ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 479 เป็นการกระทำของจื่อเยียนเพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับข้า
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 479 เป็นการกระทำของจื่อเยียนเพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับข้า
บทที่ 479 เป็นการกระทำของจื่อเยียนเพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับข้า
เมื่อญาติผู้พี่มองนาง ไม่ใช่แค่ในแววตาไม่มีไออุ่นแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ในแววตาของเขา นางเห็นประกายความเกลียดชัง เดือดดาล และรังเกียจ
“เช่นนั้นเจ้าอธิบายมาก่อน ว่าเหตุใดถึงเข้ามาในห้องของข้า? ” ซ่งฉางชิงกล่าวอย่างเย็นเยียบ
กู้ซินเยว่ “ญาติผู้พี่…”
“อธิบาย! ” จู่ๆ ซ่งฉางชิงก็ขว้างปาถ้วยชาที่อยู่ข้างมือออกไปราวคนเสียสติก็มิปาน ถ้วยชาแตกตรงหน้ากู้ซินเยว่ น้ำชาที่ร้อนจนเดือดสาดกระเซ็น ตกกระทบบนเสื้อตัวบางและผิวหนังของกู้ซินเยว่ ทั้งยังมีเศษถ้วยชาอันแหลมคม ที่กระเด็นไปกรีดผิวอ่อนนุ่มของนางจนเกิดบาดแผล
กู้ซินเยว่เห็นโลหิตที่ซึมออกจากหลังมืออย่างรวดเร็ว รู้สึกหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าอะไร “ญาติผู้พี่ ญาติผู้พี่ ข้าเลือดไหล ญาติผู้พี่…”
ซ่งฉางชิงไม่มองท่าทางน่าสงสารของนางด้วยซ้ำ สตรีผู้นี้ ช่างกล้าบังอาจนัก
“เจ้ากล้าวางยาในอาหารของข้า ลองพูดมา ยาพิษของฮูหยินเฒ่าก็เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่? ” ซ่งฉางชิงเพียงอยากรู้ความจริง
“ยาพิษอะไร? ข้าไม่รู้! ” ตีให้ตายกู้ซินเยว่ก็ไม่ยอมพูด
ซ่งฉางชิงเองก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรกับนาง เพียงโบกมือทีหนึ่ง ไม่นานก็มีคนพาตัวจื่อเยียนเข้ามา “ยาชนิดแรกคือยากล่อมประสาท อีกชนิดหนึ่งคือยาปลุกอารมณ์ ยาทั้งสองชนิดนี้ เจ้าฟังคำสั่งจากคุณหนูของเจ้า จึงไปซื้อมากระมัง? ”
จื่อเยียน “ยาอะไร? ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ! ”
ซ่งฉางชิงหันมองกู้ซินเยว่ กล่าวประโยคสุดท้าย “กู้ซินเยว่ ข้าหวังว่าเจ้าจะพูดความจริง ข้าไม่อยากรอให้ถึงเวลาที่ข้าหาหลักฐานได้เอง กับเจ้า ข้าไม่มีทางยั้งมือแน่! ”
“ญาติผู้พี่ ข้าไม่ได้วางยา ข้าไม่รู้อะไรเลยเจ้าค่ะ! ”
“พาตัวเข้ามา”
ผ่านไปเพียงครู่เดียว ก็มีลูกจ้างคนหนึ่งถูกพาเข้ามา
เมื่อจื่อเยียนเห็นเขา ก็รู้สึกราวกับหัวใจหล่นวูบ คิดจะรีบก้มหน้าลง แต่คิดไม่ถึงว่าลูกจ้างคนนั้นจะเห็นนางเข้าแล้ว เขาชี้ไปที่จื่อเยียนพร้อมตะโกนออกมา “ท่านซ่ง สตรีผู้นี้เป็นคนไปซื้อยาที่ข้าขอรับ ชนิดแรกเป็นยากล่อมประสาท ยังมียาปลุกอารมณ์ในช่วงไม่กี่วันนี้ด้วยขอรับ”
จื่อเยียนดิ้นรน “ข้าไม่รู้จักเจ้า เจ้าอย่าใส่ความข้า ข้าเคยซื้อยาจากเจ้าเมื่อใดกัน? ”
ลูกจ้างผู้นั้นหัวเราะ “เจ้าซื้อยาแล้วไม่ยอมรับหรือ? เจ้าอย่าได้ลืม ตอนที่เจ้าซื้อยาไปจากข้า เจ้าให้สิ่งใดกับข้าไว้! ”
สีหน้าของจื่อเยียนขาวซีดขึ้นโดยพลัน
ตอนนั้นเพื่อซื้อใจลูกจ้างผู้นี้ ไม่ให้เขาแพร่งพรายความลับ จื่อเยียนจึงมอบปิ่นปักผมให้เขาอันหนึ่ง
ลูกจ้างหยิบปิ่นปักผมออกมาจากอกเสื้อ ก่อนกล่าว “บนปิ่นปักผมนี่มีตัวอักษรเยียน หากไม่ใช่ของเจ้ายังจะเป็นของใครอีก? ”
ถูกต้อง ตอนนั้นนางออกไปด้วยความรีบร้อน ไม่ได้พกเงินมากเท่าไรนัก จึงมอบปิ่นปักผมของตัวเองให้ลูกจ้างผู้นั้น นั่นเป็นเพียงปิ่นปักผมที่ดูธรรมดาไม่สะดุดตา
แต่เหตุใดนางถึงจำไม่ได้เลยว่าบนนั้นมีตัวอักษรด้วย?
