ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 485 จับตัวเซี่ยยวี่หลัว ซ่งฉางชิงจะมอบเงินให้เจ้า
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 485 จับตัวเซี่ยยวี่หลัว ซ่งฉางชิงจะมอบเงินให้เจ้า
บทที่ 485 จับตัวเซี่ยยวี่หลัว ซ่งฉางชิงจะมอบเงินให้เจ้า
เซียงชุ่ยกอดเถียนเถียนที่ร่ำไห้สะอื้น แววตาเต็มไปด้วยความหวาดผวา ก่อนหันมองมารดาของตนเองที่ถูกติงกุ้ยทรมาน เซียงชุ่ยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “ติงกุ้ย เจ้าต้องการเงินเท่าใด ถึงจะยอมปล่อยพวกเราไป? ”
มือของติงกุ้ยหยุดชะงัก “ปล่อยพวกเจ้าไป? เจ้าฝันไปซะเถอะ! ”
เขาจะปล่อยคนเหล่านี้ไปได้อย่างไร ไม่ว่าคนแก่หรือผู้ใหญ่ล้วนเป็นเครื่องมือหาเงินของเขา แม้แต่เด็กนั่น ขอเพียงเติบใหญ่ ก็จะเอาไปขายให้กับครอบครัวตระกูลใหญ่ ต่อไปก็เป็นถุงเงินถุงทองของเขาเช่นกัน เขาจะปล่อยคนเหล่านี้ไปได้อย่างไร!
“ต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะยอมปล่อยพวกเราไป? ติงกุ้ย? ”
“ฮึ เว้นเสียแต่เจ้าจะมอบเงินให้ข้าได้ห้าร้อยตำลึงในคราเดียว! ไม่อย่างนั้นคิดจะให้ข้าปล่อยพวกเจ้าไปรึ? ไม่มีทาง! ” ติงกุ้ยดึงเส้นผมของฟู่ซื่อไว้แน่น กระชากจนฟู่ซื่อแสยะปาก
“ห้าร้อยตำลึงหรือ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ฆ่าพวกเราเสียเลยเล่า? ” ฟู่ซื่อตะคอก
“ฆ่าพวกเจ้า? ฆ่าพวกเจ้าแล้วข้าจะไปเอาเงินมาจากไหน? เก็บพวกเจ้าไว้หาเงินให้ข้าใช้ไม่ดีกว่ารึ? ” ติงกุ้ยหัวเราะพร้อมกล่าวอย่างเย็นเยียบ
ฟู่ซื่อก่นด่า “เจ้าคนถ่อยชั่วช้าไร้ยางอาย! ”
“ข้าชั่วช้าไร้ยางอาย? ท่านแม่ยายของข้า ตอนนั้นเจ้าเป็นคนบอกเองว่าข้าอาจจะจนไปบ้าง แต่ข้าเป็นคนซื่อสัตย์และรักเดียวใจเดียว ขยันขันแข็งไม่ใช่หรือ เป็นอย่างไร? ข้าใช้ได้ใช่หรือไม่? ” ติงกุ้ยหัวเราะอย่างเย็นเยียบ น้ำเสียงราวกับวิญญาณร้ายในขุมนรกก็มิปาน
“เจ้าคนสารเลว เจ้าคนชั่วช้า เดรัจฉาน เหตุใดตอนนั้นข้าถึงต้องเลือกเจ้า! ” ฟู่ซื่อรู้สึกเสียใจยิ่งนัก โมโหที่ตนเองดูพลาดไป เหตุใดถึงเลือกเดรัจฉานผู้นี้ ทำลายเซียงชุ่ย ทำลายครอบครัวนี้
“เจ้าด่า ด่าสิ เจ้าด่าอีก ข้าจะยิ่งดีใจ ยายแก่ เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด คิดจะไปจากข้ารึ? ต่อให้ข้าต้องฆ่าพวกเจ้าก็ไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไป! ”
ติงกุ้ยกล่าวด้วยท่าทางเหี้ยมเกรียม
“เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า ขอเพียงให้เงินเจ้าห้าร้อยตำลึง เจ้าก็จะปล่อยพวกเราไป เจ้าพูดจริงหรือไม่? ” จู่ๆ เซียงชุ่ยก็เอ่ยถาม
ฟู่ซื่อผงะไป “เด็กโง่ พวกเรามีเงินห้าร้อยตำลึงที่ไหนกัน? เจ้าอย่าทำเรื่องโง่เชียว! ”
ติงกุ้ยได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกยินดียิ่ง “เจ้ามีวิธีรึ? ”
เซียงชุ่ยหลับตา จากนั้นเหมือนจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ขอเพียงเจ้ารับปากว่าจะปล่อยพวกเราไป ข้าจะบอกวิธีหาเงินห้าร้อยตำลึงกับเจ้า! ”
ติงกุ้ยแววตาเป็นประกาย “เจ้ารีบบอกมา! ”
