ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 2 บทที่ 41 หาคนช่วยคัดตำรา
เวลานี้เซียวจื่อเมิ่งเดินมา เห็นเซี่ยยวี่หลัวยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ จึงเอ่ยถามเสียงใส “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ?”
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งตอบสนอง ก้มมองเด็กน่ารักที่อยู่ข้างกาย แววตาสับสนฉายประกายแห่งความหวังอีกครั้ง ดวงตาที่เหม่อลอยเมื่อครู่กลับมาสดใสเหมือนเคย “ไม่เป็นอะไร ไปกันเถิด กลับบ้านไปทำอาหารเที่ยงกัน!”
อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เลี้ยงดูเด็กสองคนนี้ให้เติบใหญ่ดีๆ อย่าให้ชะตาชีวิตของพวกเขาต้องน่าอนาถเหมือนที่เขียนไว้ในหนังสือ แค่นั้นนางก็พึงพอใจแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนชอบยิ้ม จูงมือเซียวจื่อเมิ่ง มือใหญ่จูงมือเล็ก เดินไปพลางหัวเราะไปพลางตลอดทาง ไม่รู้ว่ากล่าวอะไร หยอกเซียวจื่อเมิ่งจนหัวเราะคิกคัก ทิ้งเสียงหัวเราะไพเราะประหนึ่งเสียงกระดิ่งไว้ตลอดทาง
ฟ่านซื่ออุ้มลูกกลับไปถึงบ้าน เซียวยิงยังอยู่ริมหน้าต่าง จับพู่กันเขียนหนังสืออย่างคล่องแคล่ว
ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ สวมใส่ชุดยาวสีฟ้าเข้ม ดวงหน้าสง่างามดูอบอุ่น
ปลายจมูกโด่ง ริมฝีปากหนากว้าง ในความหล่อเหลาแฝงเร้นด้วยความสัตย์ซื่อและรักมั่น นั่นคือลักษณะที่นางชอบ
ฟ่านซื่ออุ้มลูกยืนอยู่หน้าประตูครู่ใหญ่ คนที่อยู่ข้างโต๊ะไม่ขยับเขยื้อน ฟ่านซื่อส่ายหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มขมขื่น วางลูกลง ให้เด็กไปเล่นเอง จากนั้นนางจึงไปห้องครัว รินน้ำชาหนึ่งถ้วย เข้ามาในห้องอักษร
ตอนนางไป เซียวยิงอยู่ในท่าไหน เมื่อกลับมา เขาก็ยังอยู่ในท่าเดิม
เซียวยิงเห็นฟ่านซื่อกลับมาแล้ว เงยหน้าส่งรอยยิ้มให้คราหนึ่ง ก่อนก้มหน้าลงเขียนหนังสือต่อ
ฟ่านซื่อเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ เดินขึ้นหน้าจับมือเขาไว้พร้อมกล่าว “ท่านพี่ พักครู่หนึ่งเถอะ!”
เซียวยิงวางพู่กันลงด้วยท่าทางว่าง่าย ยกน้ำชาที่ฟ่านซื่อชงมาให้ ส่วนฟ่านซื่อเดินไปด้านหลังเซียวยิง ช่วยนวดคลายเส้นตรงช่วงไหล่ของเขาเบาๆ
อาจเพราะฟ่านซื่อนวดสบายเกินไป เซียวยิงถึงกับหลับตา อิ่มเอมกับการผ่อนคลายในชั่วขณะนี้
“วันนี้ข้าพบภรรยาของเซียวยวี่แล้ว” ระหว่างที่ฟ่านซื่อเอ่ยถึงเซี่ยยวี่หลัว ในแววตานอกจากจะฉายประกายตกตะลึงในความงาม ก็ยังมีความรู้สึกสงสัยใคร่รู้
เซียวยิงลืมตาขึ้น เสียงทุ้มต่ำแฝงน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย “สตรีผู้นั้นไม่น่าคบหา เหวินจวิน ต่อไปเจ้าหลีกเลี่ยงการเสวนากับคนประเภทนั้นดีกว่า”
เหวินจวินคือนามของฟ่านซื่อ
คนประเภทนั้น เซียวยิงมีอคติต่อเซี่ยยวี่หลัวเป็นอย่างมาก
ฟ่านซื่อไม่ได้หยุดมือ นวดคลายเส้นให้เซียวยิงเบาๆ “วันนี้ข้าพบนาง รู้สึกว่าสตรีผู้นี้ไม่น่าคบหาจริงๆ…”
ริมฝีปากแดงที่ไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมใดๆ เมื่อเอ่ยวาจาก็ไม่ปรานีผู้ใด ว่ากล่าวเถียนเอ๋อจนแทบอยากหารูมุดเสียให้รู้แล้วรู้รอด
เซียวยิงทอดถอนใจกล่าว “ต่อไปอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับคนประเภทนั้นอีก”
ฟ่านซื่อกล่าว “แต่ข้าพบว่านางปกป้องเซียวยวี่มากทีเดียว”
ไม่ให้ผู้อื่นพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามเซียวยวี่แม้แต่น้อย เมื่อเอ่ยถึงเซียวยวี่ ในห้วงภวังค์ของฟ่านซื่อ ยังนึกถึงความภาคภูมิใจบนใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวตอนบอกว่าข้าคือภรรยาของเซียวยวี่
เหมือนว่า เรื่องที่เซียวยวี่เป็นสามีของนาง นางรู้สึกยินดียิ่ง!
