ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 478 เจ้ากล้าวางยาข้า
บทที่ 478 เจ้ากล้าวางยาข้า
“ญาติผู้พี่ ท่านก็เหนื่อยแล้ว กินโจ๊กรังนกแล้วรีบพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ! ” กู้ซินเยว่ยกโจ๊กรังนกเข้ามา ซ่งฉางชิงเพ่งมองนางทีหนึ่ง กู้ซินเยว่รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบ ตกใจสะดุ้ง แต่เมื่อหันมองอีกครั้ง ซ่งฉางชิงก็เริ่มกินแล้ว
กู้ซินเยว่รีบออกไป
เวลานี้จื่อเยียนที่รออยู่ข้างนอก มือกำลังสั่นเทิ้ม “คุณ คุณหนู…”
ในโจ๊กรังนกเมื่อครู่ ไม่ได้มีแค่รังนก ยังมีของอย่างอื่นด้วย
กู้ซินเยว่กลับไปยังห้องของตัวเอง แสงเทียนมืดสลัว สาดส่องใบหน้าดุร้ายน่าสะพรึงของนาง “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของข้าแล้ว! ”
ซ่งฉางชิงตื่นขึ้นมาเพราะความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง ก่อนลืมตาอย่างฉับพลัน นัยน์ตาที่เดิมทีเย็นเยียบ บัดนี้ดูเหี้ยมเกรียมคลุ้มคลั่งราวกับมีเลือดคั่งอยู่ข้างในก็มิปาน
ความผิดปกติเช่นนี้ของร่างกาย เป็นสิ่งที่ซ่งฉางชิงไม่เคยสัมผัสมาก่อน ร่างกายของเขาร้อนรุ่มราวกับถูกย่างอยู่บนเปลวไฟก็มิปาน นอกจากร้อน ยังมีความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ ห้วงความคิดของเขาเริ่มสับสนวุ่นวาย มองอะไรก็เริ่มพร่ามัว
เขารู้สึกร้อนนัก ร้อนรุ่มไปทั้งตัว ซ่งฉางชิงดึงเสื้อออก เผยให้เห็นแผ่นอกแข็งแรง แววตาแดงก่ำดุจสีโลหิตก็มิปาน
“แกร่ก…” ในจังหวะนี้เอง จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดออก เงาร่างบอบบางร่างหนึ่งเข้ามาจากช่องประตูที่เปิดออก เดินตรงมาถึงข้างเตียง
เมื่อซ่งฉางชิงเห็นผู้มาเยือน ก็ฝืนสะกดความร้อนรุ่มในใจไว้ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้าเข้ามาทำไม? ”
กู้ซินเยว่เห็นท่าทางทรมานของญาติผู้พี่ จึงรู้ว่ายาในกายเขาออกฤทธิ์แล้ว รู้สึกยินดีอยู่ในใจ แต่กลับเอ่ยถามด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ “ญาติผู้พี่ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ? เหตุใดใบหน้าของท่านถึงแดงขนาดนี้? ”
นางสัมผัสแขนของซ่งฉางชิง กลิ่นหอมหวนของสตรีและสัมผัสจากมือนาง กระตุ้นจนซ่งฉางชิงร่างกายสั่นเทิ้ม จู่ๆ เขาก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองต้องการอะไร!
“ไป! ” ซ่งฉางชิงดึงผ้านวมมาคลุมไว้แน่น น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยเสียงตะคอกทุ้มต่ำ
กู้ซินเยว่ไม่เข้าใจ รู้สึกเห็นใจยิ่งนัก จึงเข้าไปสัมผัสท่อนแขนของซ่งฉางชิงอีก “ญาติผู้พี่ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ? ร่างกายของท่านร้อนเหลือเกิน ให้ไปเชิญท่านหมอหรือไม่เจ้าคะ? ”
มือเล็กเรียวยาวนั่นเย็นสบาย เมื่อสัมผัสบนท่อนแขนซ่งฉางชิง จึงทำให้รู้สึกเย็น ซ่งฉางชิงชอบความรู้สึกนี้เหลือเกิน ชอบจนแทบอยากแนบติดบนร่างกายของกู้ซินเยว่
เขารู้เรื่องระหว่างชายหญิง เข้าใจทันทีว่าตัวเองถูกวางยาแล้ว
ช่างบังอาจนัก กล้าวางยาเขาในเรือนตระกูลซ่ง
ทั้งยังวางยาแรงเช่นนี้ให้เขา!
“เจ้าเป็นคนวางยา? ” ซ่งฉางชิงเรียกคืนสติกลับมา แววตาเหี้ยมเกรียมเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้อีกครั้ง กู้ซินเยว่ถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ญาติผู้พี่ ท่านพูดอะไรเจ้าคะ? ยาอะไร? ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไร! ”
ซ่งฉางชิงหัวเราะอย่างเย็นเยียบ ไม่เข้าใจหรือ?
