ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 481 ไม่ว่าใครก็ชอบสิ่งที่ดีที่สุด
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 481 ไม่ว่าใครก็ชอบสิ่งที่ดีที่สุด
บทที่ 481 ไม่ว่าใครก็ชอบสิ่งที่ดีที่สุด
กู้ซินเยว่หยุดหายใจไปชั่วขณะ ญาติผู้พี่ที่มีรูปลักษณ์หล่อเหลาถึงเพียงนี้ กลับเอื้อนเอ่ยสามคำนั้นออกมาจากปากของเขา ช่างโหดร้ายยิ่งนัก!
คนที่นั่งอยู่ด้านบนมีบุคลิกที่งามสง่า แต่เขากลับบอกว่า หากเขาแตะต้องนาง เขาจะสังหารนางเสีย นางสกปรกโสมมถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
“เพราะเหตุใดกัน? เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมแต่งกับข้า? ”
ซ่งฉางชิงลุกขึ้นยืน มองกู้ซินเยว่จากตำแหน่งที่สูงกว่า พร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “เพราะเจ้าไม่คู่ควร”
“ซ่งฉางชิง! ” กู้ซินเยว่แผดเสียงตะคอกราวคนเสียสติ หมายจะพุ่งเข้าไปจับซ่งฉางชิงไว้ แต่ซ่งฉางชิงถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว กู้ซินเยว่พุ่งแรงเกินไป จึงถลาไปล้มลงบนพื้น กลับจับไม่ได้แม้แต่ชายเสื้อของซ่งฉางชิง “เหตุใดเจ้าถึงไม่ชอบข้า? ทั้งที่ข้าชอบเจ้าถึงเพียงนั้น! ”
ซ่งฉางชิงไม่กล่าวอะไร
จู่ๆ กู้ซินเยว่ก็ตะคอกเสียงดัง “ในใจเจ้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว? ใช่หรือไม่? ”
“ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า เก็บข้าวของของเจ้า แล้วรีบออกจากเรือนตระกูลซ่งเสีย ชั่วชีวิตนี้อย่าให้ข้าพบเห็นเจ้าอีก” ซ่งฉางชิงโบกมือ ให้คนโยนกู้ซินเยว่ออกไป
ถึงแม้เขาจะเกลียดชังนาง แต่เห็นแก่ที่นางเป็นญาติผู้น้องของเขา เขาจึงไม่คิดจะคุมตัวนางไปส่งให้ทางการ
“ในใจเจ้ามีคนที่ชอบแล้ว? ใช่หรือไม่? ” กู้ซินเยว่ทำราวกับไม่ได้ยินวาจาของซ่งฉางชิงอย่างไรอย่างนั้น เพียงเอ่ยถามอีกครั้ง
ซ่งฉางชิงไม่สนใจนาง สาวเท้าก้าวเดินออกไปข้างนอก
กู้ซินเยว่ตะโกนเสียงดัง “ซ่งฉางชิง คนที่เจ้าชอบคือเซี่ยยวี่หลัว ใช่หรือไม่? ”
ซ่งฉางชิงก้าวเดินออกนอกประตู สาวเท้าก้าวใหญ่เดินจากไป
ร่างกายเหยียดตรง ชุดสีฟ้าครามโบกพลิ้วตามสายลม ก่อให้เกิดเสียงผ้าพลิ้วไหว ทำราวกับไม่ได้ยินวาจาของกู้ซินเยว่ ทั้งยังไม่สนใจแม้แต่น้อย
กู้ซินเยว่ผงะไป
เมื่อครู่นี้ญาติผู้พี่ไม่สนใจฟังวาจาของนาง ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
หรือว่านางจะคิดมากไปเองจริง?
ซ่งฉางชิงรู้ว่าด้านหลังยังมีดวงตาคู่หนึ่งคอยจ้องมองตนเอง เขาเดินออกจากเรือนตระกูลซ่งด้วยฝีก้าวมั่นคง เพียงแต่ หลังจากเดินออกจากประตูใหญ่ ขณะก้าวเดินลงขั้นบันได ฝีเท้าไม่มั่นคง จึงสะดุดเซเล็กน้อย
เรื่องที่เขาชอบนาง เห็นได้ชัดถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
ไม่ถูก ไม่ถูก กู้ซินเยว่กำลังหลอกถามเขา เขาไม่เคยแสดงความผิดปกติให้ผู้ใดเห็นมาก่อน
แม้แต่ครั้งก่อนตอนสั่งทำเสื้อที่ฮวาหม่านยี
เขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นตัวเองเป็นอะไรไป จึงตอบตกลงทำเสื้อสีน้ำเงินเข้มตามคำเสนอแนะของนาง ตอนนั้นเขารู้สึกยินดีเสียยิ่งกว่าอะไร คิดแค่ว่าขอเพียงเป็นสิ่งที่นางกล่าว เช่นนั้นย่อมต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เขาชอบทั้งหมด กลับลืมสีหน้าของฮวาเหนียงในตอนนั้นไป สีหน้านั่น…
ตอนนี้หวนคิดดู ซ่งฉางชิงยังรู้สึกหวั่นวิตกอยู่ในใจ!
