ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 492 ไม่มีผู้ใดทัดทานเสน่ห์ของเซี่ยยวี่หลัวได้
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 492 ไม่มีผู้ใดทัดทานเสน่ห์ของเซี่ยยวี่หลัวได้
บทที่ 492 ไม่มีผู้ใดทัดทานเสน่ห์ของเซี่ยยวี่หลัวได้
เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะอย่างเย็นเยียบ “ถึงแม้ข้าจะเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบของเซียนจวีโหลว แต่ข้ากับท่านซ่งเป็นเพียงคนที่ทำการค้าร่วมกันเท่านั้น เจ้าจะจับข้าไปข่มขู่เขาหรือ? ข้าคิดว่าเจ้าหาผิดคนแล้ว อย่าว่าแต่ห้าร้อยตำลึงเลย ต่อให้เป็นห้าอีแปะ ซ่งฉางชิงก็ไม่มีทางมอบให้เจ้า! ”
ติงกุ้ยได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา “เจ้าพูดจาเหลวไหล เซียงชุ่ยบอกแล้ว ว่าต้องได้เงินห้าร้อยตำลึงแน่นอน”
เซี่ยยวี่หลัว “อย่างนั้นหรือ? ในเมื่อจับตัวข้าแล้วสามารถเรียกเงินจากซ่งฉางชิงได้ห้าร้อยตำลึง เหตุใดนางถึงไม่ลงมือเองเล่า? ข้าไว้ใจนางถึงเพียงนั้น นางนำอาหารมาส่งให้ข้าทุกวัน หากนางวางยาในอาหารของข้า ข้าก็คงถูกนางจับทันทีไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงต้องบอกเจ้าด้วย? เงินห้าร้อยตำลึง หากได้มาแล้วก็พาลูกหนีไปให้ไกล ไปให้พ้นจากเจ้า ไม่ดีกว่าหรือ? ”
ติงกุ้ยผงะไป
สตรีผู้นี้กล่าวได้ไม่ผิด หากสามารถได้เงินห้าร้อยตำลึงจริง เหตุใดเซียงชุ่ยถึงไม่ไปเอาเอง
ติงกุ้ยตระหนักได้ว่า ตัวเองถูกสตรีสารเลวผู้นั้นหลอกเข้าแล้ว จึงรู้สึกโมโหแทบตาย “หน็อย นางสารเลวที่สมควรตายนั่น คอยดูเถอะ กลับไปข้าจะตีนางให้ตายเสีย! ”
เขากล่าวด้วยท่าทางดุดัน ทว่าจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น ยามที่มองไปทางเซี่ยยวี่หลัว แววตาของเขาฉายประกายชั่วร้ายออกมายิ่งกว่าเดิม “ในเมื่อเจ้าไม่มีคุณค่าใดๆ เช่นนั้นก็ได้ ให้ข้าได้จัดการเจ้าจนสาแก่ใจ! หากสาแก่ใจข้าแล้ว ข้าจะไปคิดบัญชีกับนางสารเลวนั่น! ”
เซี่ยยวี่หลัวเลิกคิ้ว หัวเราะอย่างเย็นเยียบทีหนึ่ง ก่อนวางตะกร้าสานที่สะพายไว้ลงตรงข้างเท้า
ติงกุ้ยพุ่งพรวดเข้าหา ยื่นมือทั้งคู่ออกมา คิดบีบคอเซี่ยยวี่หลัวไว้
สตรีตรงหน้ายืนอยู่ที่เดิม ยืนนิ่งไม่ไหวติง ติงกุ้ยเพียงคิดว่าสตรีร่างบางอรชรที่ไร้ซึ่งกำลังคงตกใจกลัวแทบตายอยู่กระมัง ภายในใจจึงรู้สึกได้ใจเสียยิ่งกว่าอะไร พุ่งตรงเข้าหานางทันที ในจังหวะที่มือกำลังจะสัมผัสโดนเซี่ยยวี่หลัว ก็เกิดเสียงขึ้นดัง “แคร่ก” จากนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ดังสนั่นลั่นตามมา
เหล่าวิหคในผืนป่าที่ตกใจกับเสียงร้องแหลมนั่น ต่างโบกสะบัดปีกและโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เซี่ยยวี่หลัวพลิกมือคว้าจับ จับข้อมืออีกข้างของติงกุ้ยไว้ ออกแรงบิดทีหนึ่ง เพียงได้ยินเสียงกระดูกดัง “แคร่ก” ก่อนจะมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง
หลังจากถูกบิดแขนจนหักทั้งสองข้าง เซี่ยยวี่หลัวจึงยกเท้าขึ้นเตะไปทางอกของติงกุ้ยทันที เตะจนเขาลอยไปไกลสี่ถึงห้าหมี่ ล้มฟุบลงบนพื้นนอนนิ่งไม่ไหวติง
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ราวกับเป็นเพียงความฝันอย่างไรอย่างนั้น ติงกุ้ยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือของตัวเองถูกบิดจนหักได้อย่างไร รู้อีกทีเขาก็ล้มฟุบอยู่บนพื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้เสียแล้ว
ตรงข้อมือรู้สึกเจ็บแปลบอย่างรุนแรง ติงกุ้ยคิดจะยกมือขึ้น แต่ตรงข้อมือไม่มีแรงแม้แต่น้อย ราวกับว่ามือไม่มีกระดูกอย่างไรอย่างนั้น ได้แต่ห้อยอยู่เช่นนั้น ความเจ็บปวดจากกระดูกที่หัก เจ็บปวดจนติงกุ้ยทรมานเจียนตาย
“เจ้า เจ้ารู้วิชาป้องกันตัวรึ? ” ติงกุ้ยคิดไม่ถึงเลยว่าสตรีตรงหน้าที่ดูไร้ซึ่งกำลัง จะสามารถหักแขนสองข้างของเขาได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา
เซี่ยยวี่หลัวทอดแหในแม่น้ำสายเล็ก ไม่มองติงกุ้ยด้วยซ้ำ เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ไสหัวไป! ”
ติงกุ้ยแขนไม่มีแรง ลุกขึ้นยืน กึ่งกลิ้งกึ่งคลานวิ่งหนีไป
เซี่ยยวี่หลัวมองดูแม่น้ำตรงหน้า แววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง
ดูท่า ความหวังดีของนางจะไม่ได้รับการตอบแทนด้วยความรู้สึกขอบคุณ ตรงกันข้าม เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พวกนางกลับคิดจะจับตัวนางเรียกค่าไถ่
เวลานี้ ยังจับปลาไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกจิตใจไม่สงบ นางไม่อาจอยู่ต่อไปได้ จึงรีบกลับบ้านไป ทิ้งข้อความไว้ แล้วเข้าไปในตัวเมืองทันที
ภายในเซียนจวีโหลว ซ่งฉางชิงมองดูกระดาษข้อความในมือตัวเอง ภายในใจรู้สึกราวกับเกิดคลื่นยักษ์ถาโถมก็มิปาน
เซี่ยยวี่หลัวอยู่ในกำมือข้า หากอยากให้นางรอดชีวิต ก็มอบเงินมาห้าร้อยตำลึง
มือของซ่งฉางชิงกำลังสั่นเทิ้ม ลูกจ้างหนุ่มคนหนึ่งก็อยู่ข้างๆ ด้วยอาการตัวสั่นเช่นกัน เมื่อครู่นี้ตอนเขาเข้ามา จู่ๆ ก็มีคนพุ่งเข้าชน เมื่อเขาคิดจะก่นด่าว่าเหตุใดชนแล้วไม่รู้จักขอโทษ อีกฝ่ายก็หนีไปจนไม่เห็นแม้แต่เงา ทว่าหลังจากนั้น เขากลับพบกระดาษข้อความนี้ในมือแทน
เมื่อลองเปิดดู ลูกจ้างหนุ่มรู้จักตัวหนังสือบนนั้น รู้ว่านี่หาใช่เรื่องเล็ก จึงรีบไปรายงานซ่งฝูทันที
ซ่งฝูเห็นกระดาษข้อความก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก จากนั้นจึงรีบพาเขาไปพบซ่งฉางชิง
ซ่งฉางชิงมองดูตัวหนังสือบนนั้น แววตาแทบจะมีเปลวเพลิงลุกไหม้