เช่นนั้นเหตุใดภายหลังเขาถูกวางยาปลุกอารมณ์ นางถึงกล้าเข้ามาในห้องของเขาอย่างไม่เกรงกลัวเล่า
“เช่นนั้นเจ้าเข้ามาในห้องของข้าทำไม? หรือเจ้าคำนวณไว้แล้วว่าข้าจะถูกวางยาแรงเช่นนี้? ” ซ่งฉางชิงมองความคิดของกู้ซินเยว่ออกทันที เขากัดฟันกรอด พยายามฝืนสะกดความวู่วามในจิตใจ ยามนี้แค้นจนแทบอยากตบกู้ซินเยว่ให้สิ้นชีพในคราเดียว
สตรีที่สมควรตายผู้นี้ กล้าวางยาปลุกอารมณ์ใส่เขา!
กู้ซินเยว่ท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ ถูกพูดดักทางจนกล่าวอะไรไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
นางคิดไม่ถึง ว่าญาติผู้พี่ที่ถูกวางยาปลุกอารมณ์ จะยังมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ได้ว่าใครเป็นคนวางยาเขา ได้ยินมาว่าขอเพียงถูกวางยาปลุกอารมณ์ คนผู้นั้นก็จะคลุ้มคลั่ง คิดเพียงแต่จะถอนพิษไม่ใช่หรือ?
บัดนี้ญาติผู้พี่ทำสีหน้ารังเกียจ เขามองนางออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว!
กู้ซินเยว่รู้สึกตื่นตระหนก คิดอยากเดินเข้าไปหาเพื่ออธิบาย “ญาติผู้พี่…”
ซ่งฉางชิงกลัวว่าสตรีที่สมควรตายผู้นี้จะมาสัมผัสตัวเองอีก เขาจึงยกเท้าขึ้น เตะกู้ซินเยว่ออกไปทันที นางชนเข้าใส่กำแพง ร่วงหล่นลงบนพื้น จนเกิดเสียงดัง “ตึง” กู้ซินเยว่เจ็บจนแสยะปาก คิดอยากส่งเสียงร่ำไห้ แต่ก็ไม่กล้า นางไม่กล้าร้อง ด้วยเกรงจะถูกคนพบว่านางมาอยู่ในห้องของซ่งฉางชิงได้อย่างไร
ส่วนซ่งฉางชิง หลังจากเตะนางจนออกห่าง ก็ออกประตูไปทันที สติของเขาเริ่มสับสนวุ่นวาย ความปรารถนาในใจโหมกระพือ คิดอยากได้มากยิ่งขึ้น
เขาหยิบของบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ เพียงได้ยินเสียงดอกไม้ไฟระเบิดกลางอากาศ
กู้ซินเยว่รู้สึกปวดไปทั้งตัว ขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่น้อย ก็เห็นซ่งฝูพาคนพุ่งพรวดเข้ามา
ซุนไคยุ่นลองจับชีพจร สีหน้าพลันเปลี่ยนไป “คุณชายถูกวางยาปลุกอารมณ์! ”
“ยาปลุกอารมณ์? ” จู่ๆ น้ำเสียงของซ่งฝูก็แหลมขึ้นทันที “คุณชายจะถูกวางยาปลุกอารมณ์ได้อย่างไร? ใครเป็นคนวางยา? ”
ซุนไคยุ่นกลอกตาใส่ซ่งฝูทีหนึ่ง “ในเรือนตระกูลซ่งของเจ้ามีสตรีกี่คนเจ้าจะไม่รู้เชียวหรือ เจ้ามาถามข้า แล้วข้าจะไปถามใคร! ”
กู้ซินเยว่ที่อยู่ตรงมุมห้องไม่กล้ากล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว แต่นางไม่กล่าวอะไร ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการที่ทุกคนจะหานางจนพบ “คุณหนู…”
เหตุใดคุณหนูถึงอยู่ในห้องของคุณชาย?