“เซียงชุ่ย เจ้าจะทำอะไร? เจ้าอย่าทำเรื่องที่ผิดต่อศีลธรรมเชียว! ” ฟู่ซื่อกล่าวด้วยความร้อนใจ
เซียงชุ่ยร่ำไห้ “ท่านแม่ ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ! ข้าเพียงอยากให้ท่านกับเถียนเถียนได้มีชีวิตที่ดี ต่อให้ไม่มีชีวิตที่ดี ข้าก็อยากให้พวกท่านสบายดี ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาทุกวัน”
ฟู่ซื่อและเถียนเถียนถูกไล่ออกจากห้อง
ติงกุ้ยรู้สึกอดรนทนไม่ไหว บีบคอเซียงชุ่ยพร้อมกล่าว “ข้าจัดการเจ้าก่อน แล้วเจ้าค่อยบอกข้า! ”
เซียงชุ่ยได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก
เวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปทีละวินาที ภายในห้องก็เงียบลง…
ติงกุ้ยเตะเซียงชุ่ยสองที “อย่าแสร้งทำเป็นตาย! ”
เซียงชุ่ยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย นางยังคงนอนอยู่บนพื้น เพียงพลิกตัว มองดูเพดานที่มืดสนิทพร้อมกล่าว “เจ้ารู้จักซ่งฉางชิงหรือไม่? ”
“ซ่งฉางชิง? ซ่งฉางชิงคือใคร? ข้าไม่รู้จัก! ”
“เซียนจวีโหลว เจ้าน่าจะรู้จักกระมัง? ”
“ใครบ้างที่ไม่รู้จัก! ”
“ซ่งฉางชิง คือเถ้าแก่ของเซียนจวีโหลว! ”
ติงกุ้ยกำลังรื้อค้นข้าวของหาเงิน เมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ผงะไป “เจ้าว่าอะไรนะ? อะไรกัน? เจ้ารู้จักซ่งฉางชิงรึ? ”
เซียงชุ่ยลุกขึ้นนั่ง พิงอยู่ตรงเตียงเตาด้วยอาการเหม่อลอย “เคยพบไม่กี่ครั้ง เจ้าไปขอเงินจากเขาเถิด! ”
“เจ้าให้ข้าไปขอเงินจากซ่งฉางชิง? ” จู่ๆ ติงกุ้ยก็หัวเราะด้วยท่าทางเหลี่ยมจัด “เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าคงไม่ได้มีอะไรกับซ่งฉางชิงกระมัง? แต่อีกฝ่ายเป็นเถ้าแก่เซียนจวีโหลว ทั้งยังเป็นท่านจวี่เหริน เขาจะถูกตาต้องใจเจ้ารึ? ”
เซียงชุ่ยไม่สนใจฟังคำดูถูกหมิ่นหยามของติงกุ้ย เพียงกล่าวต่อ “หากเจ้าจับตัวคนผู้หนึ่งไว้ ก็สามารถไปขอเงินจากซ่งฉางชิงได้แล้ว! ”
“ใคร? ”
“เซี่ยยวี่หลัว เจ้าของโรงผลิตที่ท่านแม่ข้าทำงานอยู่! ” เซียงชุ่ยใช้มือกุมศีรษะ น้ำเสียงสั่นเครือ
“เซี่ยยวี่หลัว ซ่งฉางชิง? ” ติงกุ้ยไม่ใช่คนโง่เขลา “เจ้าให้ข้าไปจับตัวเซี่ยยวี่หลัว แล้วไปหาซ่งฉางชิงเพื่อเรียกค่าไถ่? ทั้งยังเรียกถึงห้าร้อยตำลึง? เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้เป็นอะไรกับซ่งฉางชิง จึงมีค่าถึงห้าร้อยตำลึง! ”
เซียงชุ่ยเงยหน้า ภายในห้องไม่ได้จุดไฟไว้ บวกกับเซียงชุ่ยถูกติงกุ้ยซ้อมจนดวงตาบวมแดง มองอะไรไม่ค่อยชัดเจนนัก เห็นเพียงรูปร่างเลือนรางของติงกุ้ยท่ามกลางความมืดสลัว “เจ้าไม่เชื่อหรือ? ”
ติงกุ้ย “อย่างน้อยเจ้าก็ต้องบอกข้าก่อนกระมัง ว่าเซี่ยยวี่หลัวกับซ่งฉางชิงเป็นอะไรกัน? เจ้าบอกแล้วข้าถึงจะไปเรียกค่าไถ่ได้ ใครจะรู้ว่าเจ้าให้ข้าไปรนหาที่ตายหรือไม่! ”
“พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน! ”
“เจ้าหลอกข้ารึ? ข้าจะชกเจ้าให้ตายในหมัดเดียวเจ้าเชื่อหรือไม่? ” ติงกุ้ยได้ฟังดังนั้น ก็เดินขึ้นหน้าไปตบหนึ่งฉาด ตบจนเซียงชุ่ยรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ใบหน้าหันไปอีกด้านหนึ่ง ภายในปากมีกลิ่นคาวเลือด
