ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 482 น่าเสียดายที่ไม่ได้พบตอนยังไม่ออกเรือน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 482 น่าเสียดายที่ไม่ได้พบตอนยังไม่ออกเรือน
บทที่ 482 น่าเสียดายที่ไม่ได้พบตอนยังไม่ออกเรือน
หลังจากกู้ซินเยว่ถูกขับไล่ไป วันที่สองซ่งฉางชิงจึงไปรับฮูหยินเฒ่ากู้กลับเรือนตระกูลซ่งด้วยตัวเอง
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวรู้ข่าวคราว ก็รีบมาในวันนี้เช่นกัน เพื่อช่วยเก็บข้าวของ
ท่านป้ากุ้ยเห็นนางคล่องแคล่วว่องไว คิดได้ทุกเรื่อง ทำงานเป็นทุกอย่าง ก็รู้สึกเห็นใจยิ่งนัก “ฮูหยินเซียว งานหยาบพวกนี้ให้ข้าทำเถิด ท่านพักอยู่ข้างๆ ก็พอ! ”
“ไม่เป็นอะไร ข้าทำงานเหล่านี้ที่บ้านเป็นประจำ! ” เซี่ยยวี่หลัวเงยหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อบนหน้าผาก กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ช่างงดงามเหลือเกิน!
เหตุใดถึงมีคนที่ยิ้มได้งดงามถึงเพียงนี้!
ท่านป้ากุ้ยมองด้วยอาการนิ่งอึ้งอย่างอดไม่ได้
ฮูหยินเซียวผู้นี้มีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอด เห็นรอยยิ้มแล้วรู้สึกราวกับได้อาบกายในสายลมฤดูใบไม้ผลิ ทำให้รู้สึกอารมณ์ดีตาม
“ฮูหยินเซียว ท่านช่างยิ้มได้งามเหลือเกิน” ท่านป้ากุ้ยกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้
คราวนี้เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอย่างเบิกบานใจยิ่งขึ้น “ขอบคุณท่านป้ากุ้ย”
ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะอยู่ด้านใน ฮูหยินเฒ่ากู้รออยู่ด้านนอก ได้ยินเสียงหัวเราะด้านใน จึงกล่าวอย่างอดไม่ได้ “ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสบายใจเช่นนี้มานานแล้ว ไม่รู้ว่าพวกนางสองคนคุยอะไรกันอยู่ด้านใน! ”
ซ่งฉางชิงประคองฮูหยินเฒ่ากู้ นิ่งเงียบไม่กล่าวอะไร
ฮูหยินเฒ่ากู้ตบมือซ่งฉางชิงเบาๆ “พวกเราขึ้นรถม้าเถิด! ”
“ขอรับ ท่านแม่! ” ซ่งฉางชิงประคองฮูหยินเฒ่ากู้ สายตามองทอดไปยังทุกส่วนของโรงผลิตนี้เป็นครั้งสุดท้าย บางที หลังจากคราวนี้ เขาคงไม่อาจเข้ามาได้อีก
เซี่ยยวี่หลัวส่งพวกเขากลับถึงเรือนตระกูลซ่ง ทั้งยังได้รู้ชะตากรรมของกู้ซินเยว่จากท่านป้ากุ้ย จึงได้แต่ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ ไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว
ท่านป้ากุ้ยเห็นว่านางฟังอย่างสงบ หลังจากฟังจบไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม และไม่สำทับคล้อยตาม ก็เกิดความเชื่อใจและรู้สึกดีต่อฮูหยินเซียวผู้นี้มากยิ่งขึ้น
เมื่อส่งถึงที่ เซี่ยยวี่หลัวก็ตอบรับคำเชื้อเชิญจากฮูหยินเฒ่า อยู่กินข้าวหนึ่งมื้อ
ปกติซ่งฉางชิงมาแล้วก็จะไป คราวนี้ไม่ได้ไป แต่กลับอยู่ต่อ คอยอยู่ข้างกายฮูหยินเฒ่ากู้ตลอด
เซี่ยยวี่หลัวพูดคุยกับฮูหยินเฒ่า บอกเล่าเรื่องตลกในพื้นที่ชนบท ขึ้นภูเขาล่าสัตว์ ลงแม่น้ำจับปลา บอกเล่าจนฮูหยินเฒ่ากู้หัวเราะไม่หยุด
ซ่งฉางชิงพูดแทรกเป็นบางครั้งบางคราว ก่อนจะนั่งฟังอย่างสงบ แต่ท่านป้ากุ้ยก็พบความผิดปกติ
ที่ผ่านมา ตอนคุณหนูอยู่ที่นี่ ถึงแม้ใบหน้าของคุณชายจะดูเย็นชาเหมือนกัน แต่จะให้ความรู้สึกกีดกันคุณหนูราวกับไม่อยากให้นางเข้าใกล้ แต่มาบัดนี้ ฮูหยินเซียวพูดคุย คุณชายฟังอย่างตั้งใจ ถึงแม้ใบหน้าจะดูเรียบสงบ แต่หากมองโดยละเอียด ดวงหน้าของคุณชายกลับเต็มไปด้วยประกายยิ้มแย้ม
บางทีอาจเพราะจัดการปัญหาเรื่องคุณหนูได้ คุณชายจึงรู้สึกดีใจกระมัง!