“เจ้าโกหก บนปิ่นปักผมนั่นจะมีตัวอักษรได้อย่างไร? ไม่มีตัวอักษรอะไรเลยไม่ใช่หรือ? ”
ลูกจ้างไม่กล่าวอะไร เพียงหันมองไปทางซ่งฉางชิง
จื่อเยียนล้มก้นกระแทกพื้น รู้ว่าตัวเองตกหลุมพรางเสียแล้ว นางบอกกล่าวความจริงออกมาเอง
จู่ๆ กู้ซินเยว่ก็ตบหน้าจื่อเยียนดัง “เพี๊ยะ” ก่อนกล่าว “เจ้ากล้าทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ ใครให้เจ้าซื้อยา? เจ้าคิดจะทำร้ายข้าหรืออย่างไร? ”
จื่อเยียนมองกู้ซินเยว่ด้วยอาการตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณหนูจะผลักความผิดทั้งหมดมาให้ตนเอง “คุณหนู! ”
“เจ้าอย่าเรียกข้าว่าคุณหนู ข้าไม่มีบ่าวรับใช้อย่างเจ้า กล้าบังอาจวางแผนคิดร้ายต่อญาติผู้พี่และท่านป้า เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงทำเช่นนี้! ” เห็นได้ชัดว่ากู้ซินเยว่คิดจะผลักความผิดทั้งหมดให้จื่อเยียน
จื่อเยียนนั่งกองอยู่บนพื้น นางรู้ว่าคราวนี้ตัวเองไม่มีทางรอดพ้นแน่
“ข้าเป็นคนวางยาเจ้าค่ะ! ” จื่อเยียนทำคอตก ในที่สุดก็เริ่มพูด “หากฮูหยินเฒ่าล้มป่วย คุณชายก็จะกลับมา ข้าได้แต่ทำให้ฮูหยินเฒ่าล้มป่วย เช่นนี้ คุณหนูจะได้พบคุณชายทุกวันเจ้าค่ะ! ส่วนที่วางยาคุณชาย นั่นเป็นเพราะข้าเห็นว่าคุณหนูชอบท่านมากถึงเพียงนั้น แต่นางกลับทนทุกข์ทรมาน ข้าไม่อาจทนเห็นคุณหนูทุกข์ใจ จึงได้แต่วางยาท่าน คิดหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุกเจ้าค่ะ! ”
“นางบ่าวสารเลว กล้าวางแผนคิดร้ายต่อท่านป้าและญาติผู้พี่…” กู้ซินเยว่ใช้ฝ่ามือตบไปบนใบหน้าจื่อเยียน ผ่านไปเพียงครู่เดียว ใบหน้าทั้งสองด้านของจื่อเยียนก็ปูดบวมขึ้น
จื่อเยียนไม่กล่าวอะไร ปล่อยให้กู้ซินเยว่ทำร้ายตามอำเภอใจราวกับเป็นตุ๊กตาผ้าเก่าขาดก็มิปาน
“นางบ่าวสารเลว บ่าวสารเลว ท่านป้าดีต่อข้าถึงเพียงนั้น เจ้าทำได้อย่างไร เจ้าทำลงไปได้อย่างไร! ” ฝ่ามือของกู้ซินเยว่ตบใส่จื่อเยียนครั้งแล้วครั้งเล่า จื่อเยียนไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย แบกรับความผิดทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว
ซ่งฉางชิงหัวเราะอย่างเย็นเยียบ