แต่เซียวยิงเคยกล่าวไว้ ว่าเซียวยวี่เป็นคนที่นางจำใจแต่งด้วยเพราะท่านตาของนางใช้ความตายบีบบังคับ นางไม่มีใจให้เซียวยวี่แม้แต่น้อย หลังจากแต่งเข้ามา ก็ทำสีหน้าเย็นชาต่อเซียวยวี่ ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยา เย็นเยียบเหมือนวันที่หนาวเหน็บที่สุดในฤดูหนาวก็มิปาน
เซียวยิงหัวเราะอย่างเย็นเยียบ “นางอยากเป็นภรรยาขุนนางมาตลอด ครั้งนี้เซียวยวี่ไปสอบ เกรงว่านางคงคาดหวังว่าเซียวยวี่จะสอบติด ตัวเองจะได้สมใจอยากก็เท่านั้น ต่อไปอย่ายุ่งเกี่ยวกับคนประเภทนี้อีก เซียวยวี่แต่งกับสตรีอย่างนาง ถือว่าโชคร้ายถึงที่สุด”
ปกป้องอะไรกัน?
ก็แค่เติมเต็มความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของตัวเองเท่านั้น
ฟ่านซื่อขานตอบก่อนกล่าว “ได้ ต่อไปข้าจะไม่ยุ่งกับนางอีก”
เมื่อเซียวยิงเห็นภรรยาที่ว่าง่ายและอ่อนโยน ภายในใจก็ยินดีเสียยิ่งกว่าอะไร บรรพชนของเขาล้วนหาเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่ทำนา เขาชอบเรียนหนังสือ เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนเอง ยอมขัดแย้งกับครอบครัว ยังดีที่ในภายหลังเขาสอบติด
แม้จะไม่ได้ร่ำรวยสูงศักดิ์ แต่ก็ได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเขา ทั้งยังได้แต่งกับภรรยาผู้อ่อนโยน มีบุตรน่ารักเฉลียวฉลาดหนึ่งคน ชั่วชีวิตนี้เขารู้สึกว่าสมบูรณ์แล้ว
“เจ้าไปดูลูกเถอะ ตลอดช่วงเช้าเพิ่งคัดจบแค่สองเล่ม ข้ายังต้องคัดต่อ” เซียวยิงบีบสันจมูกทีหนึ่ง ยกแขนขึ้นก่อนจับพู่กัน
ฟ่านซื่อรู้สึกสงสารจับใจ หลังจากเติมน้ำในถ้วยชาแล้ว จึงกล่าวอย่างเห็นใจ “ถ้าอย่างไรให้คนมาช่วยคัดดีกว่า มากขนาดนี้ อีกนานเพียงใดถึงจะเสร็จ!”
“ตอนนี้เป็นช่วงสอบ คนที่เรียนหนังสือรู้อักษรต่างก็ไปสอบกันแล้ว คนที่เหลืออยู่ ก็รู้หนังสือเพียงไม่กี่ตัว ต่อให้เขียนหนังสือเป็น ลายมือก็ยากจะดูได้ นี่เป็นตำราที่ร้านหนังสือจะนำไปขาย หากตัวหนังสือดูไม่ดี ร้านหนังสือจะไม่ให้เงิน…”
เซียวยิงกล่าวพลางทอดถอนใจ
เขาเองใช่ว่าไม่อยากหาคนมาช่วยคัด!