มิน่าล่ะคุณชายถึงไม่ชอบคุณหนู ดูท่า จิตใจคนเราจะดีหรือเลว คนบางกลุ่มมองเพียงครู่เดียวก็มองออกแล้ว!
ฮูหยินเฒ่ากู้จับมือเซี่ยยวี่หลัวไว้ หัวเราะอย่างมีความสุข เพียงแต่เมื่อหันมองซ่งฉางชิงที่อยู่ข้างๆ เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าบุตรชายผู้โง่เขลา ภายในใจฮูหยินเฒ่ากู้ก็รู้สึกขมขื่นราวกับกินหวงเหลียน1 ก็มิปาน
หน้าตาดีถึงเพียงนี้ ทั้งยังชอบยิ้ม เมื่อยืนอยู่ข้างกายบุตรชายที่ใบหน้าอึมครึม ก็มีแต่สตรีผู้นี้ที่สามารถทำให้เขาเบิกบานใจได้
ชะตากลั่นแกล้งจริงๆ สตรีที่อายุน้อยถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงออกเรือนแล้ว!
น่าเสียดายที่ไม่พบตอนยังไม่ออกเรือน!
หลังจากกินข้าวเสร็จ ซ่งฉางชิงจะส่งนางกลับไป
เซี่ยยวี่หลัวบ่ายเบี่ยงอยู่หลายครั้ง สุดท้ายบ่ายเบี่ยงไม่ได้ จึงได้แต่ปล่อยไป
แต่ก่อนจะไป นางยังคิดจะมอบสูตรอาหารให้ซ่งฉางชิงจำนวนหนึ่ง ไม่ได้จัดการดูแลภัตตาคารมานานถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่ากิจการเป็นอย่างไรบ้าง
“พวกเราไปที่ภัตตาคารเถิด ข้าจะเขียนสูตรอาหารให้ท่านอีกสองสูตร” หลังออกจากประตู เซี่ยยวี่หลัวจึงกล่าวขึ้น
ซ่งฉางชิงรู้สึกยินดียิ่ง กลับไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย ยังคงกล่าวด้วยท่าทางเย็นชา “ได้! ”
เขาต้องการเช่นนั้นอยู่แล้ว!
เมื่อทั้งสองคนออกไป ฮูหยินเฒ่ากู้จึงคิดจะพักผ่อนในช่วงเที่ยงโดยมีท่านป้ากุ้ยคอยปรนนิบัติ
“ไม่เห็นฉางชิงมีความสุขเช่นนี้มานานแล้ว! ” ฮูหยินเฒ่ากู้กล่าวด้วยความปลงอนิจจัง
“ใช่เจ้าค่ะ บางทีตอนนั้น การรับคุณหนูมาอาจจะเป็นข้อผิดพลาดก็เป็นได้” ท่านป้ากุ้ยยิ้มพร้อมกล่าว “เห็นตอนนี้คุณชายอยู่กับฮูหยินเฒ่า ประหนึ่งได้ย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้งเลยเจ้าค่ะ! ”
ฮูหยินเฒ่ากู้เพียงแย้มรอยยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไร
เหมือนในอดีตเช่นนั้นหรือ?