“จื่อเยียน เจ้าพูดความจริง ยาที่เจ้าใช้วางยาฮูหยินเฒ่าและข้า ใครเป็นคนให้เจ้าไปซื้อกันแน่? ” ซ่งฉางชิงเอ่ยถาม
จื่อเยียนเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน ก่อนหันมองกู้ซินเยว่ เมื่อเห็นแววตาคุณหนูฉายประกายตักเตือน จื่อเยียนจึงได้แต่ก้มหน้าลงอีกครั้ง กล่าวพึมพำเสียงเบา “บ่าวไปซื้อเองเจ้าค่ะ! ”
“คุณหนูของเจ้าไม่รู้เรื่องด้วยหรือ? ”
“ไม่ ไม่…” จื่อเยียนส่ายหน้าราวกับคนเสียสติ “คุณหนูของข้าไม่รู้เรื่องนี้ ข้าเป็นคนวางแผนคนเดียวเจ้าค่ะ”
“ยากล่อมประสาทซื้อครั้งหนึ่งห้าตำลึง พวกเจ้าซื้อติดต่อกันสี่ถึงห้าครั้ง ทั้งยังมียาปลุกอารมณ์ นี่เป็นยาแรง เดิมทีก็มีราคาแพงอยู่แล้ว ห่อหนึ่งเจ็ดถึงแปดตำลึง พวกเจ้าซื้อถึงสามห่อในคราเดียว เงินยี่สิบกว่าตำลึง เจ้าที่เป็นบ่าวรับใช้ จะมีเงินซื้อหรือ? ” ซ่งฉางชิงเปิดดูสมุดบัญชี บนนั้นมีบันทึกการซื้อของของจื่อเยียนด้วย “เงินหลายสิบตำลึง เจ้าที่เป็นบ่าวรับใช้ เงินค่าแรงหนึ่งเดือนได้แค่หนึ่งตำลึง เจ้าเอาเงินมากมายถึงเพียงนี้มาจากที่ไหน ถึงสามารถซื้อยามากมายถึงเพียงนี้ในคราเดียวได้? ”
“ข้าซื้อเองจริงๆ เจ้าค่ะ นั่นเป็นเงินที่ข้าเก็บสะสมไว้! ” จื่อเยียนอธิบาย แต่ซ่งฉางชิงมีหรือจะฟังคำอธิบายเช่นนี้ของนาง
“อาหารที่เจ้ากินและข้าวของที่เจ้าใช้ล้วนเป็นของตระกูลซ่ง เจ้าใช้เงินของตระกูลซ่ง ทำสิ่งที่ผิดต่อตระกูลซ่ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าตามกฎหมายของต้าเยว่ คนเนรคุณเช่นนี้จะได้รับบทลงโทษเช่นไร? ” จู่ๆ แววตาของซ่งฉางชิงก็ฉายประกายเหี้ยมกรียม “ห้าม้าแยกร่าง ทิ้งศพในสถานที่กันดาร ให้หมาป่าและหมาไนกัดกินเป็นอาหาร ตายไม่ครบส่วน…”
“หยุดพูดเถิด หยุดพูดเถิด! ” จื่อเยียนใช้มือปิดหูไว้ ไม่อยากฟังต่อไป นางเป็นเพียงสตรีอายุสิบหกถึงสิบเจ็ดปีเท่านั้น เมื่อได้ยินบทลงโทษที่ทารุณเช่นนี้ ย่อมต้องรู้สึกหวาดผวา “คุณหนู ขอร้องท่านช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากถูกห้าม้าแยกร่าง ขอร้องท่าน ช่วยข้าอ้อนวอนด้วยเจ้าค่ะ! ”
กู้ซินเยว่ยืนมือกอดอก สีหน้าดุร้าย “เจ้ากระทำความผิดเอง ก็ต้องรับบทลงโทษ! ”
คุณหนูคิดจะโยนความผิดทั้งหมดมาให้นางแบกรับไว้