ในภายหลัง เขาจงใจรอระยะหนึ่ง รอให้ถึงเวลาที่เสื้อตัวนั้นถูกตัดเย็บแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนสีได้อีก เขาจึงให้ซ่งฝูไปเปลี่ยนสี
ทว่า ทำก็ทำไปแล้ว เขาเพียงอยากแสดงท่าทีให้ฮวาเหนียงได้รู้ก็เท่านั้น
เขาระมัดระวังถึงเพียงนี้ แล้วผู้อื่นจะรู้ความในใจของเขาได้อย่างไร!
ซ่งฝูเฝ้าจับตาดูกู้ซินเยว่เก็บข้าวของ ก่อนจะส่งนางออกจากเมืองโยวหลัน
ส่วนนางที่เป็นสตรีจะไปแห่งหนใด ซ่งฝูไม่คิดจะสนใจ
เขาแค้นจนแทบอยากส่งคนผู้นี้ไปให้ทางการเสีย กล้าบังอาจวางยาฮูหยินเฒ่าและคุณชาย ทว่าเขาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่หมาป่า มิเช่นนั้น ตอนนี้เขาแทบอยากกัดคนไร้ยางอายผู้นี้ให้ตายเสีย!
“ใต้หล้านี้ เหตุใดถึงมีคนที่มีจิตใจสกปรกโสมมอย่างเจ้าด้วย” ซ่งฝูนั่งบนรถม้า มองกู้ซินเยว่จากตำแหน่งที่สูงกว่าด้วยแววตาฉายประกายรังเกียจ
กู้ซินเยว่เนื้อตัวมอมแมม ท่าทางมีมารยาทใจกว้างที่ผ่านมา บัดนี้กลับกลายเป็นสภาพราวกับขอทานก็มิปาน
“คุณชายเห็นแก่ความเป็นญาติ จึงไม่คิดจะทำอะไรเจ้า ตอนนี้เจ้าไสหัวออกจากเมืองโยวหลันเสีย นับแต่นี้เป็นต้นไป อย่าให้ข้าได้พบเห็นเจ้าอีก คุณชายไม่ตีเจ้า แต่ข้าจะทำ หากเจ้ามาให้ข้าเห็นอีก ข้าพบเจ้าหนึ่งครั้ง ก็จะตีเจ้าหนึ่งครั้ง! ” ซ่งฝูกล่าวอย่างดุดันก่อนจากไป
กู้ซินเยว่ถือห่อสัมภาระ ภายในนั้นคือเงินเก็บสะสมทั้งหมดของนางระหว่างที่มาอาศัยในเรือนตระกูลซ่ง นางนำติดตัวไปด้วยทั้งหมด
นางจ้องเขม็งไปทางที่รถม้าเคลื่อนจากไป แววตาแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายและน่าสะพรึง
ซ่งฉางชิง สิ่งที่เจ้าติดค้างข้า ข้ากู้ซินเยว่ขอสาบาน ว่าต่อไปต้องเอาคืนเป็นเท่าทวี
ภายในโรงผลิต ฮูหยินเฒ่าตื่นแต่เช้า ช่วงหลายวันนี้ได้ซุนไคยุ่นและท่านป้ากุ้ยคอยดูแลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ร่างกายของนางฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ยากล่อมประสาทก็หาใช่ยาพิษ เพียงทำให้นอนหลับไม่ได้สติ พักผ่อนไม่กี่วัน ร่างกายของฮูหยินเฒ่ากู้ก็ฟื้นคืนสู่สภาวะปกติแล้ว
เพียงแต่…
ฮูหยินเฒ่ากู้เอ่ยถามขึ้น “เหตุใดถึงไม่เห็นซินเยว่นานเพียงนี้? เหตุใดระยะนี้เด็กคนนั้นถึงไม่มาเยี่ยมข้า? ”
เรื่องของกู้ซินเยว่ ซ่งฝูบอกเล่าให้ท่านป้ากุ้ยนานแล้ว เพียงแต่ปิดบังฮูหยินเฒ่ากู้ไว้ก็เท่านั้น
บัดนี้เห็นว่าร่างกายของฮูหยินเฒ่าดีขึ้นมาก ท่านป้ากุ้ยจึงกล่าว “ฮูหยินเฒ่า บ่าวมีเรื่องหนึ่ง เก็บไว้ในใจนานแล้ว วันนี้จะเล่าให้ท่านฟังเจ้าค่ะ! ”