ดูเหมือนจะใช่ เพียงแต่เรื่องบางอย่างได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว
รถม้ามาถึงเซียนจวีโหลว ซ่งฉางชิงลงจากรถม้าก่อน เขาหันตัวกลับมา ยื่นมือไปกำลังจะรับเซี่ยยวี่หลัวลงมา ที่ไหนได้ เขาเพิ่งยื่นมือออกไป คนบางคนก็ยกกระโปรงขึ้น กระโดดลงมาดังตุ้บ
มือที่ยื่นออกไปหยุดค้างอยู่กลางอากาศ ซ่งฉางชิงรีบชักมือกลับ เขาเม้มริมฝีปากเบาๆ สีหน้าดูอัดอั้นใจเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ยังคงแสดงท่าทางเรียบสงบเย็นชาและงามสง่าดังเดิม
ทั้งสองคนเข้าไปในภัตตาคาร
ไม่มีผู้ใดเห็น ว่าในตำแหน่งที่ไม่ห่างจากเซียนจวีโหลวมากนัก มีหญิงชาวบ้านผู้หนึ่ง และเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจับจ้องไปทางซ่งฉางชิงตาไม่กะพริบ
เถียนเถียนนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว นั่งจนปากแห้งลิ้นสาก แดดแรงมาก นางอยากกลับบ้าน
“ท่านแม่ ทำไมพวกเราต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ทุกวันเจ้าคะ? ” เถียนเถียนเอ่ยถามด้วยความอัดอั้นใจ
เซียงชุ่ยก็กลืนน้ำลายที่แทบไม่เหลือแล้ว นางนั่งมาตลอดช่วงเช้า ทั้งเหนื่อยและกระหาย เผชิญกับคำถามของบุตรสาว เซียงชุ่ยเพียงลูบเส้นผมของนาง จากนั้นจึงประทับจุมพิตลงบนนั้น ก่อนกล่าวประโยคที่เถียนเถียนฟังไม่เข้าใจ “เพราะแม่อยากอยู่กับเจ้าและท่านยายตลอดไปอย่างไรเล่า! ”
เถียนเถียนแหงนหน้า “ท่านแม่ พวกเราสามคนก็อยู่ด้วยกันตลอดไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ”
เซียงชุ่ยลูบเส้นผมแห้งกร้านของเถียนเถียนด้วยความเอ็นดู เด็กตัวน้อยอายุหกขวบแล้ว ยังคงซูบผอมราวกับลูกแมวก็มิปาน
ไม่เพียงแค่กินไม่อิ่มและไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น ทุกวันยังต้องคอยหวาดระแวง กลัวว่าบิดาของนางจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา นางจะปล่อยให้เถียนเถียนมีชีวิตอยู่กับวันคืนเช่นนี้ต่อไปไม่ได้
ซ่งฉางชิงพาเซี่ยยวี่หลัวไปยังห้องรับรอง ซ่งฝูเห็นฮูหยินเซียวมา จึงรีบไปชงน้ำชาอย่างเป็นกันเอง
เขาแทบอยากให้ฮูหยินเซียวมาทุกวัน มาทุกวันก็จะมีสูตรอาหารทุกวัน กิจการก็จะดีทุกวัน
“ตรงนี้มีพู่กันและน้ำหมึก ท่านนั่งเขียนตรงนี้ก็แล้วกัน! ” ซ่งฉางชิงให้เซี่ยยวี่หลัวนั่งในตำแหน่งของตัวเอง ส่วนตัวเขากลับไปนั่งข้างๆ ถือตำราเล่มหนึ่งมาพลิกเปิดอ่าน
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่สมควร จึงนั่งลงไป ก่อนเริ่มเขียนสูตรอาหาร
พู่กันที่นางใช้คือพู่กันขนหมาป่า มือเรียวที่กุมพู่กันเรียวยาวไว้ เหตุใดถึงดูดีได้ถึงเพียงนั้น
ซ่งฉางชิงพลิกเปิดตำรา แต่ตัวหนังสือบนตำรา เขากลับอ่านไม่เข้าแม้แต่ตัวเดียว เขาก้มหน้าลง แต่หางตากลับมองไปบนโต๊ะหนังสือ
ตอนซ่งฝูยกน้ำชาเข้ามา เห็นตำแหน่งการนั่งนี้ ก็ถึงกับผงะไป
ฮูหยินเซียวนั่งอยู่ตรงที่นั่งของคุณชาย?
ส่วนคุณชาย ก็นั่งอยู่ข้างๆ อย่างสบายอารมณ์ ทั้งยังไม่มีอารมณ์โมโหคุกรุ่นแม้แต่น้อย ฮะฮะ มันช่าง…
ประหลาดนัก!
ซ่งฝูยกน้ำชาไปให้ ซ่งฉางชิงเพียงโบกมือ ก่อนรับน้ำชาจากมือซ่งฝู “ออกไปได้! ”