนี้ ในห้องครัวมีคนคอยเคี่ยวให้โดยเฉพาะ เกรงว่าฮูหยินเฒ่าอาจตื่นได้ทุกเมื่อ จะได้มีพร้อมให้ท่านกิน! ”
“แล้วปกติหากฮูหยินเฒ่าไม่ตื่น จะทำอย่างไรกับโจ๊ก? ”
“หากไม่เททิ้ง พวกเราก็จะกินเองเจ้าค่ะ แต่หลังจากพวกเรากิน ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรแม้แต่น้อย! ” ท่านป้ากุ้ยคิดว่าสาเหตุไม่น่าจะมาจากอาหารที่กิน
“ท่านหมอซุน ท่านคิดเห็นเช่นไร? ” เซี่ยยวี่หลัวหันมองซุนไคยุ่นด้วยแววตาเป็นประกาย
ภายในใจซุนไคยุ่นมีความคิดหนึ่งอยู่แล้ว เขาเองก็หันมองเซี่ยยวี่หลัว “คาดว่าฮูหยินเซียวก็คิดออกแล้วกระมัง? ”
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม “เพียงแค่เชื่อในความสามารถด้านการรักษาของท่านหมอซุนก็เท่านั้น”
ทั้งสองคนกล่าวกันคนละประโยค ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วมุ่น ท่านป้ากุ้ยที่อยู่ข้างๆ กลับฟังไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ได้แต่ร้อนใจ
เซี่ยยวี่หลัวและซุนไคยุ่นเพิ่งไป กู้ซินเยว่ก็ไปเยี่ยมทันที
“ท่านป้ากุ้ย ท่านหมอผู้นั้นนว่าอย่างไรบ้าง? ” กู้ซินเยว่เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
“เขาเพียงบอกว่าฮูหยินเฒ่าถูกพิษ เรื่องอื่นๆ เขาเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ! ”
กู้ซินเยว่รู้สึกยินดีอยู่ในใจ ทว่ากลับแสดงสีหน้าเห็นใจออกมา “ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเป็นเพียงพวกหลอกลวงต้มตุ๋น ท่านป้าต้องลำบากแล้ว ล้มป่วยยังต้องถูกหมอเหล่านี้ดูอาการ ตอนนี้ข้าแทบอยากให้คนที่ล้มป่วยเป็นข้าเอง จะได้ทนรับความเจ็บปวดเหล่านี้แทนท่านป้า”
หยาดน้ำตาไหลรินราวกับเม็ดไข่มุกที่ร่วงหล่นจากสร้อยที่สายเอ็นขาดอย่างไรอย่างนั้น
ท่านป้ากุ้ยตบบ่ากู้ซินเยว่เบาๆ “คุณหนู ฮูหยินเฒ่าต้องเห็นถึงความกตัญญูของท่านแน่เจ้าค่ะ! ”
เซี่ยยวี่หลัวให้เก๋อวั่งส่งซุนไคยุ่นกลับตัวอำเภอ ซุนไคยุ่นโบกมือบอกว่าไม่เป็นอะไร “ข้าอยู่ในเมืองโยวหลันระยะหนึ่งก็แล้วกัน ข้าอยากเห็นนักว่าอาการป่วยของฮูหยินเฒ่า จะดีขึ้นทันตาเห็นหรือไม่ เรือนตระกูลใหญ่เหล่านี้ ช่างมีเรื่องสกปรกโสมมเยอะเสียจริง! ”
“ต้องดีขึ้นแน่นอน” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวเบาๆ
วันรุ่งขึ้น เมื่อกู้ซินเยว่ไปดูแลฮูหยินเฒ่า ก็พบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องแล้ว
ฮูหยินเฒ่าหายไป ท่านป้ากุ้ยก็หายไปเช่นกัน เหลือเพียงสาวใช้จำนวนหนึ่งที่คอยทำความสะอาดทั้งด้านในและด้านนอก
“ท่านป้าเล่า? ท่านป้าไปที่ไหนแล้ว? ” กู้ซินเยว่ไม่รู้ว่าฮูหยินเฒ่ากู้หายไป จึงเอ่ยถามสาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดอยู่ภายในห้อง
สาวใช้เหล่านั้นหันมองกันไป มองกันมา เวลานี้เอง สาวใช้ที่อายุค่อนข้างมากก็กล่าวขึ้น “คุณชายเป็นห่วงสุขภาพของฮูหยินเฒ่า เห็นว่าพาฮูหยินเฒ่าไปหาหมอที่เมืองหลวงเจ้าค่ะ”
“ไปหาหมอที่เมืองหลวง? ” กู้ซินเยว่แทบจะกัดฟันทั้งปากจนแหลก “พวกเขาไปหาหมอที่เมืองหลวง เหตุใดถึงไม่บอกข้าสักคำ คิดจะไปก็ไป”
เหล่าสาวใช้ก้มหน้าไม่กล้ากล่าวอะไร กู้ซินเยว่พุ่งพรวดออกไป แต่พวกเขาไปกันนานเพียงใดแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ ยังทันเห็นที่ไหนกัน
สายลมพัดผ่าน โบกพัดจนร่างกายกู้ซินเยว่สั่นเทิ้ม
พวกเขาจะไป กลับไม่บอกนาง เช่นนั้นนางถือเป็นตัวอะไร?