เซียงชุ่ยถ่มเลือดออกมา “เจ้ายังไม่ไปจับคน เจ้าจะรู้ได้อย่างไร ข้ากล้ารับประกัน ซ่งฉางชิงต้องมอบเงินให้เจ้าแน่ เพราะสำหรับเขา เซี่ยยวี่หลัวสำคัญมาก! ”
นางสะกดรอยตามซ่งฉางชิงมาระยะหนึ่งแล้ว
ขอเพียงเป็นช่วงที่เซี่ยยวี่หลัวไม่อยู่ ใบหน้าของซ่งฉางชิงราวกับเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งร้อยปี ดวงหน้าเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ เขาไม่เคยแย้มรอยยิ้ม ทำตัวเหินห่างกับผู้อื่น
ทว่า ขอเพียงเซี่ยยวี่หลัวอยู่ รัศมีบนกายซ่งฉางชิงกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หากเดิมทีเป็นภูเขาน้ำแข็ง ตอนที่เซี่ยยวี่หลัวอยู่ เขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสายลมฤดูใบไม้ผลิในเดือนสาม
ทั้งอ่อนโยนและงามสง่า
เซียงชุ่ยเป็นคนมีประสบการณ์ จะไม่เข้าใจประกายความรักที่เล็ดลอดจากหางตาของซ่งฉางชิงได้อย่างไร ต่อให้เขาปิดบังซ่อนเร้นอย่างดี แต่ขอเพียงมีคนตั้งใจจับสังเกตและเฝ้าดู ก็ยังสามารถมองเห็นความรักที่เขาเก็บซ่อนไว้ในเบื้องลึกแววตาได้
การชอบคนคนหนึ่ง ต่อให้ปิดบังซ่อนเร้นอย่างไร ก็ไม่อาจเก็บซ่อนได้!
“สำคัญมากงั้นหรือ? ” ติงกุ้ยไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก “สำคัญอย่างไร? ”
เซียงชุ่ยนิ่งเงียบครู่หนึ่ง “นางเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบของเซียนจวีโหลว และอาหารใหม่จำนวนหนึ่งของเซียนจวีโหลวล้วนได้รับมาจากนาง! ”
คนจัดหาวัตถุดิบ?
ติงกุ้ย “เจ้าแน่ใจรึ? ว่าเซี่ยยวี่หลัวผู้นี้สำคัญต่อเซียนจวีโหลวเป็นอย่างมาก? ”
“แน่นอน! หากเจ้าไม่ได้เงิน ข้าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก จะทำงานรับใช้เจ้าอย่างสงบใจ! ” เซียงชุ่ยกัดริมฝีปากพร้อมกล่าว “ทว่า หากเจ้าได้เงินมา เจ้าต้องทำตามคำสัญญา ปล่อยท่านแม่ของข้า ปล่อยเถียนเถียน ปล่อยข้าไป! อย่าได้มาหาพวกเราอีก! ”
ติงกุ้ยมองดูเซียงชุ่ย ลูบคางทีหนึ่ง นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่มีแต่ได้ไม่มีเสีย หากได้เงิน เขาย่อมรู้สึกดีใจ หากไม่ได้เงิน เขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย สตรีสามคนนี้ ต้องเป็นทาสรับใช้เขาไปชั่วชีวิต!
“ได้ เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอก! ” ติงกุ้ยถูมือไปมา รู้สึกตื่นเต้นเต็มที!
เขาค้นจนเจอเงินที่ฟู่ซื่อเก็บซ่อนไว้ ถือไว้ในมือ จากนั้นจึงเดินจากไป ด้านนอกมีเสียงร้องโหยหวนของฟู่ซื่อดังขึ้น “นั่นเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่พวกเรามี เจ้าอย่าเอาไป! ”
เซียงชุ่ยนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ปิดหน้าร่ำไห้อย่างหนัก
เซี่ยยวี่หลัวดีต่อนางถึงเพียงนั้น เดิมทีนางคิดจะปล่อยไปแล้ว ทว่า…
ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ!
เซียงชุ่ยร่ำไห้ไม่หยุด สุดท้ายหมอบตัวลงบนพื้น ร่ำไห้แทบขาดใจ!