หนังสือเล่มหนึ่งเขาได้เงินสี่สิบอิแปะ ต่อให้จ่ายค่าตอบแทนสามสิบห้าอิแปะ ตัวเองก็ยังได้ห้าอิแปะ! แม้จะได้น้อยลง แต่เขียนได้เร็ว ตัวเองไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ ก็ถือว่ากำไรมากเหมือนกัน
ตอนนี้เหนื่อยจนยกแขนแทบไม่ได้
ฟ่านซื่อคิดอะไรบางอย่างออก ยิ้มพร้อมกล่าว “ถ้าอย่างไร พรุ่งนี้ข้าจะลองไปถามคนในหมู่บ้าน ให้พวกเขาลองคัดลายมือมาให้ดู หากเขียนได้ดี ค่อยให้พวกเขาคัด?”
ภรรยาของตนก็ทำเพราะหวังดีกับตัวเอง เซียวยิงจึงปล่อยให้นางไปทำ
“เพียงแต่ เจ้าก็อย่าตั้งความหวังสูงเกินไป เดิมทีเซียวยวี่เป็นคนที่มีความรู้มากที่สุดในหมู่บ้าน เขาไม่อยู่ อย่าว่าแต่เขียนตัวหนังสือเลย เกรงว่าแม้แต่คนที่รู้หนังสือก็แทบไม่มี” เซียวยิงบอกกล่าวฟ่านซื่อไว้ก่อน กลัวว่านางจะตั้งความหวังสูง แล้วผิดหวังเอาได้
เซียวจื่อเซวียนเพิ่งเก็บผักตีนไก่กลับมาหนึ่งตะกร้า ยืนอยู่หน้าประตูชะเง้อคอดู
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะประหนึ่งเสียงกระดิ่งเงิน เซียวจื่อเซวียนหันกลับมามอง จึงเห็นเซียวจื่อเมิ่งกำลังพูดคุยเย้าหยอก แววตาที่เคยมีแต่ความหวาดกลัวรู้สึกต้อยต่ำ ตอนนี้ฉายประกายแจ่มใสเหมือนแววตาเด็กคนหนึ่ง
เด็กที่เมื่อก่อนหวาดหวั่นมาตลอด เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วัน กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
สายตาของเซียวจื่อเซวียนที่มองเซียวจื่อเมิ่งหันไปมองเซี่ยยวี่หลัว
ความร้ายกาจและหยิ่งผยองของนางหายไปจนสิ้น เวลานี้แย้มรอยยิ้มพราว คิ้วงามโก่งโค้งราวกับมารดาผู้มีเมตตา ในแววตาของนาง เซียวจื่อเซวียนเห็นความดีงามและความรัก
เมื่อเก็บความคมกริบในความงามของนาง ก็เผยให้เห็นความงามที่อ่อนโยนของสตรีผู้หนึ่ง
นี่เป็นสิ่งที่ในอดีตนางไม่เคยมี ตอนนี้กลับปรากฏชัด ทั้งยังดูเป็นธรรมชาติไม่ฝืดฝืน คนคนหนึ่งเกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อย่างไร เปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งที่ต่างจากเดิมโดยสมบูรณ์
เซียวจื่อเซวียนยิ้มพร้อมเดินขึ้นหน้า “กลับมาแล้วงั้นหรือ?”
เซียวจื่อเมิ่งไม่ได้สลัดให้หลุดจากมือของเซี่ยยวี่หลัว เพียงชูมือเล็กอีกข้างหนึ่งขึ้น “พี่รอง” เซี่ยยวี่หลัวก็แย้มรอยยิ้ม “กลับมาแล้ว ไป เราไปทำอาหารกัน! ข้าจะทำหมูตุ๋นน้ำแดงให้พวกเจ้ากิน”
เมื่อได้ยินว่าจะได้กินเนื้อหมูอีก เซียวจื่อเมิ่งก็ปรบมือร้องตะโกนด้วยความดีใจ เซียวจื่อเซวียนเผยรอยยิ้ม ริมฝีปากตวัดขึ้นชั่วครู่ ก็กลับสู่สภาวะเย็นชาเหมือนเคยอย่างรวดเร็ว
เนื้อหมูแพงมาก!