กำลังจะออกคำสั่งให้คนไปค้นหา ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก “ท่านซ่ง ข้างนอกมีหญิงชาวบ้านผู้หนึ่งมาหา นางบอกว่ารู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวอยู่ที่ไหนขอรับ”
เมื่อเห็นคนที่เข้ามา ซ่งฉางชิงหรี่ตาทันที “เป็นเจ้าเอง! ”
เซียงชุ่ยถูกซ้อมจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว นางหัวเราะก่อนกล่าว “ท่านซ่งช่างมีความจำดีเสียจริง เห็นเพียงไม่กี่ครั้งยังจำข้าได้”
“เจ้ารู้ว่าฮูหยินเซียวอยู่ที่ไหน? หมายความว่าอย่างไร? ”
“นางถูกคนจับตัวไป! ” เซียงชุ่ยยืนแล้วรู้สึกเหนื่อย ได้แต่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “นางถูกสามีของข้าจับตัวไป”
ตั้งแต่เซียงชุ่ยบอกติงกุ้ยว่าสามารถจับตัวเซี่ยยวี่หลัวเรียกค่าไถ่ได้ นางก็รออยู่หน้าประตูเซียนจวีโหลวทุกวันเพื่อรอดูติงกุ้ย รอมาหลายวัน ในที่สุดนางก็เห็นหม่าหมิง พวกพ้องที่มักจะตามติดอยู่ข้างกายติงกุ้ย
ดูท่า พวกเขาจะทำสำเร็จแล้ว จึงมาเรียกค่าไถ่ที่เซียนจวีโหลวโดยเฉพาะ!
“ถูกสามีของเจ้าจับตัวไปงั้นหรือ? ” หากแววตาในยามนี้สามารถสังหารคนได้ ซ่งฉางชิงคงแล่เนื้อเถือหนังหญิงชาวบ้านตรงหน้าจนตายนานแล้ว เขาฝืนสะกดความหวั่นวิตกภายในใจไว้ พยายามอดกลั้นฝืนทนความวิตกกังวลของตัวเอง “พูดให้ชัดเจน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่! ”
“ท่านซ่ง พวกเรามา… แลกเปลี่ยนกันดีหรือไม่? ” ภายในใจเซียงชุ่ยรู้สึกผิดยิ่งนัก แต่ในตอนนี้ นางเหลือหนทางเพียงทางเดียวเท่านั้น “ขอเพียงท่านช่วยให้ข้าไปจากเมืองโยวหลันได้ ข้าก็จะช่วยท่านหาเซี่ยยวี่หลัว”
ซ่งฉางชิงเอ่ยถาม “เจ้าจะให้ข้าช่วยอย่างไร? ”
“ข้าเพียงอยากไปจากเมืองโยวหลัน ไปให้พ้นจากปีศาจร้ายนั่นก็พอแล้ว! ข้าไม่อยากเห็นปีศาจร้ายนั่นอีก! ” เซียงชุ่ยเพียงคิดถึงเรื่องที่บุรุษผู้นั้นย่ำยีตนเอง นางก็รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา “ข้าเพียงแค่อยากไปจากที่นี่”
“ฮะฮะ! ” ซ่งฉางชิงหัวเราะอย่างเย็นเยียบ “เหตุใดข้าต้องช่วยเจ้าด้วย? ”
“เพราะข้าสามารถช่วยท่านหาเซี่ยยวี่หลัวจนพบได้ บัดนี้เซี่ยยวี่หลัวอยู่ในมือปีศาจร้ายสองตัวนั่น พวกเขาสองคน ชอบดื่มสุราเล่นการพนัน กระทำการชั่วช้า ท่านไม่เป็นห่วงหรือว่า หากเซี่ยยวี่หลัวอยู่ในกำมือพวกเขานานขึ้น ก็จะมีอันตรายมากขึ้น? ”
เซียงชุ่ยกล่าว “ท่านก็รู้ เซี่ยยวี่หลัวงดงามถึงเพียงนั้น ทั้งยังมีเสน่ห์เช่นนั้น บุรุษคนใดบ้างสามารถทัดทานรูปโฉมของนางได้? แม้แต่ท่านซ่งยังไม่อาจทัดทานได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเดรัจฉานสองคนนั้น! ”
ดวงตาเหี้ยมเกรียมของซ่งฉางชิงหันขวับมองไปทางเซียงชุ่ยทันที ถึงแม้เซียงชุ่ยจะหวาดกลัว แต่ยังคงยืดอกเผชิญหน้า “ท่านซ่ง ข้าไม่ได้พูดผิดไปกระมัง? ”