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับซินเยว่หรือ? ” ฮูหยินเฒ่าเอ่ยถาม
ท่านป้ากุ้ยพยักหน้า “ฮูหยินเฒ่า…”
“เจ้าเล่าเถอะ ข้ารับได้ทั้งหมด! ” ฮูหยินเฒ่ากู้กล่าวอย่างเรียบสงบ
ท่านป้ากุ้ยบอกเล่าเรื่องที่ซ่งฝูเล่าให้นางฟัง ฮูหยินเฒ่ากู้นั่งตัวตรงตลอด ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดเป็นพิเศษ
ในที่สุดก็เล่าจบแล้ว ท่านป้ากุ้ยรู้สึกเห็นใจยิ่งนัก “ฮูหยินเฒ่า หากท่านรู้สึกเสียใจ ท่านก็พูดออกมาเจ้าค่ะ บ่าวจะคอยฟังอยู่ข้างๆ เจ้าค่ะ! ”
“ข้าไม่เสียใจ” ฮูหยินเฒ่ากู้ทอดถอนใจ “เดิมทีข้าคิดว่า เด็กคนนี้นิสัยใจคอไม่เลว กลับคิดไม่ถึง ว่าบิดามารดาของนางจะเลี้ยงดูนางจนมีสภาพเช่นนี้”
เด็กที่เติบโตในครอบครัวที่ดี มีหรือจะแอบฟังคนอื่นคุยกัน มีหรือจะรังเกียจที่คนอื่นไม่มีบ่าวรับใช้!
“ฮูหยินเฒ่า…” ท่านป้ากุ้ย “เช่นนั้นเหตุใดท่านยังจะให้คุณชายแต่งกับนางเจ้าคะ? ”
ฮูหยินเฒ่ากู้เพียงหัวเราะ ไม่ได้กล่าวอะไร
เพียงแต่ หันมองไปทางกิ่งไม้แห้งที่เสียบอยู่ในโอ่งกระเบื้องผุเก่าภายในลาน ถึงแม้จะมีสภาพเช่นนั้น กลับยังคงชี้ขึ้นบน เผยความงามที่เข้มแข็งไม่ย่อท้อของมันให้ผู้คนทั่วหล้าได้เห็น
ช่างงดงามอย่างแท้จริง!
“เจ้าดูกิ่งไม้แห้งนั่น งดงามหรือไม่? ” ฮูหยินเฒ่ากู้ไม่ตอบคำถามของท่านป้ากุ้ย กลับชี้ไปทางโอ่งผุเก่าตรงมุมกำแพง
“งดงาม งดงามอย่างสง่าเป็นพิเศษเจ้าค่ะ”
“แต่หากใต้หล้านี้ยังมีสิ่งที่งดงามกว่านี้เล่า? เจ้าจะชอบหรือไม่? ต้นไม้สีเขียวขจีที่เจริญงอกงาม ดอกไม้สีสันสดใสที่ประชันความงามกัน เจ้ายังจะคิดว่าสิ่งนี้งดงามหรือไม่? ” ฮูหยินเฒ่ายิ้มพร้อมเอ่ยถาม
ท่านป้ากุ้ยไม่เข้าใจความนัยที่ฮูหยินเฒ่าต้องการจะสื่อ คิดครู่หนึ่งก่อนกล่าว “เช่นนั้น สิ่งที่ยังมีชีวิตจะดูงามกว่าเจ้าค่ะ! ”
“ใช่แล้ว ไม่ว่าใครก็จะเลือกเช่นนี้ เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าเป็นเช่นนี้ ผู้อื่นก็เช่นกัน! ” ฮูหยินเฒ่ากู้กล่าวจบ จึงหลับตาลง เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเหนื่อยแล้ว
ท่านป้ากุ้ยที่อยู่ข้างๆ ครุ่นคิดอยู่นาน ก็ยังไม่เข้าใจว่าวาจาของฮูหยินเฒ่าหมายความว่าอย่างไร
ชอบสิ่งที่งดงามกว่า ชอบสิ่งที่ดีกว่า นั่นเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์นี่นา!
จู่ๆ มือของฮูหยินเฒ่ากู้ที่วางไว้ตรงอกก็บีบกันแน่น
ฉางชิง ก็จะเลือกเช่นนี้!
นางหวนคิดถึงคืนวันนั้น ฉางชิงยืนอยู่หน้าประตูฮวาหม่านยีด้วยท่าทางหดหู่ เฝ้ามองสองคนที่เดินห่างออกไปด้วยท่าทางเหม่อลอย แววตาเต็มไปด้วยประกายอิจฉาและริษยา
ในเสี้ยววินาทีนั้น นางก็เข้าใจทุกสิ่งแล้ว