มองดูกู้ซินเยว่ในยามนี้ ไม่ได้สวมใส่เสื้อตัวนอก บนกายมีเพียงชุดซับในตัวบาง เห็นเรือนร่างตรงอกเลือนราง
ยามนี้เสื้อผ้าของนางดูไม่เรียบร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ถูกเตะจนนอนอยู่บนพื้นไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ซ่งฝูจึงเข้าใจในทันที “ที่แท้ท่านเป็นคนวางยาคุณชาย! ”
กู้ซินเยว่ยังคิดจะกล่าวอะไรอีก ก็ถูกคนที่ซ่งฝูพามาด้วยคุมตัวไปแล้ว “เฝ้าคนผู้นี้ไว้ให้ดี! ”
เรื่องเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือทำให้คุณชายมีสติแจ่มชัด
ซ่งฝูและซุนไคยุ่นคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ ตลอดคืน จวบจนอุณหภูมิร่างกายของคุณชายกลับคืนสู่สภาวะปกติ ซ่งฝูจึงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ซ่งฉางชิงลืมตาขึ้น เห็นซ่งฝูอยู่ข้างๆ ในที่สุดจิตใจที่วิตกกังวลก็ผ่อนคลายลง
“คุณชาย! ” ซ่งฝูรีบเดินขึ้นหน้าไปรินน้ำเย็นมาหนึ่งถ้วย
ซ่งฉางชิงดื่มรวดเดียวจนหมด
น้ำที่เย็นเล็กน้อยช่วยให้เขามีสติแจ่มชัดขึ้น “เมื่อคืน ข้าทำอะไรอีกหรือไม่? ”
“คุณชาย ข้าน้อยเป็นคนคอยดูแลอยู่ข้างกายท่านตลอด ไม่เคยออกห่างแม้แต่ก้าวเดียวขอรับ! ”
ซ่งฉางชิงได้ฟังดังนั้นจึงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก นวดคลึงหว่างคิ้วที่รู้สึกปวด
ซ่งฝูที่อยู่ข้างๆ โกรธแค้นจนกัดฟันกรอด “คุณชาย คุณหนูเป็นคนวางยาท่านกระมัง? ตอนนี้ข้าแทบอยากสังหารนางให้ตายในดาบเดียวเสีย! ” นางคิดจะรนหาที่ตายหรืออย่างไร?
ซ่งฉางชิงหวนนึกถึงกู้ซินเยว่
ดูท่า เรื่องที่มีคนวางยาฮูหยินเฒ่า คงต้องถามสตรีผู้นี้ดู วางยาได้อย่างช่ำชองถึงเพียงนี้!
เมื่อพบซ่งฉางชิงอีกครั้ง สีหน้าของกู้ซินเยว่ยังคงดูอ่อนแอและน่าสงสารเหมือนเช่นเคย
ราวกับว่าบนใบหน้าของนาง มีเพียงสีหน้าน่าสงสารและอ่อนแอเท่านั้น
ซ่งฉางชิงไม่ยินยอมจะมองนางด้วยซ้ำ เพียงเอ่ยถามกู้ซินเยว่ “เรื่องวางยาเมื่อคืน เจ้าลองอธิบายมา! ”
กู้ซินเยว่ตะคอกเสียงดัง “เรื่องวางยาอะไรกัน ญาติผู้พี่ ท่านพูดอะไรข้าฟังไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ! ”
“เช่นนั้นเมื่อคืนเหตุใดเจ้าถึงบุกเข้ามาในห้องของข้าทั้งที่แต่งกายไม่เรียบร้อย? ” ซ่งฉางชิงฝืนสะกดอารมณ์เดือดดาลที่อยากถลกหนังเลาะเอ็นของคนผู้นี้ เขากำลังทนกล่าววาจาไม่กี่ประโยคสุดท้ายกับนาง
ทางที่ดีก็พูดความจริงมา อย่าท้าทายความอดทนของเขา
เมื่อคืนกู้ซินเยว่ถูกเตะอย่างแรง ตอนนี้รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว
บวกกับเมื่อคืนนางถูกขังไว้ในห้องเก็บฟืนทั้งคืน สภาพแวดล้อมสกปรกเช่นนั้น กู้ซินเยว่จะนอนหลับได้อย่างไร
นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วตัว เจ็บจนแสยะปาก แต่นางยังคงกัดฟันไว้ ต่อให้ตายก็ไม่มีทางยอมรับเรื่องที่นางเคยทำ
“ญาติผู้พี่ ท่านพูดอะไรเจ้าคะ? ข้าฟังไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร! ” กู้ซินเยว่กอดร่างกายตัวเองไว้ แสดงสีหน้าน่าสงสาร “ญาติผู้พี่ ข้ารู้สึกเจ็บมากเจ้าค่ะ สถานที่อย่างห้องเก็บฟืน ทั้งสกปรกทั้งทรุดโทรม และยังมีหนูด้วย เมื่อคืนข้าไม่ได้นอนตลอดคืน ญาติผู้พี่ ตอนนี้ข้ารู้สึกทรมานนัก…”
นางคุ้นชินกับการเสแสร้งทำตัวอ่อนแอ แต่เขาไม่ชอบ!
ซ่งฉางชิงเพ่งมองนางอย่างเย็นเยียบ
เขานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ด้านบน กู้ซินเยว่คุกเข่าอยู่กลางห้องโถง เขาอยู่ในตำแหน่งสูงกว่า เพ่งมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ
ราวกับกำลังจ้องมองนักโทษคนหนึ่งก็มิปาน
กู้ซินเยว่คุกเข่าอยู่บนพื้น หันมองซ่งฉางชิงที่อยู่ด้านบน รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก